โรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากการติดเชื้อ (Infective thyroidits)

ห้องเรียนที่ WWC มีทองกวาวเป็นฉากหลัง
เรียนคุณหมอสันต์

    หนูอายุ 40 ไม่เคยป่วยเป็นโรคอะไรแต่อยู่มาวันหนึ่งหนูอาบน้ำ ขณะลูบบริเวณต่อมไทรอยด์ที่คอก็มีอาการเจ็บจนต้องร้องออกมา ยิ่งกดดูก็ยิ่งเจ็บมาก หนูนึกทบทวนดูมันอาจเป็นเรื่องเดียวกันกับที่หนูอ่อนเพลียเอาแต่จะนอนหลับ พยายามฝืนอัดกาแฟก็ไม่สำเร็จ บางครั้งหนูมีอาการขี้หนาว แบบสั่นๆ หนูทดลองเอาปรอทมาวัดไข้ วัดได้ 38.4 จึงไปซื้อยา Augmentin จากร้านขายยามากิน กิน 1000 มก. วันละสองครั้ง กินแล้วดูมันจะดีขึ้น บวมน้อยลง กดเจ็บน้อยลง แต่ยังเพลียมาก จึงขับรถไปคลินิกหมอหูคอจมูก วันขับรถไปหนูแทบขึ้นรถไม่ได้ หมอตรวจแล้วบอกว่าหนูมีต่อมไทรอยดอักเสบแบบฮาชีโมโต้ ได้ให้ยา prednisolone,  Losec และยาแก้แพ้มากิน แล้วนัดให้หนูไปรับการตรวจต่อมไทรอยด์ต่อด้วยการใช้เข็มเจาะ หนูกลัวเป็นมะเร็งมาก ไม่สบายใจเลย จึงขอปรึกษาคุณหมอว่าหนูควรรีบไปตรวจมะเร็งก่อนกำหนดนัดไหม

ขอบพระคุณค่ะ

...................................................

ตอบครับ

    ผมรีบตอบให้คุณเป็นการด่วน เผื่อว่าคุณจะยังมีชีวิตอยู่ (อุ๊บ..บ พูดเล่น)

    คุณถามมาตรงนี้ก็เท่ากับเรามาตั้งต้นเรื่องกันใหม่นะ ที่ผ่านไปแล้ว หรือที่คุณหมอท่านอื่นได้วินิจฉัยและรักษาไปแล้วนั้นถือว่าชีวิตในบทนั้นจบไปแล้ว มาเริ่มบทใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างสองเราตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งผมจะขอว่าไปเป็นขั้นๆนะ

    ขั้นที่ 1. อาการสำคัญของคุณ คืออาบน้ำลูบลูกกระเดือกตัวเองแล้วต้องร้องจ๊ากเพราะมันเจ็บ ยิ่งกดดูแถวคอยิ่งเจ็บ เป็นมาแล้วหลายวัน อาการประกอบคืออ่อนเพลียแบบสุดๆ จะเอาแต่นอนแม้กาแฟเข้มๆก็ปลุกไม่ขึ้น มีอาการหนาวสั่นสะท้าน และมีข้อมูลเล็กๆที่สำคัญมากชิ้นหนึ่งคือคุณอมปรอทวัดได้อุณหภูมิ 38.4 (โห นี่ต้องขอชมนะเนี่ย มีปรอทอยู่ที่บ้านด้วย หมอบางคนอย่างหมอสันต์ยังไม่มีเลย หิ..หิ) แล้วคุณก็ไปซื้อยา Augmentin ขนาด 1000 มก.มากินเช้าเย็นแล้วก็ดูท่ามันจะกดเจ็บน้อยลงแต่ยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอยู่มากจึงไปหาหมอ ซึ่งคุณหมอหูคอจมูกก็วินิจฉัยว่าคุณเป็นต่อมไทรอยด์อักเสบชนิดฮาชิโมโต้ และได้รักษาโดยให้ยา prednisolone, Losec, และยาแก้แพ้ มากิน ข้อมูลสำคัญมีประมาณนี้นะ

