บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2019

(เรื่องไร้สาระ3) Warehouse Conversion

รูปภาพ
   ก่อนจะขึ้นเรื่องไร้สาระเรื่องใหม่ขอรายงานโครงการเกษตรหลังตรงว่าได้ดำเนินมาจนผักโตกินได้มาหลายวันแล้ว แม้ว่าจะเสียค่าโง่บ้างไปในบางประเด็นเช่น (1) ไม่รู้หรือว่าอากาศกรุงเทพมันร้อนตับแล่บจนผักทนแดดไม่ได้ชนิดที่เหี่ยวเป็นผ้าขี้ริ้วตากแห้งไปเลย ต้องไปหาซาแลนท์มาคลุมจึงจะพอรอดชีวิตมาได้บางส่วน แต่ก็ไม่วายไหม้ตามขอบใบเพราะความร้อน (2) ผักแต่ละชนิดแก่ไม่เท่ากัน เมื่อเก็บกินพร้อมกัน ชนิดหนึ่งหวานพอดี อีกชนิดหนึ่งแก่ขมปี๋ไปแล้ว (3) ปุ๋ยอินทรีย์ที่เอามาใส่ผักรุ่นแรกนี้ดูสีหน้าผักแล้วมันบอกว่า ฮึ..ฮึ ไม่ชอบ แฟนบล็อกท่านใดมีโนว์ฮาวเรื่องปุ๋ยอินทรีย์ (หมักแล้ว) ที่ควรใช้ปลูกผักช่วยบอกหมอสันต์เอาบุญด้วย      กล่าวโดยสรุปโครงการเกษตรหลังตรงได้ผักรุ่นแรกสำเร็จ 70% แม้ผักบางส่วนจะขมแต่หมอสันต์ก็ไม่เดือดร้อนมากนักเพราะไม่ต้องทนกินคนเดียว หิ หิ ใช้วิธีแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านและญาติมิตรช่วยกันหารเอาความขมขื่นไปกินคนละนิดคนละหน่อย      เอาละ คราวนี้มาคุยกันเรื่องโครงการไร้สาระโครงการใหม่ ความเป็นมามีอยู่ว่าผมมีคนไข้เป็นคนมีอันจะกินอยู่ตามเมืองใหญ่ต่างๆทั่วเ...

ถามหมอสันต์ถึงการเข้าทรง (channelling) และตั้งตนเป็นผู้ตรัสรู้ (ascended master)

สวัสดีค่ะอ.สันต์ ดิฉันและสามี(ต่างชาติ)เป็นคู่หนึ่งที่แสวงหาชีวิตด้านจิตวิญญาณ เรามีความเหมือนกันในด้านการดูแลสุขภาพที่จะเน้นธรรมชาติบำบัด ทานมังสวิรัติ แต่ทางด้านจิตวิญญาณนี่สิคะ เป็นอะไรที่คับข้องใจจนเกิดความสับสนว่าใครไปถูกทางหรือหลงทางกันแน่ ดิฉันไม่ได้เข้าคอร์สสำนักใดๆ อาศัยหาความรู้ทางอินเตอร์เนต และฟังธรรมะทั้งพุทธและคริสต์ รวมทั้งการถ่ายทอดชีวิตด้านจิตวิญญาณของอ.สันต์ ก็ทำให้อยู่กับปัจจุบัน มีความสุขและพอใจกับความเป็นอยู่ ที่เน้นความสมถะ เรียบง่ายและพอเพียง เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นนั่งสมาธิจนเกิดปัญญาญาณ แต่คุณสามีไปมาทัวร์มาหลายคอร์ส ทั้ง channelling , healing , meditation ฯลฯ แต่ดูๆแล้วยังเอาตัวเองไม่รอด เวลาเกิดปัญหาเช่นเครียดจากงาน หรือเกิดอาการแพ้แบบ Asthma จากโรคภูมิแพ้ที่เป็นอยู่บ่อยๆก็ยังไม่สามารถจัดการได้อย่างคนรู้ตัวหรือมีสติ เลยไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขาฝึกมาเป็นความรู้ตัวแบบหลงหรือเปล่า ส่วนหนี่งที่เขาเข้าคอร์สเหล่านี้ก็เพื่อรักษาตัวเองด้วย ที่ดิฉันไม่เข้าคอร์สด้วยเพราะไม่ศร้ทธา และเห็นว่ายังเป็นวัตถุนิยม ยึดติดในสิ่งที่มองไม่เห็น แทนที่จะเป็นความหลุดพ้น จากประสบการณ์ของอ...

