บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2010

เมื่อไปตรวจภายใน ควรตรวจหาเชื้อเอ็ชพีวีด้วยไหม

ดิฉันไปตรวจภายในแล้วแพทย์ให้ตรวจหาเชื้อเอ็ชพีวี (HPV-DNA)ด้วย แล้วได้ผลบวก กลุ้มใจมาก จะเป็นมะเร็งไหม ทำไมจึงได้ผลบวก เป็นเพราะว่าแฟนยังไม่เลิกเที่ยวใช่ไหมคะ คุณหมอช่วยตอบให้ละเอียดด้วยนะ ตอบ ถ้าจะเอาให้ละเอียด คุณต้องเข้าใจคำที่แพทย์ใช้อ่านผลการตรวจเซลจากการตรวจภายในจากปกติไปจนเป็นเซลมะเร็งปากมดลูกเสียก่อน ระบบแบ่งนี้เรียกว่าระบบเบเทสด้า (Bethesda System) โดยมองหาความผิดปกติของเซลแล้วแบ่งชั้นตามความรุนแรง คือ 1. ปกติ 2. มีจุดผิดปกติที่อาจเป็นมะเร็งหรือ Squamous intraepithelial lesion เรียกย่อว่า SIL ซึ่งยังแบ่งออกเป็นสามเกรด สุดแล้วแต่ว่าจะมีความแก่กล้าของการกลายเป็นมะเร็ง (Cervical Intraepithelium Neopasia หรือ CIN) มากหรือน้อย คือ 2.1 พวกเกรดต่ำ คือมีเยื่อบุผิดปกติแบบไม่เจาะจง หรือ Atypical squamous cells of undetermined significance นิยมเรียกย่อว่า ASC–US พวกนี้ถือว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งต่ำ บางทีจึงเรียกว่า Low-SIL หรือ LSIL ถ้ามองในแง่ระดับของการกลายเป็นมะเร็งก็ถือว่าะเป็นระดับ CIN1 ความผิดปกติระดับนี้มักเกิดจากการติดเชื้อเอ็ชพีวี และมักหายไปได้เอง 2.2 พวกเกรดสูงหรือ High-SIL หรือ HS...

เด็กผู้ชายควรได้รับการฉีดวัคซีนเอ็ชพีวีหรือไม่

เพื่อนแนะนำว่าที่อเมริกาเขาให้เด็กผู้ชายฉีดวัคซีนเอ็ชพีวี อยากถามความเห็นคุณหมอว่าควรฉีดไหม ตอบ เชื้อเอ็ชพีวี. (HPV) เป็นเชื้อไวรัสที่กลายมาเป็นที่รู้จักเพราะมันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง เชื้อนี้ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นผู้ชายก็ติดเชื้อเอ็ชพีวีได้เหมือนกับผู้หญิง ศูนย์ควบคุมโรคอเมริกา (CDC) ประมาณว่าครึ่งหนึ่งของผู้ชายอเมริกันได้รับเชื้อเอ็ชพีวีในชั่วชีวิตของตน เมื่อได้รับเชื้อแล้ว มันมักจะไม่ก่ออาการอะไร มีส่วนน้อยที่ก่ออาการ คือไปทำให้เกิดหงอนไก่ (genital wart) ที่อวัยวะเพศ หรือทวารหนัก หรือขาหนีบ โรคหงอนไก่ไม่ได้เป็นโรคที่ซีเรียส ศูนย์ควบคุมโรคประมาณว่าผู้ชายอเมริกัน 1% เป็นหงอนไก่ไม่ตอนใดก็ตอนหนึ่งในชีวิต หงอนไก่นี้รักษาให้หายได้ง่าย แต่ช่วงที่เป็นหงอนไก่ผู้ชายจะแพร่เชื้อต่อได้ ดังนั้นจึงควรใช้ถุงยางอนามัยถ้ามีเพศสัมพันธ์ในระหว่างนั้น นอกจากทำให้เกิดหงอนไก่แล้ว มีบ้างเหมือนกันแต่ไม่มากที่เชื้อเอ็ชพีวีชนิดความเสี่ยงสูงไปทำให้ผู้ชายเกิดเป็นมะเร็งขึ้น เช่นมะเร็งอวัยวะเพศชาย (Ca penis) มะเร็งที่รอบรูทวารหนัก (Ca rectum) มะเร็งของหลอดคอและช่องปากที่สัมพ...

การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังถูกสัตว์กัด เป็นเรื่องฉุกเฉิน

การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นเรื่องฉุกเฉิน ยิ่งลงมือทำได้เร็วเท่าใดยิ่งดี อย่ารอสังเกตอาการสัตว์ วิธีขังสัตว์ไว้สังเกตอาการไปนานสิบวัน ถ้าสัตว์สบายดีก็ไม่ต้องทำอะไรนั้น เป็นวิธีที่องค์การอนามัยโลกไม่แนะนำให้ทำแล้ว (เว้นเสียแต่จะมีข้อต่อไปนี้ครบทุกข้อ คือ (1) สัตว์นั้นมีอายุเกินหนึ่งปีแล้ว (2) สัตว์ได้รับวัคซีนจากแหล่งที่เชื่อถือได้มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 โด้ส (3) สัตว์ได้รับวัคซีนโด๊สแรกตอนที่อายุมากกว่าสามเดือนไปแล้ว (เพราะถ้าได้ตอนอายุน้อยกว่านั้นจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่ดี) (4) สัตว์ได้รับวัคซีนโด๊สถัดมาห่างจากโด๊สแรก 6-12 เดือน (เพราะถ้าได้ชิดกันเกินไปจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่ดี) ต้องมีเกณฑ์เหล่านี้ครบเท่านั้น จึงจะใช้วิธีสังเกตอาการสัตว์ไปนาน 10 วันได้) อย่ารอฟังผลการตรวจเชื้อจากหัวสัตว์ที่ตัดส่งไปห้องแล็บ เพราะจะทำให้การรักษาช้าเกินไป (เว้นเสียแต่ว่าสัตว์นั้นมีโอกาสจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้าต่ำมาก และการรอผลแล็บนั้นใช้เวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง) แพทย์เองต้องปฏิบัติต่อผู้ถูกสัตว์กัดแบบภาวะฉุกเฉินเสมอ ไม่ว่าจะมาพบแพทย์ช้าแค่ไหน แม้จะช้าไปเป็นเดือน แต่เมื่อถึงมือแพทย์แล้ว แพทย์จะเดินหน้ารักษาแบบฉุกเ...