     ขั้นที่ 2. ผมจะให้การวินิจฉัยเบื้องต้นทางอากาศ (virtual presumptive diagnosis) ว่าคุณเป็นโรคฝี (abscess) ที่ลำคอซึ่งอาจลามไปอักเสบถึงต่อมไทรอยด์ (infective thyroiditis) และมีการแพร่กระจายเชื้อไปในกระแสเลือด (sepsis) นี่นับเป็นคำวินิจฉัยที่ออกจะรุนแรงสักหน่อย เพราะการติดเชื้อในกระแสเลือดมันถึงตายได้ ดังที่คุณอาจจะเคยได้ข่าวว่าเกิดกับหมอดูชื่อดังบางคนมาแล้ว (หิ หิ)

    กรณีของคุณนี้ผมจะไม่ให้คำวินิจฉัยแยกโรค (differential diagnosis ซึ่งแปลว่าการใส่คำวินิจฉัยเผื่อเหนียวที่เตรียมไว้อีกหลายๆอันเผื่ออันแรกผิด) ผมไม่ให้ไว้เลย แม้โรค Hashimoto thyroiditis ซึ่งเป็นโรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกันตัวเองผมก็ไม่คิดถึง เพราะโรคนั้นมันไม่มีอาการปวดต่อมระเบิดระเบ้อดอก มันออกอาการทางฮอร์โมนไทรอยด์มากหรือน้อยผิดปกติ ส่วนที่คุณกลัวจะเป็นมะเร็งนั้นก็เป็นความกลัวที่เป็นบ้าไปแล้ว เพราะมะเร็งเฉียบพลันแบบปวดบวมแดงร้อนทันทีนั้นไม่มีหรอก

     ขั้นที่ 3. คราวนี้มาพูดกันถึงวิธีรักษา ผมจะแบ่งเป็นสองส่วนคือ ขั้นรักษาด้วยตัวเอง กับขั้นไปโรงพยาบาล ผมแนะนำให้คุณให้เวลากับการรักษาด้วยตัวเองไม่เกิน 24 ชั่วโมง หากไม่สำเร็จคุณต้องรีบไปโรงพยาบาล โดยตัวชี้วัดว่าสำเร็จหรือไม่สำเร็จ คือไข้ของคุณต้องลงมาต่ำกว่า 37.5 ร่วมกับอาการปวดบวมแดงกดเจ็บลดลง จึงจะถือว่าสำเร็จ ในขั้นรักษาด้วยตัวเองให้คุณทำดังนี้

    1. หยุดยา prednisolone ซะเลยทันที เพราะยานี้ไปกดภูมิคุ้มกัน จะทำให้เชื้อแพร่กระจายในเลือดได้เร็วขึ้น

    2. หยุดยา Losec (omeprazole) ไปเสีย เพราะยานี้เขาให้มาเพื่อป้องกัน prednisolone กัดกระเพาะ หากไม่กิน prednisolone ก็ไม่ต้องกินยานี้

    3. หยุดยาแก้แพ้ไปเสีย เพราะยาแก้แพ้ (antihistamine) ไม่ได้แก้แพ้ภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ไม่เกี่ยวกันเลย

    4. เพิ่มขนาดยา Augmentin ที่คุณซื้อมากินจากเดิมกินครั้งละ 1000 มก.เป็นกินครั้งละ 2000 มก. วันละ 2 ครั้ง เพราะยานี้สำหรับเชื้อโรคในคนไทยมันหัวแข็งดื้อด้านกว่าในฝรั่ง การใช้ขนาดปกติมักไม่ได้ผล แต่จะยังได้ผลหากใช้ในขนาดเว่อร์แบบไทยๆ

    5. ห้ามกินยาแก้ปวดหรือยาลดไข้ เพราะมันจะไปบดบังอาการสำคัญคือ "ไข้" ซึ่งเป็นทั้งตัวชี้วัดความสำเร็จของการรักษา และเป็นทั้งเครื่องมือช่วยร่างกายกำจัดเชื้อได้เร็วขึ้น

