บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม, 2017

โครงการ “ช่วยครูให้รู้วิธีพลิกผันโรคด้วยตัวเอง"

ศูนย์สุขภาพเวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ ๒๐๔ / ๓๙  ม.๕  ต.มิตรภาพ  อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ๑๘๑๘๐ วันที่  ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เรียน ท่านผู้อำนวยการ โครงการ “ช่วยครูให้รู้วิธีพลิกผันโรคด้วยตัวเอง" วัตถุประสงค์:  เพื่อให้ความรู้และพัฒนาทักษะการส่งเสริมสุขภาพและดูแลรักษาโรคด้วยตนเองแก่ครูที่ป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง กลุ่มเป้าหมาย:  ครู-อาจารย์และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่กำลังปฏิบัติงานในเขตอ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งกำลังป่วยหรือมีปัจจัยเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (รุ่นที่ 1 จำนวน 30 ท่าน) วิธีดำเนินการ: 1. กำหนดหลักเกณฑ์รับผู้เข้าร่วมโครงการว่า จะต้องเป็นครู-อาจารย์หรือเจ้าหน้าที่องค์กรส่วนท้องถิ่นที่กำลังปฏิบัติงานในเขตอ.มวกเหล็ก ที่เป็นโรคใดโรคหนึ่งในหกโรคต่อไปนี้คือ (1) ความดันเลือดสูง (2) เบาหวาน (3) หัวใจ (4) อัมพาตอัมพฤกษ์ (5) ไขมันในเลือดสูง และ (6) โรคอ้วน หรือมีตัวชี้วัดสุขภาพตัวใดตัวหนึ่งในสี่ตัวต่อไปนี้ผิดปกติ คือ (1) ความดันเลือดสูงเกิน 140/90 มม. หรือกินยาความดันอยู่ (2) น้ำตาลในเลือดสูงเกิน 100 มก/ดล. หรือก...

อาจารย์คณะแพทย์ที่หมดไฟ

ถึง อ.นพ.สันต์ คะ หนูเป็นอาจารย์ที่คณะแพทย์แห่งหนึ่งค่ะ แต่หนูไม่ใช่แพทย์ หนูได้รับทุนไปเรียนปริญญาเอกต่างประเทศ และกลับมาทำงานได้สิบห้าปีกว่า สอนนักศึกษาแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัช และคณะอื่นๆ หนูมีความสุขกับหน้าที่การสอนมากที่สุดค่ะ นับได้ว่าเป็นที่ชื่นชอบของนักศึกษามาโดยตลอด เร็วๆนี้ ได้มีโอกาสช่วยเหลือนักศึกษาที่มีปัญหาสุขภาพจิตหลายรูปแบบ แต่อาจารย์บางท่านไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าแนวทางของดิฉัน ถึงแม้จะทำให้นักศึกษาเรียนจนจบได้ แต่ก็เป็นได้แค่หมอที่ไร้คุณภาพเท่านั้น และจะเป็นปัญหาในอนาคต แต่หนูว่าควรให้เขาได้รับการรักษา และมีอาจารย์ประเมินการรักษาระหว่างเรียนด้วย ส่วนนักศึกษาที่ดีขึ้นจะเรียนต่อได้หรือไม่ เป็นเรื่องของความสามารถของเด็กเอง ซึ่งหนูเชื่อว่าถ้าสภาพจิตใจพร้อม นักศึกษาทุกคนมีศักยภาพค่ะ หนูเชื่อว่าอาจารย์ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเรื่องปัญหาทางจิต ไม่ว่าจะเรียนสูงแค่ไหน เป็นแพทย์หรือไม่ก็ตาม ช่วงนี้หนูคิดว่าอาชีพอาจารย์ของหนูกำลังจะจบแล้วค่ะ เพราะมันทำให้หนูเป็นทุกข์มาก ไม่สามารถวางอัตตาได้ สิ่งที่รับไม่ได้คือ เห็นอาจารย์ระดับสูงบางคนรวมกลุ่มกันเปลี่ยนตัวเลขเพื่อให้นักศึกษาบางคน...