หนูทำดีทุกอย่าง แต่ทำไมเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจได้ (cardiomyopathy)

ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับความรู้ของโรคหัวใจ รบกวนสอบถามคุณหมอสันต์นะคะ ดิฉันไม่มีความเสี่ยงของโรคหัวใจ ไม่อ้วน ไม่เป็นความดัน ไม่เป็นเบาหวาน ไม่มีความด้น ไม่สูบบุหรี่ และกินมังสะวิรัติครบ 3 เดือนต่อด้วยกินเจอีก 10 วัน ทำไมเป็นโรคหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ได้คะ ...................................................... ตอบครับ      ข้องใจว่าตัวเองดูแลปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจเสียดิบดี ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ ไขมัน ความดัน เบาหวาน แต่ทำไมเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงได้ ผมเข้าใจว่าคุณคงหมายถึงโรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการ (cardiomyopathy) ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ไม่เกี่ยวอะไรกับการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการ มันคนละโรคกัน โรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการนี้เป็นโรคที่วงการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุ รู้แต่ว่าผู้ป่วยจำนวนหนึ่งเป็นมาตั้งแต่กำเนิด อีกส่วนหนึ่งเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมาก่อน แต่ส่วนใหญ่ไม่มีสาเหตุใดๆทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดหรือโรคหัวใจขาดเลือดด้วย เขียนมาถึงตรงไม่เกี่ยวอะไรกันนี้ นึกขึ้นได้ขอนอกเรื่องหน่อยนะ      ...

คุณอย่าใช้เวลาอยู่ในบ้านมากเกินไป

เรียนคุณหมอสันต์ ผมกำลังเป็นทุกข์กับลูกสาวที่ติดยาเสพย์ติด พยายามจะช่วยเธอทุกทางแต่ก็ไม่เป็นผล จนผมเองกลายเป็นคนจิตไม่สมประกอบ มักเผลอคิดเสียดายเมื่อครั้งอดีตที่ตัวเองไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ ชีวิตมันหดหู่รันทด ทั้งวันผมเอาแต่นั่งคิดเสียจนเกิดความคิดว่าถ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างนี้ต่อไปตลอดชาติก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไม ถ้าผมตายไปอะไรมันอาจจะดีขึ้น แต่ก็ยั้งใจอยู่ว่าลูกยังต้องการคนช่วย รบกวนคุณหมอช่วยชี้ทางสว่างว่าผมควรจะช่วยลูกสาวอย่างไรดีครับ ...................................................... ตอบครับ      1. การแก้ปัญหาเรื่องนี้ วาระที่หนึ่งคือคุณกำลังเป็นทุกข์ เมื่อคุณเป็นทุกข์ ต้องแก้ที่คุณ ไม่ใช่ไปแก้ที่ลูกสาว แก้ที่ใจคุณ คือให้คุณวางความคิดที่ทำให้คุณเป็นทุกข์ให้ได้ก่อน สถานะการณ์นอกตัวที่คุณอ้างว่าเป็นสาเหตุคือเรื่องราวในชีวิตของลูกสาวนั้นเอาไว้ก่อน เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว และคุณก็ไม่ได้มีอำนาจจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรมันได้ทันที มาลงมือแก้ที่ใจคุณ ซึ่งคุณเปลี่ยนแปลงมันได้ก่อน      2. ขั้นตอนปฏิบันขั้นแรกคือคุณอย่าใช้เวลาอยู่ในบ้านมากเกินไป เมื่ออยู่ในบ้าน...

การฟื้นฟูหลังจากเป็นอัมพาตสมองเล็ก (cerebellar rehabilitation)

เรียนคุณหมอสันต์ ดิฉันอายุ 69 ปีมีอาการมึนงงวิงเวียนจนยืนทรงตัวแทบไม่ได้ ได้ไปรักษากับหมอหูคอจมูกว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ได้ยามากินก็ยังโงนเงนทั้งวัน ไปทำ MRI มาแล้วหาหมอคลินิกประสาทวิทยาว่าเป็นโรคอัมพาตสมองเล็กชนิดที่ MRI มองไม่เห็นความผิดปกติของหลอดเลือด ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อทำกายภาพสี่วันซึ่งนักกายภาพก็จับยืนและเดินเป็นหลัก ตอนนี้กลับบ้านแล้วหมอบอกแค่ว่าให้ไปหัดเดินต่อเองเพราะไม่มีวิธีรักษาอย่างอื่นแล้ว ตอนนี้พอจะเดินได้โดยเกาะไป แต่ยังไม่กล้าออกนอกบ้าน ไม่รู้ว่าเป็นโรคนี้จริงไหม โรคนี้เป็นแล้วมันจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป การดูแลตัวเองควรสำหรับคนเป็นโรคอัมพาตสมองเล็กนี้ต้องทำอย่างไร ขอบพระคุณคุณหมอด้วยนะคะ .................................................................       ก่อนตอบคำถาม ขอพูดถึงโรคอัมพาตของสมองเล็กหรือ vertebro basillar stroke หรือ cerebellar stroke นิดหนึ่ง ว่ามันคือภาวะที่มีลิ่มเลือดไปอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยง หรือมีเลือดออกในสมองส่วนหลัง (cerebrum) และหรือก้านสมอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เลี้ยงโดยชุดหลอดเลือดที่เรียกว่า verte...

