ครั้งแรก 22-25 กย. 61
Motto "สิ่งที่ได้ผลดีที่สุดในการรักษามะเร็งของคุณคือ..ตัวคุณเอง"
ความเป็นมา
สิ่งที่วงการแพทย์รู้ในปัจจุบัน ยังห่างไกลที่จะรักษามะเร็งส่วนใหญ่ให้หายขาด รู้เพียงแต่ว่าระบบภูมิคุ้มกันและระบบฟื้นฟูตัวเองของร่างกายมนุษย์เป็นปราการที่เชื่อถือได้มากที่สุดในการรับมือกับโรคมะเร็งนี้ แต่กระบวนการรักษามะเร็งปัจจุบันพากันมุ่งไปที่จะกำจัดเซลมะเร็งออกไปจากร่างกาย แต่ไม่ได้ทำอะไรกับปัจจัยแวดล้อมภายในร่างกายที่เอื้อให้เกิดมะเร็งขึ้นมาจากเซลปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเครียดกังวล ความกลัว สัมพันธ์ภาพที่ลุ่มๆดอนๆกับคนรอบข้าง สไสตล์ชีวิตที่เร่งรีบกดดัน โภชนาการที่เต็มไปด้วยอาหารขยะ และการขาดเป้าหมายหรือขาดความหมายในชีวิต รีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งนี้จึงเปิดขึ้นมาเพื่อให้ผู้ป่วยได้เลิกวิถีชีวิตเดิมๆที่เอื้อให้เกิดมะเร็งขึ้นมานั้นเสีย หันมาทดลองใช้ไลฟ์สไตล์แบบใหม่ที่จะเพิ่มพูนพลังกายพลังใจให้เดินหน้าไปกับชีวิตใหม่ได้เต็มศักยภาพที่ธรรมชาติให้มา
คอนเซ็พท์ของรีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็ง
ใช้ยุทธศาสตร์เจ็ดประการ คือ
1. เปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่
เลิกกลัวมะเร็ง เลิกมองมะเร็งว่าเป็นศัตรูของชีวิต มันเป็นเซลของเราเองที่กลายพันธุ์ไปอย่างกะทันหันซึ่งปกติก็เกิดอยู่บ่อยๆแต่ถูกทำลายทิ้งโดยระบบภูมิคุ้มกัน การที่มันแพร่พันธ์ุต่อได้เป็นการชี้บ่งว่าปัจจัยภายในร่างกายและสไตล์การใช้ชีวิตที่ผ่านมานั้นไม่เอื้อต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันแต่กลับไปเอื้อให้มะเร็งเติบโตจนเซลดีๆถูกเบียดเบียน
ดังนั้น เมื่อรักษาตามกระบวนการแพทย์แผนปัจจุบันเช่นผ่าตัด ฉายแสง เคมีบำบัด จบแล้วก็ควรเลิกแสวงหาความช่วยเหลือภายนอกใดๆที่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าได้ผลเสีย แล้วหันกลับเข้ามาค้นหาตัวช่วยที่ภายในตัวเองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและพลังในการฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาใหม่ ความกลัวมะเร็งเป็นความเครียดที่ทำร้ายระบบภูมิคุ้มกัน ความกลัวทำให้ไขว่คว้าคาดหวังลมๆแล้งกับปัจจัยภายนอก ทั้งๆที่ศักยภาพหรือพลังมหาศาลที่จะเยียวยาตัวเองนั้นอยู่ที่ภายในและเป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่แล้ว เราต้องเปิดพลังนี้ออกมาใช้ การฟื้นฟูตัวเองอย่างแท้จริงจึงจะเกิดขึ้น
2. โฟกัสที่การจัดการความเครียดกังวล
ความเครียดไม่ใช่เป็นอะไรที่ "เกิดขึ้น" กับเรา แต่เป็นผลจากการที่เรา "สนองตอบ" ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร แม้ในสถานะการณ์คับขัน เราก็ยังเลือกวิธีสนองตอบได้อย่างไม่เครียดหากเราได้เรียนรู้เทคนิคการฝึกสติวางความคิดกลับไปสู่ความตื่นซึ่งจะทำให้เราพร้อมที่จะเลือกสนองตอบอย่างมีเหตุผล การฝึกสติสมาธิเพื่อการอยู่ในปัจจุบันก็ดี โยคะก็ดี ไทชิก็ดี หากรู้จักใช้ ล้วนเป็นเทคนิคที่จะเอื้อต่อการวางความคิดมาอยู่กับการรับรู้พลังงานของร่างกาย ซึ่งจะเป็นสะพานทอดไปหาความตื่นหรือความรู้ตัว อันเป็นที่สงบเย็นและมีศักยภาพและพลังฟื้นฟูตนเองมากที่สุด
3. รู้ตัวทั่วพร้อม ผ่อนคลาย และตื่น