จะไปจากลูกและหลานก็รู้สึกผิด

คุณหมอคะ ดิฉันเป็นครูเกษียณกินบำนาญได้สองปี สามีเสียไปหลายปีแล้ว อยู่ที่จังหวัด............ แต่ตอนนี้มาอยู่กรุงเทพฯเพื่อช่วยดูหลาน ตอนแรกว่าจะมาชั่วคราวช่วงเขาหาพี่เลี่้ยงไม่ได้ แต่นี่อยู่มาได้สองปีแล้ว พี่เลี้ยงก็ยังเข้าๆออกๆดิฉันเบื่อชีวิตแบบคนกรุงเทพ อยากกลับไปอยู่ต่างจังหวัด คิดถึงบ้านมาก และไม่กล้าบอกลูก ลูกชายกับลูกสะใภ้เมื่อเห็นมีแม่อยู่เขาก็กลับบ้านดึก กลายเป็นว่าทุกอย่างฉันเหนื่อยดูแลหมด ทำไปเพราะรักลูก หลานก็น่ารัก แต่เราก็เลี้ยงเด็กรุ่นลูกมาแล้วหนึ่งรุ่น แก่แล้วจะให้มาเลี้ยงรุ่นหลานอีกหนึ่งรุ่นหนึ่งก็จะมากเกินไปกระมัง ทุกวันนี้ได้แต่คิดแล้วเศร้า 24 ชม. 7 วัน นั่งเหม่อมองดูหลานเหมือนติดกับดักไม่อยากกินข้าวกินปลา ไม่ยอมให้ลูกรู้เพราะกลัวเขาจะทุกข์ คุณหมอช่วยแนะนำหน่อยว่าดิฉันควรทำอย่างไร .............................................. 1. หลานเป็นปัญหาของลูกชายและลูกสะไภ้นะ ไม่ใช่ปัญหาของคุณ พวกเขาแต่งงานกันแล้วมีลูก พวกเขาก็ต้องเลี้ยงดู นี่มันเป็นตรรกะที่ตรงไปตรงมาไม่ต้องคิดมากเลย ดังนั้นต่อปัญหาหลาน คุณส่งมอบหลานคืนให้ลูกชายและลูกสะไภ้ซึ่งเป็นเจ้าของปัญหาไปซะก็จบ อย่าไปแบ...

โรคลิ้นหัวใจรูมาติก ประเด็นจะผ่าหรือไม่ผ่า

กราบเรียน อาจารย์หมอค่ะ หนูมีปัญหากังวลใจเรื่องโรคหัวใจ อยากปรึกษาอาจารย์หมอมากๆค่ะ ขออนุญาตเล่าประวัติย่อๆ นะคะ ตอนนี้อายุ 37 ปีหนัก 58 สูง 165 จำได้ว่าเป็นโรคหัวใจรูมาติกตั้งแต่เด็ก น่าจะประมาณ8ขวบค่ะ ตอนนั้นรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนด้วยการฉีดยาเดือนละ 1 เข็ม ไม่รู้ว่ายาอะไร รู้แต่ว่ามันเจ็บมากค่ะ ด้วยความที่พ่อแม่เป็นคนต่างจังหวัด การเดินทางลำบาก ก็พาไปฉีดบ้างไม่ฉีดบ้างตามกำลังค่ะ ยาขาดไปตอนไหนก็ไม่รู้. จนเรียนจบมหาวิทยาลัย ทำงานเป็นแอร์โฮสเตส คุณหมอโรงพยาบา]...ตรวจสุขภาพเจอว่าเราเป็นโรคหัวใจรูมาติก เลยรักษาด้วยการให้กินยาpenicillin v 250 มิลลิกรัม และprenelol ครึ่งเม็ด เอาจริงๆ ยาตัวหลังนี่แทบจะไม่กินเลยค่ะ. การทำงานก็ถือว่าหนักค่ะ แต่ก็ทำมา 8ปี กินยามาตลอด จนตอนอายุ 31 ปีได้ตั้งครรภ์จึงลาออกจากงานและฝากท้องกับคุณหมอโรงพยาบาล... ตอนอายุครรภ์ได้6เดือน คุณหมอก็ทำบอลลูนให้เพราะกลัวร่างกายจะไม่ไหว การทำก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ หายใจโล่งขึ้น คลอดเองตามธรรมชาติ เลี้ยงลูกเองทุกอย่าง เหนื่อยบ้าง แต่ก็ทำอย่างเต็มที่ค่ะ หนูส่งผลเอคโค่(เท่าที่มีในมือ) ตอนอายุ 32 (ปี56 ใบสีเขียว) ซึ่งตรวจโดยคุณหมอโรงพ...

