วันนี้เป็นวันที่มีผู้อ่านบล็อกนี้ครบ
5 ล้านครั้ง
ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษ ผมหยุดงานหนึ่งวัน ไม่เขียนเรื่องสุขภาพการเจ็บป่วย ดังนั้นท่านที่แวะมาอ่านเอาความรู้โปรดข้ามไปได้เลย
และขอถือโอกาสนี้ “ลากิจ” ไปถึอศีลกินเจสามสัปดาห์ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไปเข้าแค้มป์ของคนอื่น
ซึ่งเขาห้ามพูด ห้ามโทรศัพท์ ห้ามดูจอ ห้ามเขียนบันทึก.. ดีจริงๆ
การไปถือศีลกินเจครั้งนี้ความจริงต้องเรียกว่าตัดใจไปนะเนี่ย
เพราะมันยังมีอะไรอยากอยู่ทำไม่อยากไปไหนอยู่อย่างหนึ่ง ไม่ใช่เขียนบล็อกนะ แต่สิ่งที่กำลังเริ่มนับหนึ่งทำแต่จำใจต้องทิ้งไปชั่วคราวก็คือการซ่อม "บ้านกาแล"
ไหนๆก็พูดถึง “บ้านกาแล” แล้ว ผมขยายความให้ฟังหน่อยนะ ประมาณหลายปีมาแล้ว
พี่สะใภ้ของภรรยาผมเกิดเสียชีวิตกะทันหัน ภรรยาของผมก็เป็นห่วงพี่ชายของเธอซึ่งเข้าวัยเกษียณ
จึงไปชักชวนให้พี่ชายมาปลูกบ้านเกษียณอยู่ใกล้กันที่มวกเหล็กวัลเลย์จะได้ดูแลกันและกันได้
พี่ชายซึ่งเป็นนักบริหารการบุคคลและเลี้ยงนกเป็นงานอดิเรก
ก็มาสำรวจและถูกใจที่ดินกว้างริมสระน้ำใหญ่เป็นบึงซึ่งเหมาะจะเลี้ยงนกเพราะเสียงนกจะได้ไม่ไปรบกวนคนอื่น
แต่เจ้าของบังคับขายพ่วงกับที่อีกด้านหนึ่งของบึงราวห้าไร่ซึ่งเป็นป่า
ผมจึงช่วยซื้อป่านั้นซึ่งมีบ้านเก่าผุพังหลังหนึ่งซุกซ่อนอยู่ด้วยไว้
บ้านกาแลวันแรกเห็น โปรดสังเกตหอคอยฝรั่งซ้ายมือ |
เมื่อซื้อมาแล้วผมถางพงให้โล่ง
และบอกภรรยาว่าจะรื้อบ้านเก่าออก ภรรยาไม่ให้รื้อ
ต่อมาราคาที่ดินขยับแพงขึ้น
ผมคิดจะขายที่ดินแปลงนี้ ภรรยาก็ไม่ให้ขาย
โดยไม่บอกเหตุผลอะไรทั้งสิ้น..เพราะเธอเป็นภรรยา
ผมก็เลยทิ้งมันไว้งั้นแหละมาตั้งหลายปี
บ้านกาแลหลังหักร้างถางพง มีปล่องไฟสวมหมวกเจ๊กด้วย และโปรดสังเกตมีภูเขาเป็นแบ๊คดร็อพด้วย |
จนวันหนึ่งเมื่อสองสัปดาห์มานี้เอง ผมไปช่วยพี่ภรรยาซ่อมระบบจ่ายน้ำ จึงถือโอกาสเดินข้ามบึงไปนั่งพักที่ใต้ร่มไม้มองดูบ้านเก่าหลังนี้อย่างเต็มตา
คนเก่าแก่แถวนี้เรียกบ้านนี้ว่า “บ้านกาแล” ทำไมถึงเรียกว่าบ้านกาแลผมก็ไม่ทราบ
ทั้งๆที่มันไม่ได้มีกาแลอยู่ที่บนจั่วเลย
ผมมีโอกาสได้เพ่งมองให้ดีจึงได้รู้ว่ามันเป็นบ้านทรงคล้ายๆกับบ้านแถวเทือกเขาอาดิรอนแด็ค