การรับรู้พลังงานของร่างกายผ่านความรู้สึกบนผิวกายด้วยไทชิ เป็นการทิ้งความคิดมาอยู่กับพลังของร่างกาย การผ่อนคลายร่างกายด้วยโยคะ เป็นการปล่อยให้กายและใจถอยกลับมาสู่ความสุขอันเป็นธรรมชาติดั้งเดิมของมัน จากจุดนี้จะนำไปสู่สมาธิซึ่งจะก่อให้เกิดพลังบวกต่อร่างกาย ในภาวะใจเป็นสมาธิ เมื่อปล่อยใจไปไม่ต้องควบคุม ในภาวะที่ปลอดความคิด ก็จะเข้าสู่ความตื่นหรือความรู้ตัวซึ่งเป็นธรรมชาติดั้งเดิมที่สงบสุข ที่ตรงนี้ปัจจัยภายนอกที่เร่งรัดกดดันร่างกายผ่านความคิดจะสลายไป ร่างกายจะเป็นตัวของตัวเองตามธรรมชาติระบบภูมิคุ้มกันที่เคยถูกกดไว้ไม่ให้ทำงานก็จะได้รับการปลดปล่อย ระบบฟื้นฟูซ่อมแซมร่างกายก็จะทำงานได้เต็มที่
4. เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตเสียใหม่
รีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งไม่ได้มุ่งกำจัดเซลมะเร็ง แต่มุ่งฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมภายในที่ถูกกดดันเสียศูนย์จนมะเร็งขยายตัวได้ให้กลับมาทำงานได้ดีเต็มศักยภาพที่มีตามธรรมชาติของมัน นั่นหมายถึง วิธีคิด แบบแผนพฤติกรรมเดิมๆที่มีผลเสียต่อสุขภาพต้องถูกปรับเปลี่ยน
มะเร็งคือสัญญาณเตือนให้ลงมือเปลี่ยนแปลง
จากการเป็นผู้บ่มเพาะสิ่งเสียๆถมทับบนร่างกายมาเป็นผู้เสริมสร้างสิ่งดีๆให้ร่างกาย เปลี่ยนหมดไม่ว่าจะเป็นความคิดลบ อารมณ์ลบ ความสัมพันธ์ที่ไม่ดี หันมาเริ่มต้นกิจวัตรที่ทำสิ่งดีๆให้ตัวเอง ให้เวลาตัวเองอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งในรีทรีตนี้จะเรียกว่า morning ritual ใช้เวลานี้อยู่กับตัวเอง อยู่กับปัจจุบัน ออกกำลังกายให้ถึงมาตรฐานที่การแพทย์แผนปัจจุบันแนะนำ นอกจากนี้ยังทำ ไทชิ โยคะ ฝึกสติสมาธิ และต่อจากนั้นทั้งวันก็ใช้ชีวิตในลักษณะยอมรับสิ่งที่มีที่เป็นในปัจจุบันอย่างไม่มีเงื่อนไข ใช้สี่คำหลักคือ ขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย และเมตตา อย่างเป็นอาจิณ
5. โภชนาการพืชเป็นหลักที่หลากหลายและไขมันต่ำ
โภชนาการในรีทรีตเน้นอาหารพืชเป็นหลักแบบไขมันต่ำ ไม่มีเนื้อสัตว์เลย เสริมวิตามินเท่าที่จำเป็น โดยไฮไลท์ให้ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลาย ทุกวันที่อยู่ในรีทรีตผู้ป่วยจะได้ดื่ม Trace Elements ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่คัดเอายอดพืชผักสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงนับร้อยชนิดตามตำหรับรักษามะเร็งของแพทย์แผนไทย แผนอินเดีย แผนจีน แผนยุโรป ที่ปลูกอยู่ในสวนสมุนไพรในฟาร์มของเรามาในรูปแบบของผักสดมาปั่นแบบไม่ทิ้งกากเดี๋ยวนั้นเพื่อให้เป็นเครื่องดื่มประจำวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับธาตุอาหารที่ต้องการน้อยแต่หายากครบถ้วน อันจะเป็นการเอื้อต่อการฟื้นตัวของระบบภูมิคุ้มได้เต็มที่
6. ใช้ประโยชน์จากทุกเทคนิคโดดเด่นที่มนุษย์มี
โดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันเป็นแก่นกลาง โดยมีแพทย์แผนปัจจุบันเป็นผู้กำกับควบคุม รีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งใช้ศาสตร์ทุกอย่างที่มนุษย์มีและที่มีหลักฐานแน่ชัดแล้วว่าไม่มีผลเสียมาร่วมฟื้นฟูร่างกายและจิตใจให้ผู้ป่วย ทั้งพืชผักสมุนไพร ของไทย อินเดีย จีน ยุโรป ที่ปลูกไว้ในฟาร์มของเราเอง ทั้งการแพทย์แผนไทย และการแพทย์แบบอายุรเวดะของอินเดีย ซึ่งรวมถึงระบบโภชนาการที่ดี วิตามินและอาหารเสริมตามความจำเป็น การบรรเทาปวด ด้วยวิธีต่างๆ เป็นต้น
7. สร้างความบันดาลใจจากกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน
นอกจากจะสร้างบรรยากาศให้แต่ละคนมีความมุ่งมั่นความบันดาลใจด้วยตัวเองแล้ว รีทรีตยังอาศัยกลุ่มหรือทีมของคนมีหัวอกเดียวกันซึ่งมีพลวัตที่มีลักษณะเฉพาะฟอร์มกันขึ้นมาเป็นกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน การเข้าร่วมกลุ่มแม้จะโดยตั้งใจจะไปช่วยสร้างความบันดาลใจให้คนอื่นแต่ผลสุดท้ายจะได้ความบันดาลใจนั้นเสียเองเป็นทวีคูณ นี่เป็นพลังที่เกิดขึ้นโดยที่เราทำเองไม่ได้ อนึ่ง ความบันดาลใจแม้จะสร้างขึ้นได้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ยั้งยืนยง ยังต้องการกระบวนการกระตุ้นที่ต่อเนื่อง กลุ่มหรือทีมจะต้องพบกันบ่อย ให้โอกาสกันและกัน สนับสนุนกันและกัน โดยกลุ่มหรือทีมเมื่อตั้งขึ้นในรีทรีตแล้ว ก็จะสื่อสารช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไป
ตารางกิจกรรมรีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็ง
สถานที่: เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ (Wellness We care Center) มวกเหล็ก-เขาใหญ่
ครั้งแรก 22-25 กย. 61
วันแรก
8.00-14.00
Registration- Meet with doctor
-ลงทะเบียนเข้าแค้มป์ เช็คอินเข้าห้องพัก
-วัดดัชนีมวลกาย วัดความดันเลือด ตรวจหัวใจ (auscultation & ECG) ตรวจการทำงานของปอด (lung function) ตรวจบันทึกสภาพผิวหนัง จัดทำเวชระเบียนส่วนบุคคล
-แพทย์ตรวจร่างกายและวางแผนจัดการโรคร่วมกับแพทย์ (คนละ 20 นาที)
-พักรับประทานอาหารว่างและอาหารกลางวันในขณะผลัดกันเข้าพบแพทย์
14.00 - 16.00
Getting to know each other ทำความรู้จักกันและเรียนรู้เรื่องโรคของกันและกัน
16.00 – 16.30
Tea break พักรับประทานน้ำชา
16.30 - 17.30
Briefing. Concept of cancer retreat ยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูตนเองจากโรคมะเร็ง (นพ.สันต์)
18.00 - 20.30
Dinner and peer support group activity อาหารเย็นและกิจกรรมผ่อนคลายกับกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน
วันที่สอง
06.30 - 08.00 น.
Morning Ritual กิจวัตรยามเช้า
-Trace Element drink ดื่มเครื่องดื่มเทรซอีลีเมนท์
-Yoga relaxation โยคะแบบผ่อนคลาย
-Muscle strength training ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
08.00 - 9.30 น.
รับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ พักผ่อนส่วนตัว
9.30 – 10.30 น.
Immunity system ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกับมะเร็ง
10.30 - 11.00 น.
Coffee Break พักดื่มกาแฟ
11.00 - 12.00 น.
Workshop. Awareness การวางความคิดกลับไปอยู่กับความตื่น
12.00 - 14.00 น.
Lunch Break พักรับประทานอาหารกลางวัน และพักผ่อนส่วนตัว
14.00 – 15.00 น.
Cancer Nutrition โภชนาการผู้ป่วยมะเร็ง
15.00 – 15.30 น.
Workshop. Walking meditation เดินจงกลม
15.30 - 16.00 น.
Coffee Break พักรับประทานน้ำชา
16.00 - 18.00 น.
Workshop. Microgreen and sprout การปลูกและใช้ต้นอ่อนและเมล็ดงอก
18.00 - 20.30
Dinner & Group activities รับประทานอาหารเย็นและผ่อนคลายกับกลุ่ม
06.30 - 08.00 น.
Morning Ritual กิจวัตรยามเช้า (ในสวน)
-Trace Element drink ดื่มเครื่องดื่มเทรซอีลีเมนท์
-Taichi ไทชิ
-Body scan & relaxation รู้ตัวทั่วพร้อมและผ่อนคลาย
-Posture and balance exercise ท่าร่างและออกกำลังกายแบบเสริมการทรงตัว
08.00 - 9.30 น.
รับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ พักผ่อนส่วนตัว
9.30 – 10.30 น.