เครื่องช่วยฟังแบบผ่านโทรศัพท์มือถือ (Personal sound amplifier)

เรียนคุณหมอสันต์ที่นับถือ ผมเป็นแฟนเงียบมาเก้าปี คือตามมาตั้งแต่คุณหมอเริ่มเขียน ไม่เคยถาม แต่คอยแอบจำคำแนะนำไปใช้ ตอนนี้มีปัญหาซึ่งไม่เห็นมีใครถาม คือผมอายุ 72 ปี แต่การได้ยินแย่มาก เปลี่ยน Hearing Aid ไปแล้วสามตัว ตัวสุดท้ายหมดไปแสนกว่าแต่ก็ไม่เห็นได้เรื่อง ต้องวางทิ้งไว้กลับมาใช้มือป้องหูประกอบกับการอ่านริมฝีปากเหมือนเดิม ผมยังแข็งแรงดีทำอะไรได้ แต่อยากได้ยินอะไรดีกว่านี้ คุณหมอสันต์มีคำแนะนำอะไรบ้างไหมครับ ............................................... ตอบครับ      ฮ้า.. จริงเหรอ ผมเขียนบล็อกนี้มาเก้าปีแล้วเหรอ เผลอเขียนเพลินจนไม่รู้ว่าเขียนมาแล้วนานขนาดนี้ มิน่า วันก่อนกูเกิ้ลเขียนมาบอกว่ามีคนเปิดอ่าน (page view) บล็อกนี้ครบ 20 ล้านแล้ว และชวนให้ผมรับโฆษณา ผมปฏิเสธไปเพราะกลัวตัวเองหาอ่านเรื่องที่ตัวเองเขียนไม่เจอ ผมเห็นบางเว็บของฝรั่งที่เขารับโฆษณากัน (รวมทั้งเว็บดีๆอย่างของ WebMD ด้วย) เนื้อหาที่จะอ่านหายากจนแทบไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน มีแต่โฆษณาเต็มไปหมด และบางครั้งกำลังอ่านเคลิ้มอยู่ดีๆก็มีวิดิโอโฆษณาป๊อบขึ้นมาส่งเสียงดังลั่นจนตกอกตกใจ แบบนั้นไม่ไหว แต่ผมก็ต้อ...

การอยู่รอด (surviving) ต่างจากการใช้ชีวิต (living)