(Adirondac) ในชนบทมลรัฐนิวยอร์ค
บ้านแถบ
นั้นได้อิทธิพลจากบ้านในชนบทของสวิสเซอแลนด์ที่เรียกว่า สวิสชาเลต์ (Swiss Chalet) แต่ว่ามีสถาปัตยกรรมซับซ้อนและลวดลายลิเกมากกว่า ผมมาทราบทีหลังว่าคนปลูกบ้านหลังนี้เป็นคนฝรั่งเศสชื่อมิสเตอร์เบอร์นาร์ด
คนเดียวกับที่สร้างปราสาทไม้ทรงยุโรปที่กลายมาเป็น Health Cottage ทุกวันนี้นะแหละ แต่ว่าบ้านกาแลนี้เขาใช้วัสดุท้องถิ่น หลังคาที่มุงด้วยแผ่นกระเบื้องไม้สักตอนนี้เก่าคร่ำคร่าเขียวด้วยตะไคร่น้ำ
ดูแล้วให้ความรู้สึกคลาสสิกและเย็นสบายใจอย่างยิ่ง จึงเกิดไอเดียปิ๊งขึ้นมาว่า
บ้านคลาสสิกแบบนี้หาดูได้ยาก ยิ่งไปภายหน้าคนรุ่นหลังคงหมดโอกาสที่จะได้เห็น
ไหนๆเมียก็ไม่ให้รื้อ ไม่ให้ขาย ทำไมผมไม่หาเรื่องซ่อมมันเล่นๆซะเลย ซ่อมจนมันให้ใช้การได้
แล้วมาปักหลักนั่งวาดรูปอยู่ที่นี่ละ เพราะที่ตรงนี้ทั้งเงียบสงบ ทั้งร่มรื่น
ต้นโพธิ์ ต้นฉัมฉา บึงน้ำ เย็นสบาย และทั้งมีความคลาสสิกที่กระตุ้นอารมณ์ศิลปินได้ดีนัก
มุมด้านหลังของบ้านกาแล มองจากหอคอยฝรั่ง |
คิดแล้วก็ลงมือเลย นี่ลุยมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว มีคนงานระดับ สว.
(แก่กว่าตัวผมเอง) เป็นผู้ช่วยสองคน การซ่อมบ้านไม้ที่ผุเล้วให้เหมือนเดิมเนี่ย
มันคืบหน้าช้ากว่าการกระดึ๊บของหอยทากเสียอีก เพราะทุกขั้นตอนใช้เวลามาก ยกตัวอย่างเช่นกระเบื้องไม้สักหรือ
“แป้นเกล็ด” เวลาของเก่าผุพัง
การจะเอาของใหม่เข้าแทนต้องเจี๋ยนให้บางเจี๊ยบจึงจะเสียบเข้าไปได้
การเจี๋ยนจะใช้กบไฟฟ้าไสก็ไม่ได้ ต้องใช้ขวานถาก
เพราะกระเบื้องไม้อาศัยร่องเสี้ยนไม้ที่เกิดจากการถากเป็นตัวพาน้ำไหลลงทำไห้ไม่รั่ว
ทุกจุดทุกขั้นตอนจะมีอุปสรรคปลีกย่อยแบบนี้หน่วงให้ช้าอยู่เสมอ
แต่ก็เป็นงานที่สนุกดี คนแก่สามคน ซ่อมบ้านเก่า อย่าถามนะ ว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ
หวังว่าคงเสร็จก่อนปีใหม่
เสร็จแล้วผมจะมานั่งวาดรูปอยู่ที่นี่
และจะชวนท่านผู้อ่านบล็อกของหมอสันต์มานั่งดื่มกาแฟชมธรรมชาติกัน
แต่ตอนนี้ขอหยุดซ่อมบ้าน ไปถือศีลกินเจซะก่อนนะ
นพ.สันต์
ใจยอดศิลป์
............................................
26 สค. 57
จดหมายจากผู้อ่าน
บ้านกาแลมีผีไหม?
..........................................