Workshop. Peer support group activities จัดตั้งกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน
10.30 - 11.00 น.
Coffee Break พักดื่มกาแฟ
11.00 - 13.00 น.
Workshop. PBWF cooking การทำอาหารพืชเป็นหลักไขมันต่ำและอาหารกลืนง่าย
13.00 - 14.00 น.
Lunch Break พักรับประทานอาหารกลางวัน และพักผ่อนส่วนตัว
14.00 – 15.00 น.
Nervous system and stress ระบบประสาทและความเครียด
15.00 – 16.00 น.
Coping with pain การรับมือกับอาการปวด
16.00 - 16.15 น.
Coffee Break พักรับประทานน้ำชา
16.15 - 18.00 น.
Workshop. Herb garden tour ทัวร์สวนสมุนไพร (ฟาร์ม)
18.00 - 20.30
Dinner & Group activities
รับประทานอาหารเย็นและร้องเพลงผ่อนคลายกับกลุ่ม
วันที่สี่
06.30 - 08.00 น.
Morning Ritual กิจวัตรยามเช้า
-Trace Element drink ดื่มเครื่องดื่มเทรซอีลีเมนท์
-Aerobic exercise ออกกำลังกายแบบแอโรบิก (บ้านบนเขา)
-Tai chi ไทชิ
08.00 - 9.30 น.
รับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ พักผ่อนส่วนตัว
9.30 – 10.30 น.
Living with cancer เรียนรู้เทคนิคดีๆจากประสบการณ์ของผู้เปลี่ยนชีวิตตัวเองได้เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็ง
10.30 - 11.00 น.
Coffee Break พักดื่มกาแฟ
11.00 - 12.00 น.
Peer to peer sharing แชร์ประสบการณ์เทคนิคการวางคิด (ความคาดหวังและความกลัว) ในกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน
12.00 - 14.00 น.
Lunch Break พักรับประทานอาหารกลางวัน และพักผ่อนส่วนตัว
14.00 – 1600 น.
Personal consultation นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ตอบคำถามและให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพส่วนตัวเป็นรายคน รวมทั้งปรึกษาผลแล็บ เอกซเรย์และผลการตรวจพิเศษต่างๆ โดยผู้ร่วมแค้มป์ท่านอื่นสามารถนั่งฟังและร่วมแชร์ความรู้และประสบการณ์กันในห้องได้
16,00
ปิดแค้มป์
ค่าลงทะเบียน
ราคาในปี2561 ท่านละ 9,000 บาท รวมอาหารทุกมื้อ ที่พัก อุปกรณ์การเรียน แต่ไม่รวมค่าเดินทางยังเวลเนสวีแคร์ (ผู้เรียนต้องเดินทางไปเอง) ที่พักนอนคู่สองคนต่อห้อง
วิธีลงทะเบียนเข้าเรียน
ลงทะเบียนผ่านเว็บไซท์ได้ที่
https://www.wellnesswecare.com/th/program/good-health-by-yourself-th/13 ถ้าไม่สำเร็จให้โทรศัพท์หาคุณเอ๋ย (เชิญขวัญ) ที่เบอร์ 0636394003
การเตรียมตัวไปเข้าคอร์ส
แนะนำให้เตรียมเครื่องแต่งกายที่ออกกำลังกายสะดวก ควรมีรองเท้าผ้าใบที่เดินบนพื้นหินขรุขระได้ และควรมีหมวกกันแดด และครีมกันแดด
การเดินทางไปเข้าคอร์ส
สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถตู้กทม.-มวกเหล็ก (ขึ้นที่ใต้ทางด่วนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) หรือรถไฟ (ลงสถานีมวกเหล็ก) ในกรณีเดินทางด้วยรถตู้หรือรถไฟ ต้องหารถรับจ้างจากตลาดมวกเหล็กเข้ามาส่ง ค่ารถมอเตอร์ไซค์ส่งจากตลาดราว 100 บาท ที่เวลเนสวีแคร์ ซึ่งตั้งอยู่ในมวกเหล็กวาลเลย์ อยู่ห่างจากตลาดมวกเหล็กราว 4 กม. อาจให้รถตู้จากกทม.แวะเข้ามาส่งก็ได้โดยต้องเพิ่มเงินให้เ้ขาประมาณ 120 บาท ในกรณีที่จะให้เวลเนสวีแคร์ช่วยระสานงานหารถรับจ้างเหมาไปจากกทม. ต้องติดต่อล่วงหน้า ค่าจ้างแทกซี่ 1,500 บาทเฉพาะขาไปจากกทม.ขาเดียว หรือ 3,000 บาทสำหรับการไปส่งแล้วไปรับกลับกทม. เวลเนสวีแคร์ไม่มีบริการขนส่ง ต้องจัดหาเอง
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
.......................................
[อ่านต่อ...]