มัวไปเล่นกับสังหรณ์จากลำไส้ เดี๋ยวก็จะเจอขี้เข้าจริงๆหรอก

เวลาผมตัดสินใจด้วยความรู้สึกลึกๆ หรือ gut feeling ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นสิ่งเดียวกับที่อาจารย์หมอสันต์เรียกว่าปัญญาญาณ ผมมักจะถูกต่อต้านโดยคนรอบข้างหรือเพื่อนร่วมงานว่าผมตัดสินใจโดยขัดกับหลักการของเหตุและผล และรุมถามผมว่าผมจะรู้ได้อย่างไรว่าการตัดสินใจของผมถูก ผมควรจะตอบคำถามอย่างไรดีครับ และผมควรจะเชื่อถือและใช้ gut feeling ของผมนำทางต่อไปหรือไม่ ........................................................ ตอบครับ      1. ถามว่าเมื่อตัดสินใจอะไรลงไปโดยขัดกับหลักการของเหตุและผลแล้วทำไมถูกต่อต้านโดยคนอื่น ตอบว่าในการมีชีวิตอยู่ในสังคมนี้ ถ้าคุณตัดสินใจอะไรที่ขัดกับผลประโยชน์ของคนอื่น คุณถูกต่อต้านแน่ แต่ถ้าคุณตัดสินใจให้เขาได้ผลประโยชน์ เขาจะเห็นด้วยกับคุณ ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับตรรกะของเหตุและผล และยิ่งไม่เกี่ยวอะไรกับปัญญาญาณเลย การจะตัดสินใจโดยไม่ให้คนต่อต้าน คุณก็ต้องเรียนรู้กลยุทธ์ของการประสานผลประโยชน์ให้ลงตัว สมัยผมยังทำงานอยู่ ผมชอบพูดติดตลกว่า      "รอให้พระเจ้าแผ่นดินพูดก่อน"      ผมหมายถึงว่าให้แก้ปัญหาเรื่องผลประโยชน์ก่อน เช่นขึ้นค่...

หมอสันต์ ให้สัมภาษณ์นิตยสารโมเดิร์นไลฟ์

     ผมบังเอิญพบบทสัมภาษณ์เก่าที่นิตยสารโมเดิร์นไลฟ์ส่งมาให้ มันถูกทิ้งไว้ใต้กองกระดาษนานแล้ว ผมเห็นว่ามีสาระอยู่บ้าง จึงเอามาให้แฟนบล็อกอ่านเล่น เนื่องจากประวัติชีวิตคุณหมอในอดีต หาอ่านได้มากมายในสื่อต่างๆ คงไม่ถามแล้ว อยากทราบประวัติศาสตร์บรรทัดใหม่ๆ ที่กำลังเขียนอยู่ในตอนนี้มากกว่า      “(หัวเราะ) …ผมเป็นคนที่แค่วันนี้อยู่สบายๆไม่มีใครมาบีบคอให้หายใจไม่ออกผมก็โอเคแล้ว จากนี้ไปอย่าว่าแต่อนาคตไกลๆเลย แค่ชั่วโมงหน้าผมก็ไม่คิดแล้ว อยู่ไปทีละช็อต ทีละโมเม้นท์ เพราะฉะนั้นถ้าถามถึงแผนในอนาคตยังไงบ้าง ไม่มี ไม่มีการวางแผนอะไรในอนาคต อดีตถ้าจะให้รื้อฟื้นจริงๆก็ได้แต่ว่าเป็นคนที่ไม่ชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บ อดีตไม่มี อนาคตไม่มีอยู่ไปทีละช็อต เป็นคนแก่ที่ไม่มีวาระ ไม่มีอะเจนด้า” การที่เริ่มรู้สึกได้ว่า อยู่กับปัจจุบัน ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ต้องพยายามคิดให้ได้ตลอดเวลา หรือมันเป็นกลไกอัตโนมัติไปแล้ว      "..กลไกการ “วางความคิด” ของผม มันอัตโนมัติไปแล้ว ผมเป็นคนที่เปิดรับอะไรก็ตามที่จะเข้ามา การที่เราจะเป็นคนเปิดรับได้ง่าย เราต้องไม่มีความคิด ต้องวางควา...