ตอบครับ
ผีไม่มี มีแต่ตุ๊กแก
สองปีมาแล้ว มีเพื่อนที่เป็นพยาบาลจากรพ.ราชวิถี เป็นพวกอยากรู้อยากเห็น ได้พากันไปทัวร์บ้านกาแล ในบรรยากาศที่มืดๆ ฝุ่นๆ ค้างคาวบินฉวัดเฉวียน และหยากไย่เต็มไปหมด แล้วคนหนึ่งเห็นตู้เครื่องแป้งผนังเป็นกระจกเงา เธอชมว่าสวยดี และเปิดประตูตู้ออก แล้วก็หวีดเสียงดังลั่นสามบ้านเจ็ดบ้าน
"..ว้าย..ย...ย"
โธ่ ร้องซะดังลั่น ไม่มีอะไรหรอก มีแต่ตุ๊กแกขนาดตัวเท่าแขน อยู่ในนั้นห้าตัว สงสัยกำลังประชุมกันอยู่มัง
พูดถึงผี เนื่องจากมิสเตอร์เบอร์นาร์ดที่สร้างบ้านหลังนี้ เขาสร้างบ้านในมวกเหล็กวาลเลย์สามหลัง คือ (1) บ้านกาแลอยู่กลางหมู่บ้าน (2) ปราสาทไม้ทรงยุโรปเฮลท์คอทเท็จอยู่ริมทางรถไฟ และ (3) บ้านทรงคุ้มเจ้าเชียงใหม่อยู่บนเนินสูง แต่ละหลังตั้งห่างกันราวหนึ่งกม. สองหลังแรกไม่เคยมีใครเห็นผี แต่บ้านคุ้มเจ้าเชียงใหม่ทีอยู่บนเนินซึ่งตอนนี้เป็นบ้านร้างเหมือนกัน ครั้งหนึ่ง กลางวันแสกๆ มีเด็กเล็กเพิ่งพูดได้ ได้ชี้มือขึ้นไปทางคุ้มขณะเดินถนน แล้้วร้องบอกพ่อแม่ว่ามีฝรั่งยืนอยู่ที่บนระเบียง...บรื้อว...ว
(เรื่องหลังนี้เป็นเรื่องเล่านะ ไม่มีหลักฐาน)
สันต์
ปล. พูดถึงบ้านทรงคุ้มเจ้าเชียงใหม่ เจ้าของปัจจุบันเขากำลังประกาศขาย 30 ล้านบาท ใครสนใจก็ซื้อหาได้นะครับ (ไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอก ไม่ได้ค่านายหน้าด้วย เพียงแต่สนใจอยากได้ยินเรื่องราวเพิ่มเติม อิ..อิ)
............................................
26 สค. 57
จดหมายจากผู้อ่าน
บ้านกาแลมีผีไหม?
..........................................
ตอบครับ
ผีไม่มี มีแต่ตุ๊กแก
สองปีมาแล้ว มีเพื่อนที่เป็นพยาบาลจากรพ.ราชวิถี เป็นพวกอยากรู้อยากเห็น ได้พากันไปทัวร์บ้านกาแล ในบรรยากาศที่มืดๆ ฝุ่นๆ ค้างคาวบินฉวัดเฉวียน และหยากไย่เต็มไปหมด แล้วคนหนึ่งเห็นตู้เครื่องแป้งผนังเป็นกระจกเงา เธอชมว่าสวยดี และเปิดประตูตู้ออก แล้วก็หวีดเสียงดังลั่นสามบ้านเจ็ดบ้าน
"..ว้าย..ย...ย"
โธ่ ร้องซะดังลั่น ไม่มีอะไรหรอก มีแต่ตุ๊กแกขนาดตัวเท่าแขน อยู่ในนั้นห้าตัว สงสัยกำลังประชุมกันอยู่มัง
พูดถึงผี เนื่องจากมิสเตอร์เบอร์นาร์ดที่สร้างบ้านหลังนี้ เขาสร้างบ้านในมวกเหล็กวาลเลย์สามหลัง คือ (1) บ้านกาแลอยู่กลางหมู่บ้าน (2) ปราสาทไม้ทรงยุโรปเฮลท์คอทเท็จอยู่ริมทางรถไฟ และ (3) บ้านทรงคุ้มเจ้าเชียงใหม่อยู่บนเนินสูง แต่ละหลังตั้งห่างกันราวหนึ่งกม. สองหลังแรกไม่เคยมีใครเห็นผี แต่บ้านคุ้มเจ้าเชียงใหม่ทีอยู่บนเนินซึ่งตอนนี้เป็นบ้านร้างเหมือนกัน ครั้งหนึ่ง กลางวันแสกๆ มีเด็กเล็กเพิ่งพูดได้ ได้ชี้มือขึ้นไปทางคุ้มขณะเดินถนน แล้้วร้องบอกพ่อแม่ว่ามีฝรั่งยืนอยู่ที่บนระเบียง...บรื้อว...ว
(เรื่องหลังนี้เป็นเรื่องเล่านะ ไม่มีหลักฐาน)
สันต์
ปล. พูดถึงบ้านทรงคุ้มเจ้าเชียงใหม่ เจ้าของปัจจุบันเขากำลังประกาศขาย 30 ล้านบาท ใครสนใจก็ซื้อหาได้นะครับ (ไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอก ไม่ได้ค่านายหน้าด้วย เพียงแต่สนใจอยากได้ยินเรื่องราวเพิ่มเติม อิ..อิ)