Motto "สิ่งที่ได้ผลดีที่สุดในการรักษามะเร็งของคุณคือ..ตัวคุณเอง"
ความเป็นมา
สิ่งที่วงการแพทย์รู้ในปัจจุบัน ยังห่างไกลที่จะรักษามะเร็งส่วนใหญ่ให้หายขาด รู้เพียงแต่ว่าระบบภูมิคุ้มกันและระบบฟื้นฟูตัวเองของร่างกายมนุษย์เป็นปราการที่เชื่อถือได้มากที่สุดในการรับมือกับโรคมะเร็งนี้ แต่กระบวนการรักษามะเร็งปัจจุบันพากันมุ่งไปที่จะกำจัดเซลมะเร็งออกไปจากร่างกาย แต่ไม่ได้ทำอะไรกับปัจจัยแวดล้อมภายในร่างกายที่เอื้อให้เกิดมะเร็งขึ้นมาจากเซลปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเครียดกังวล ความกลัว สัมพันธ์ภาพที่ลุ่มๆดอนๆกับคนรอบข้าง สไสตล์ชีวิตที่เร่งรีบกดดัน โภชนาการที่เต็มไปด้วยอาหารขยะ และการขาดเป้าหมายหรือขาดความหมายในชีวิต รีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งนี้จึงเปิดขึ้นมาเพื่อให้ผู้ป่วยได้เลิกวิถีชีวิตเดิมๆที่เอื้อให้เกิดมะเร็งขึ้นมานั้นเสีย หันมาทดลองใช้ไลฟ์สไตล์แบบใหม่ที่จะเพิ่มพูนพลังกายพลังใจให้เดินหน้าไปกับชีวิตใหม่ได้เต็มศักยภาพที่ธรรมชาติให้มา
คอนเซ็พท์ของรีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็ง
ใช้ยุทธศาสตร์เจ็ดประการ คือ
1. เปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่
เลิกกลัวมะเร็ง เลิกมองมะเร็งว่าเป็นศัตรูของชีวิต มันเป็นเซลของเราเองที่กลายพันธุ์ไปอย่างกะทันหันซึ่งปกติก็เกิดอยู่บ่อยๆแต่ถูกทำลายทิ้งโดยระบบภูมิคุ้มกัน การที่มันแพร่พันธ์ุต่อได้เป็นการชี้บ่งว่าปัจจัยภายในร่างกายและสไตล์การใช้ชีวิตที่ผ่านมานั้นไม่เอื้อต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันแต่กลับไปเอื้อให้มะเร็งเติบโตจนเซลดีๆถูกเบียดเบียน
ดังนั้น เมื่อรักษาตามกระบวนการแพทย์แผนปัจจุบันเช่นผ่าตัด ฉายแสง เคมีบำบัด จบแล้วก็ควรเลิกแสวงหาความช่วยเหลือภายนอกใดๆที่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่าได้ผลเสีย แล้วหันกลับเข้ามาค้นหาตัวช่วยที่ภายในตัวเองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและพลังในการฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาใหม่ ความกลัวมะเร็งเป็นความเครียดที่ทำร้ายระบบภูมิคุ้มกัน ความกลัวทำให้ไขว่คว้าคาดหวังลมๆแล้งกับปัจจัยภายนอก ทั้งๆที่ศักยภาพหรือพลังมหาศาลที่จะเยียวยาตัวเองนั้นอยู่ที่ภายในและเป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่แล้ว เราต้องเปิดพลังนี้ออกมาใช้ การฟื้นฟูตัวเองอย่างแท้จริงจึงจะเกิดขึ้น
2. โฟกัสที่การจัดการความเครียดกังวล
ความเครียดไม่ใช่เป็นอะไรที่ "เกิดขึ้น" กับเรา แต่เป็นผลจากการที่เรา "สนองตอบ" ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร แม้ในสถานะการณ์คับขัน เราก็ยังเลือกวิธีสนองตอบได้อย่างไม่เครียดหากเราได้เรียนรู้เทคนิคการฝึกสติวางความคิดกลับไปสู่ความตื่นซึ่งจะทำให้เราพร้อมที่จะเลือกสนองตอบอย่างมีเหตุผล การฝึกสติสมาธิเพื่อการอยู่ในปัจจุบันก็ดี โยคะก็ดี ไทชิก็ดี หากรู้จักใช้ ล้วนเป็นเทคนิคที่จะเอื้อต่อการวางความคิดมาอยู่กับการรับรู้พลังงานของร่างกาย ซึ่งจะเป็นสะพานทอดไปหาความตื่นหรือความรู้ตัว อันเป็นที่สงบเย็นและมีศักยภาพและพลังฟื้นฟูตนเองมากที่สุด
3. รู้ตัวทั่วพร้อม ผ่อนคลาย และตื่น