ปรับปรุงแค้มป์รีทรีตทางจิตวิญญาณ ครั้งที่ 13 (Spiritual Retreat - SR13)

     แค้มป์ปลีกวิเวกทางจิตวิญญาณ Spiritual retreat (SR) ทำไปแล้ว 12 ครั้ง คราวนี้มีเหตุให้ต้องปรับปรุงเนื้อหาสาระอีกครั้ง 1. Spiritual Retreat คืออะไร     Spiritual หมายถึงองค์ประกอบของชีวิตที่ข้ามพ้นส่วนที่เป็นร่างกายและความคิด นั่นก็คือองค์ประกอบส่วนที่เรียกว่าเป็นความตื่น (awakening) หรือความรู้ตัว (awareness)      Retreat คือการปลีกวิเวกหลีกเร้น ไปอยู่ในสถานที่สงบเงียบเป็นธรรมชาติ เพื่อให้ได้มีเวลาที่สันโดษและเป็นส่วนตัว      Spiritual retreat ก็คือการปลีกวิเวกหลีกเร้นเพื่อหันเหความสนใจจากโลกภายนอก หาการหลุดพ้นไปจากความคิด เพื่อกลับเข้าไปแสวงหาความสุขสงบเย็นที่ภายในตัว โดยเรียนรู้ผ่านการอยู่ในสถานที่สงบเงียบเป็นเวลานานหลายวันบ้าง หลายสัปดาห์บ้าง หลายเดือนบ้าง อาจจะอยู่คนเดียว หรืออยู่กับกลุ่มที่ต่างมุ่งแสวงหา "ความหลุดพ้น" เหมือนกัน     แค้มป์นี้ไม่เกี่ยวกับศาสนาใด ไม่มีพิธีกรรม ไม่ต้องปฏิบัติบูชา ไม่ต้องนุ่งห่มแบบใดแบบหนึ่งเป็นการเฉพาะ ไม่ต้องนอนตื่นเช้ามากๆ (เริ่มเรียน 6.30 น.)ไม่ต้องอดอาหาร ในแค้มป์จะพูดหร...

FINGER study ข่าวดีสำหรับคนขี้หลงขี้ลืม

     โรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ ได้ไต่อันดับขึ้นมาเป็นโรคยอดนิยมอย่างรวดเร็ว หากวินิจฉัยกันให้แม่นยำกว่านี้แล้ว วงการแพทย์เชื่อว่าตอนนี้โรคอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุการตายและทุพลภาพอันดับสามแล้ว เป็นรองก็แต่โรคหัวใจและมะเร็งเท่านั้น วงการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลอเมริกัน ได้ทุ่มเงินวิจัยผ่านสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) เพื่อทำวิจัยเกี่ยวกับโรคสมองเสื่อมมากกว่าโรคใดๆที่เคยให้มา  ในปี 2017 ปีเดียวใช้ไป 991 พันล้านเหรียญ โหลงโจ้งผ่านไปหลายสิบปีใช้เงินไปแล้วเป็นหมื่นล้านเหรียญ แลกกับสิ่งที่ได้มาคือยาสี่ตัว ซึ่งรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายไม่ได้ซักกะตัวเดียว ไหนๆก็พูดถึงยารักษาอัลไซเมอร์แล้วขอลงรายละเอียดหน่อยนะ สี่ตัวที่ว่าคือ      (1) cholinesterase inhibitor (เช่น Aricept) ยานี้ออกฤทธิ์ลดการทำลายสารเคมีเชื่อมต่อระหว่างเซลสมอง มันไม่ได้เปลี่ยนการดำเนินของโรค แต่ลดอาการขี้ลืมลงได้เล็กน้อยในผู้ป่วย 50% ที่กินยาโดยประโยชน์นี้คงอยู่นานแค่ 6-12 เดือน      (2) memantine (์Namenda) ออกฤทธิ์บล็อกตัวรับที่เซลสมองอีกตัวหนึ่งเรียกว่า NMDA ซึ่งปกติจะคุมระด...