    5. วัดปรอททุก 6 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อหนาวสั่นต้องลุกมาอมปรอททันที เมื่อใดก็ตามที่ไข้ขึ้นมาสูงเกิน 38.5 อีก หรืออาการปวดบวมแดงร้อนมันมากขึ้น ต้องไปนอนหยอดยาปฏิชีวนะเข้าหลอดเลือดดำที่โรงพยาบาลทันที ไปโรงพยาบาลที่คุณมีบัตรสามสิบบาทอยู่นั่นแหละ

    6. ถ้าคุณสุขสบายดี ไข้ลง อาการปวดบวมแดงร้อนลดลง คุณก็กินยาต่อไปจนทุกอย่างปกติ ซึ่งไม่ควรจะใช้เวลานานเกิน 2 สัปดาห์ แต่คุณไม่ต้องตะบันกินยาจนครบสองสัปดาห์ดอกนะ ไข้ลงสนิทและหายปวดบวมแดงร้อนเมื่อไหร่ ก็หยุดยาได้เมื่อนั้น เพราะหลักการรักษาโรคติดเชื้อที่ว่าต้องกินยาให้ครอบคอร์สนั้นไม่ควรยึดถือปฏิบัติเคร่งครัดเกินไป เพราะมันมีผลเสียมากกว่าผลดี กล่าวคือมันเป็นวิธีบ่มให้เกิดเชื้อดื้อยาที่จะสร้างความยากลำบากให้กับทุกๆคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้กับชาติในอนาคต

     7. ถ้าทุกอย่างสงบแล้ว หากคุณรู้จักใช้ชีวิตอย่างง่ายๆก็ให้ทุกอย่างมันจบแค่นี้ ซึ่งหมอสันต์แนะนำให้ทั้งคุณและทั้งท่านผู้อ่านทุกๆคนด้วยว่า.. ให้หัดเป็นคนใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ (live simply)

    แต่หากคุณเป็นคนเรื่องมากกับชีวิต ก็ให้คุณไปหาคุณหมอต่อมไร้ท่อ (endocrinologist) เพื่อสืบค้นทางฮอร์โมนว่าฮอร์โมนไทรอยด์ของคุณ (TSH, FT4) ทำงานผิดปกติหรือเปล่า มีภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (TG) เพิ่มขึ้นสูงผิดปกติไหม่ ถ้าเขาบอกว่าทุกอย่างปกติแต่คุณยังไม่แล้วใจอีก ยังคิดว่าไม่ได้เรื่อง ก็ให้คุณตระเวณไปหาหมอศัลยกรรมทั่วไปหรือหมอหูคอจมูกเพื่อจะให้ได้เรื่อง (หิ หิ พูดเล่น) เพื่อให้เขาวินิจฉัยว่าคุณมีก้อนผิดปกติในต่อมไทรอยด์ไหม หากหมอเขาจะเอาเข็มเจาะดูดต่อมไทรอยด์เพื่อการวินิจฉัยคุณก็ต้องยอมเขาเพราะคุณไปหาเขาแล้ว หากเขาเอาเข็มเจาะดูดแล้วรายงานผลการตรวจน้ำที่ดูดออกมาว่าผลการตรวจมันก้ำกึ่งไม่ชัดว่าเป็นมะเร็งหรือเปล่าจึงขอทำผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ข้างนั้นออก คุณก็ต้องยอมตามเขาไปอีก บนเส้นทางของคนเรื่องมากกับชีวิตนี้เขาจะไปจบกันที่ไหนอย่างไรผมไม่ทราบ คุณต้องไปต่อของคุณเอาเอง และผมขอให้คุณโชคดี

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

ทะเลาะกันเรื่องฝุ่น PM 2.5 บ้าจี้ เพ้อเจ้อ หรือว่าไม่รับผิดชอบ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

แจ้งข่าวด่วน หมอสันต์ตัวปลอมกำลังระบาดหนัก

เลิกเสียทีได้ไหม ชีวิตที่ต้องมีอะไรมาจ่อคิวต่อรอให้ทำอยู่ตลอดเวลา

ไปเที่ยวเมืองจีนขึ้นที่สูงแล้วกลับมาป่วยยาว (โรค HAPE)

หมอสันต์สวัสดีปีใหม่ 2568 / 2025

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

"ลู่ความสุข" กับ "ลู่เงิน"