การรับรู้พลังงานของร่างกายผ่านความรู้สึกบนผิวกายด้วยไทชิ เป็นการทิ้งความคิดมาอยู่กับพลังของร่างกาย การผ่อนคลายร่างกายด้วยโยคะ เป็นการปล่อยให้กายและใจถอยกลับมาสู่ความสุขอันเป็นธรรมชาติดั้งเดิมของมัน จากจุดนี้จะนำไปสู่สมาธิซึ่งจะก่อให้เกิดพลังบวกต่อร่างกาย ในภาวะใจเป็นสมาธิ เมื่อปล่อยใจไปไม่ต้องควบคุม ในภาวะที่ปลอดความคิด ก็จะเข้าสู่ความตื่นหรือความรู้ตัวซึ่งเป็นธรรมชาติดั้งเดิมที่สงบสุข ที่ตรงนี้ปัจจัยภายนอกที่เร่งรัดกดดันร่างกายผ่านความคิดจะสลายไป ร่างกายจะเป็นตัวของตัวเองตามธรรมชาติระบบภูมิคุ้มกันที่เคยถูกกดไว้ไม่ให้ทำงานก็จะได้รับการปลดปล่อย ระบบฟื้นฟูซ่อมแซมร่างกายก็จะทำงานได้เต็มที่
4. เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตเสียใหม่
รีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งไม่ได้มุ่งกำจัดเซลมะเร็ง แต่มุ่งฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมภายในที่ถูกกดดันเสียศูนย์จนมะเร็งขยายตัวได้ให้กลับมาทำงานได้ดีเต็มศักยภาพที่มีตามธรรมชาติของมัน นั่นหมายถึง วิธีคิด แบบแผนพฤติกรรมเดิมๆที่มีผลเสียต่อสุขภาพต้องถูกปรับเปลี่ยน
มะเร็งคือสัญญาณเตือนให้ลงมือเปลี่ยนแปลง
จากการเป็นผู้บ่มเพาะสิ่งเสียๆถมทับบนร่างกายมาเป็นผู้เสริมสร้างสิ่งดีๆให้ร่างกาย เปลี่ยนหมดไม่ว่าจะเป็นความคิดลบ อารมณ์ลบ ความสัมพันธ์ที่ไม่ดี หันมาเริ่มต้นกิจวัตรที่ทำสิ่งดีๆให้ตัวเอง ให้เวลาตัวเองอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งในรีทรีตนี้จะเรียกว่า morning ritual ใช้เวลานี้อยู่กับตัวเอง อยู่กับปัจจุบัน ออกกำลังกายให้ถึงมาตรฐานที่การแพทย์แผนปัจจุบันแนะนำ นอกจากนี้ยังทำ ไทชิ โยคะ ฝึกสติสมาธิ และต่อจากนั้นทั้งวันก็ใช้ชีวิตในลักษณะยอมรับสิ่งที่มีที่เป็นในปัจจุบันอย่างไม่มีเงื่อนไข ใช้สี่คำหลักคือ ขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย และเมตตา อย่างเป็นอาจิณ
5. โภชนาการพืชเป็นหลักที่หลากหลายและไขมันต่ำ
โภชนาการในรีทรีตเน้นอาหารพืชเป็นหลักแบบไขมันต่ำ ไม่มีเนื้อสัตว์เลย เสริมวิตามินเท่าที่จำเป็น โดยไฮไลท์ให้ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลาย ทุกวันที่อยู่ในรีทรีตผู้ป่วยจะได้ดื่ม Trace Elements ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่คัดเอายอดพืชผักสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงนับร้อยชนิดตามตำหรับรักษามะเร็งของแพทย์แผนไทย แผนอินเดีย แผนจีน แผนยุโรป ที่ปลูกอยู่ในสวนสมุนไพรในฟาร์มของเรามาในรูปแบบของผักสดมาปั่นแบบไม่ทิ้งกากเดี๋ยวนั้นเพื่อให้เป็นเครื่องดื่มประจำวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับธาตุอาหารที่ต้องการน้อยแต่หายากครบถ้วน อันจะเป็นการเอื้อต่อการฟื้นตัวของระบบภูมิคุ้มได้เต็มที่
6. ใช้ประโยชน์จากทุกเทคนิคโดดเด่นที่มนุษย์มี
โดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันเป็นแก่นกลาง โดยมีแพทย์แผนปัจจุบันเป็นผู้กำกับควบคุม รีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็งใช้ศาสตร์ทุกอย่างที่มนุษย์มีและที่มีหลักฐานแน่ชัดแล้วว่าไม่มีผลเสียมาร่วมฟื้นฟูร่างกายและจิตใจให้ผู้ป่วย ทั้งพืชผักสมุนไพร ของไทย อินเดีย จีน ยุโรป ที่ปลูกไว้ในฟาร์มของเราเอง ทั้งการแพทย์แผนไทย และการแพทย์แบบอายุรเวดะของอินเดีย ซึ่งรวมถึงระบบโภชนาการที่ดี วิตามินและอาหารเสริมตามความจำเป็น การบรรเทาปวด ด้วยวิธีต่างๆ เป็นต้น
7. สร้างความบันดาลใจจากกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน
นอกจากจะสร้างบรรยากาศให้แต่ละคนมีความมุ่งมั่นความบันดาลใจด้วยตัวเองแล้ว รีทรีตยังอาศัยกลุ่มหรือทีมของคนมีหัวอกเดียวกันซึ่งมีพลวัตที่มีลักษณะเฉพาะฟอร์มกันขึ้นมาเป็นกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน การเข้าร่วมกลุ่มแม้จะโดยตั้งใจจะไปช่วยสร้างความบันดาลใจให้คนอื่นแต่ผลสุดท้ายจะได้ความบันดาลใจนั้นเสียเองเป็นทวีคูณ นี่เป็นพลังที่เกิดขึ้นโดยที่เราทำเองไม่ได้ อนึ่ง ความบันดาลใจแม้จะสร้างขึ้นได้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ยั้งยืนยง ยังต้องการกระบวนการกระตุ้นที่ต่อเนื่อง กลุ่มหรือทีมจะต้องพบกันบ่อย ให้โอกาสกันและกัน สนับสนุนกันและกัน โดยกลุ่มหรือทีมเมื่อตั้งขึ้นในรีทรีตแล้ว ก็จะสื่อสารช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไป
ตารางกิจกรรมรีทรีตฟื้นฟูผู้ป่วยมะเร็ง
สถานที่: เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ (Wellness We care Center) มวกเหล็ก-เขาใหญ่
ครั้งแรก 22-25 กย. 61
วันแรก
8.00-14.00
Registration- Meet with doctor
-ลงทะเบียนเข้าแค้มป์ เช็คอินเข้าห้องพัก
-วัดดัชนีมวลกาย วัดความดันเลือด ตรวจหัวใจ (auscultation & ECG) ตรวจการทำงานของปอด (lung function) ตรวจบันทึกสภาพผิวหนัง จัดทำเวชระเบียนส่วนบุคคล
-แพทย์ตรวจร่างกายและวางแผนจัดการโรคร่วมกับแพทย์ (คนละ 20 นาที)
-พักรับประทานอาหารว่างและอาหารกลางวันในขณะผลัดกันเข้าพบแพทย์
14.00 - 16.00
Getting to know each other ทำความรู้จักกันและเรียนรู้เรื่องโรคของกันและกัน
16.00 – 16.30
Tea break พักรับประทานน้ำชา
16.30 - 17.30
Briefing. Concept of cancer retreat ยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูตนเองจากโรคมะเร็ง (นพ.สันต์)
18.00 - 20.30
Dinner and peer support group activity อาหารเย็นและกิจกรรมผ่อนคลายกับกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน
วันที่สอง
06.30 - 08.00 น.
Morning Ritual กิจวัตรยามเช้า
-Trace Element drink ดื่มเครื่องดื่มเทรซอีลีเมนท์
-Yoga relaxation โยคะแบบผ่อนคลาย
-Muscle strength training ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
08.00 - 9.30 น.
รับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ พักผ่อนส่วนตัว
9.30 – 10.30 น.
Immunity system ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกับมะเร็ง
10.30 - 11.00 น.
Coffee Break พักดื่มกาแฟ
11.00 - 12.00 น.
Workshop. Awareness การวางความคิดกลับไปอยู่กับความตื่น
12.00 - 14.00 น.
Lunch Break พักรับประทานอาหารกลางวัน และพักผ่อนส่วนตัว
14.00 – 15.00 น.
Cancer Nutrition โภชนาการผู้ป่วยมะเร็ง
15.00 – 15.30 น.
Workshop. Walking meditation เดินจงกลม
15.30 - 16.00 น.
Coffee Break พักรับประทานน้ำชา
16.00 - 18.00 น.
Workshop. Microgreen and sprout การปลูกและใช้ต้นอ่อนและเมล็ดงอก
18.00 - 20.30
Dinner & Group activities รับประทานอาหารเย็นและผ่อนคลายกับกลุ่ม
วันที่สาม
Morning Ritual กิจวัตรยามเช้า (ในสวน)
-Trace Element drink ดื่มเครื่องดื่มเทรซอีลีเมนท์
-Taichi ไทชิ
-Body scan & relaxation รู้ตัวทั่วพร้อมและผ่อนคลาย
-Posture and balance exercise ท่าร่างและออกกำลังกายแบบเสริมการทรงตัว
08.00 - 9.30 น.
รับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ พักผ่อนส่วนตัว
9.30 – 10.30 น.