เรียน อ.สันต์ ที่นับถือ อาจารย์คะ ดิฉันอ่านบทความที่อาจารย์ตอบคุณครูคนหนึ่งซึ่งไม่อยากย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ที่ปักษ์ใต้ พูดประมาณว่าปล่อยคุณแม่ไปเถอะเพราะท่านแก่แล้ว ซึ่งคุณแม่ของคุณครูคนนั้นอายุห้าสิบกว่าเอง ดิฉันอายุ 55 ปี ถือว่าแก่เกินเปลี่ยนแปลงนิสัย ตรงๆเลยคือ สันดาน ไหมคะ      วันก่อนลูกชายคนเล็กมายืนดูงานผ้า appliqué ที่แม่กำลังทำ แล้วบอกว่า มันก็สวยดีนะครับ แต่มันเดิมๆ คุณแม่ทำอย่างนี้ทุกที ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นๆบ้าง แม่ก็ตอบว่า ทำแบบอื่นแม่ไม่ชอบ ไม่ถนัด ลูกชายบอกว่า แม่ต้องออกจาก comfort zone ได้แล้วเพื่อขยายพื้นที่ comfort zone ให้กว้างขึ้น คราวนี้เราจะทำอะไรได้ง่ายขึ้นและหลากหลายขึ้น แล้วเราจะอยู่ที่ไหน สภาพแวดล้อมแบบไหน ก็ได้ง่ายขึ้นด้วย       ดิฉันฟังลูก แล้วเก็บมาคิดอยู่หลายวัน เห็นภาพค่ะ ดิฉันมีความทุกข์ใจ คับข้องใจ อึดอัดใจ หลายเรื่อง ชีวิตไม่ค่อยมีความสุขทางใจ อาจจะเป็นอย่างที่ลูกพูดแน่ๆ ทำอะไรก็กลัวผิด ทำงานศิลปะก็แบบเดิมเพราะกลัวผิด (ไม่รู้เหมือนกันว่าผิดอะไร แต่กลัว) กลัวไม่ถูกแบบแผน ไม่เป็นอย่างที่เคยเป็นมา ฯลฯ รวมทั้งยังคอยกะเกณฑ์ใ...

เล่าเรื่องเดินไพรที่เขาหินปูนโดโลไมท์ อิตาลี

รูปภาพ
แค้มป์สนาม อิสปรา (Ispra Camp)      การเดินทางเที่ยวนี้ไปกันแปดคน หากไม่นับหมอพอผู้บุตรซึ่งผมหนีบไปเผื่อช่วยแก้ปัญหาเวลาผู้สูงวัยเกิดอาร์ทแอทแทคแล้ว คนอื่นๆล้วนเป็นเพื่อนผมวัยระดับหกสิบขึ้นทั้งสิ้น เรียนหนังสือด้วยกันมาบ้าง ทำงานใกล้ชิดกันมาสามสิบสี่สิบปีแล้วบ้าง การท่องเที่ยวกับคนที่รู้จักกันมานานมันสบายใจตรงที่ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหรือกระมิดกระเมี้ยนมาก ทำให้สนุกสนานได้เต็มที่ 6 กค. 60      เราตื่นเช้าขึ้นมาที่แค้มป์สนามอิสปรา (Ispra Camp) ริมทะเลสาปมะโจริ (Lake Magiore) ประเทศอิตาลี การมานอนค้างอ้างแรมในแค้มป์สนามซึ่งเป็นที่เขาเอา "บ้านรถ" มาจอดกันบ้าง กางเต้นท์นอนกันบ้าง มีข้อดีที่หากไม่จู้จี้เรื่องชนิดของที่พัก สนนราคาก็จะถูกกว่าโรงแรมมาก แต่ถ้าจู้จี้มากอย่างพวกเรานี้ เช่นเต้นท์ก็นอนไม่ได้เพราะปวดหลังและลุกจากพื้นไม่ขึ้น ต้องนอนรถบ้านเป็นอย่างต่ำ ต้องมีห้องน้ำส่วนตัวหนึ่งต่อหนึ่งด้วย เมื่อบวกค่าผ้าปูที่นอนปลอกหมอน โหลงโจ้งแล้วราคาก็ไม่หนีโรงแรมนัก แต่ก็ยังดีที่มีความโล่ง มีต้นไม้สีเขียว และมีกิจกรรมยามเช้าให้เลือกทำเช่นขี่จักรยาน เดิน วิ่ง ว่าย...