Workshop. Peer support group activities จัดตั้งกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน
10.30 - 11.00 น.
Coffee Break พักดื่มกาแฟ
11.00 - 13.00 น.
Workshop. PBWF cooking การทำอาหารพืชเป็นหลักไขมันต่ำและอาหารกลืนง่าย
13.00 - 14.00 น.
Lunch Break พักรับประทานอาหารกลางวัน และพักผ่อนส่วนตัว
14.00 – 15.00 น.
Nervous system and stress ระบบประสาทและความเครียด
15.00 – 16.00 น.
Coping with pain การรับมือกับอาการปวด
16.00 - 16.15 น.
Coffee Break พักรับประทานน้ำชา
16.15 - 18.00 น.
Workshop. Herb garden tour ทัวร์สวนสมุนไพร (ฟาร์ม)
18.00 - 20.30
Dinner & Group activities
รับประทานอาหารเย็นและร้องเพลงผ่อนคลายกับกลุ่ม
วันที่สี่
06.30 - 08.00 น.
Morning Ritual กิจวัตรยามเช้า
-Trace Element drink ดื่มเครื่องดื่มเทรซอีลีเมนท์
-Aerobic exercise ออกกำลังกายแบบแอโรบิก (บ้านบนเขา)
-Tai chi ไทชิ
08.00 - 9.30 น.
รับประทานอาหารเช้า อาบน้ำ พักผ่อนส่วนตัว
9.30 – 10.30 น.
Living with cancer เรียนรู้เทคนิคดีๆจากประสบการณ์ของผู้เปลี่ยนชีวิตตัวเองได้เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็ง
10.30 - 11.00 น.
Coffee Break พักดื่มกาแฟ
11.00 - 12.00 น.
Peer to peer sharing แชร์ประสบการณ์เทคนิคการวางคิด (ความคาดหวังและความกลัว) ในกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน
12.00 - 14.00 น.
Lunch Break พักรับประทานอาหารกลางวัน และพักผ่อนส่วนตัว
14.00 – 1600 น.
Personal consultation นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ตอบคำถามและให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพส่วนตัวเป็นรายคน รวมทั้งปรึกษาผลแล็บ เอกซเรย์และผลการตรวจพิเศษต่างๆ โดยผู้ร่วมแค้มป์ท่านอื่นสามารถนั่งฟังและร่วมแชร์ความรู้และประสบการณ์กันในห้องได้
16,00
ปิดแค้มป์
ค่าลงทะเบียน
ราคาในปี2561 ท่านละ 9,000 บาท รวมอาหารทุกมื้อ ที่พัก อุปกรณ์การเรียน แต่ไม่รวมค่าเดินทางยังเวลเนสวีแคร์ (ผู้เรียนต้องเดินทางไปเอง) ที่พักนอนคู่สองคนต่อห้อง
วิธีลงทะเบียนเข้าเรียน
ลงทะเบียนผ่านเว็บไซท์ได้ที่
https://www.wellnesswecare.com/th/program/good-health-by-yourself-th/13 ถ้าไม่สำเร็จให้โทรศัพท์หาคุณเอ๋ย (เชิญขวัญ) ที่เบอร์ 0636394003
การเตรียมตัวไปเข้าคอร์ส
แนะนำให้เตรียมเครื่องแต่งกายที่ออกกำลังกายสะดวก ควรมีรองเท้าผ้าใบที่เดินบนพื้นหินขรุขระได้ และควรมีหมวกกันแดด และครีมกันแดด
การเดินทางไปเข้าคอร์ส
สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถตู้กทม.-มวกเหล็ก (ขึ้นที่ใต้ทางด่วนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) หรือรถไฟ (ลงสถานีมวกเหล็ก) ในกรณีเดินทางด้วยรถตู้หรือรถไฟ ต้องหารถรับจ้างจากตลาดมวกเหล็กเข้ามาส่ง ค่ารถมอเตอร์ไซค์ส่งจากตลาดราว 100 บาท ที่เวลเนสวีแคร์ ซึ่งตั้งอยู่ในมวกเหล็กวาลเลย์ อยู่ห่างจากตลาดมวกเหล็กราว 4 กม. อาจให้รถตู้จากกทม.แวะเข้ามาส่งก็ได้โดยต้องเพิ่มเงินให้เ้ขาประมาณ 120 บาท ในกรณีที่จะให้เวลเนสวีแคร์ช่วยระสานงานหารถรับจ้างเหมาไปจากกทม. ต้องติดต่อล่วงหน้า ค่าจ้างแทกซี่ 1,500 บาทเฉพาะขาไปจากกทม.ขาเดียว หรือ 3,000 บาทสำหรับการไปส่งแล้วไปรับกลับกทม. เวลเนสวีแคร์ไม่มีบริการขนส่ง ต้องจัดหาเอง
.......................................