อยากถามเรื่องการรักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ด้วยการกินรังสีว่า (1) รังสีที่กินเข้าไปจะอยู่ในร่างกายนานเท่าใด (2) รังสีที่กินเข้าไปมีอันตรายอะไรบ้าง (3) กินรังสีแล้วมีโอกาสเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวใช่ไหมครับ (4) เมื่อกินรังสีเข้าไปแล้วจะต้องป้องกันคนรอบข้างไม่ให้ได้รับอันตรายอย่างไร
ตอบ
คำว่ากินรังสีหมายถึงกินโซเดียมไอโอได (I-131) ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสี คือเปล่งรังสีในรูปของพลังงานออกมาจากตัวมันได้ ก่อนจะตอบคำถามของคุณผมขอย้ำให้ตระหนักเรื่องขนาด หรือ “dose” ของสารกัมมันตรังสีที่ใช้รักษาโรคก่อน เพราะในกรณีการรักษาไฮเปอร์ไทรอยด์นั้น ขนาดที่ใช้คือไม่เกิน 30 มิลลิคูรี่ (mCi) ซึ่งเป็นขนาดที่ต่ำมากจนเรียกได้ว่าแทบไม่มีอันตรายอะไรซีเรียสได้เลย คือ 99.99% ปลอดภัยมาก ข้อมูลอันตรายของสารกัมมันตรังสีที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นข้อมูลที่ได้จากกรณีที่ใช้ในขนาดมากกว่า 200 mCi ขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่ใช้รักษามะเร็งของต่อมไทรอยด์ โดยเฉพาะกรณีที่มะเร็งแพร่กระจาย ดังนั้นอย่าจับเอาข้อมูลที่ผมให้ไว้นี้ไปกระเดียดว่าจะเป็นกับคนที่กินรังสีรักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ด้วย เพราะเรื่องรังสีนี้ เมื่อเป็นคนละขนาด ก็กลายเป็นคนละเรื่องไปเลย เอาละ เข้าใจกันดีแล้ว คราวนี้ตอบคำถามนะ
(1) รังสีที่กินเข้าไปจะอยู่ในร่างกายนานเท่าใดจึงจะหมด
ตอบว่ากำหนดวันหมดไม่ได้ คือสารกัมมันตรังสีเป็นสารที่มวลของมันจะหดตัว (decay) แล้วให้พลังงานออกมา กรณี I-131 มันมีระยะการหดตัวลงเหลือครึ่งหนึ่ง (half life) นาน 8.05 วัน หมายความว่าผ่านไปแปดวันจะหดเหลือครึ่งหนึ่ง ผ่านไปอีกแปดวันครึ่งที่เหลือก็หดลงไปเหลืออีกครึ่งหนึ่ง ดังนั้นโดยทฤษฏีแล้วจะหดตัวจนหมดเกลี้ยงที่อินฟินิตี้ หมายความว่าไม่มีวันหมดไปจากร่างกายเพราะผ่าครึ่งไปได้เรื่อยๆจนเล็กลงๆก็จริง แต่ไม่หมดสักที ในทางการแพทย์จึงไม่สนใจว่ามันจะหมดจากตัวเมื่อไร สนใจแต่ว่ามีปริมาณเหลือพอที่จะมีผลกระทบต่อคนอื่นหรือเปล่า ในทางปฏิบัติถ้าปริมาณในร่างกายเหลือไม่เกิน 30 mCi หรือวัดพลังงานที่แผ่ออกมาห่างตัว 1 เมตรได้ไม่เกิน 5 mR/hr ก็ถือว่าเหลือน้อยจนไม่มีผลอะไรแล้ว
(2) รังสีที่กินเข้าไปมีอันตรายอะไรบ้าง
ต้องย้ำเป็นครั้งที่สองนะว่าภาวะแทรกซ้อนต่อไปนี้เกิดได้น้อยมากและเกิดเฉพาะถ้ากินเข้าไปมากๆ เช่นมากกว่า 200 mCi ซึ่งไม่ใช่ขนาดที่ใช้รักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ ภาวะแทรกซ้อนได้แก่
2.1 ต่อมน้ำลายอักเสบ ( Sialoadenitis) ปวด บวม กดเจ็บ ขมปาก ปากแห้ง
2.1 อาการป่วยเพราะรังสี (radiation sickness) คือ ปวดเมื่อย คลื่นไส้ ปวดหัว
2.3 กระเพาะอาหารอักเสบเพราะรังสี
2.4 ต่อมไทรอยด์อักเสบเพราะรังสี
2.5 เสียงแหบเพราะสายเสียงเป็นอัมพาต
2.6 ปอดอักเสบเพราะรังสี กรณีที่ใช้รักษามะเร็งที่แพร่กระจายไปปอด
2.7 กดไขกระดูก
2.8 เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
2.9 เป็นหมัน
(3) กินรังสีรักษาไทรอยด์แล้วเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวใช่ไหม
ตอบว่าไม่ใช่ครับ อันนี้เป็นความกลัวที่ไร้เหตุผล ความกลัวที่ว่านี้แม้แต่หมอที่รู้ข้อมูลไม่หมดก็กลัวเหมือนกัน จึงพาลถ่ายทอดความกลัวให้คนไข้ด้วย ข้อเท็จจริงคือว่าสมาคมโรคต่อมไร้ท่ออเมริกัน (AACE) ได้ยืนยันด้วยข้อมูลจากการติดตามเชิงระบาดวิทยาในผู้ป่วยจำนวนมาก พบว่าการกินไอโอดีนกัมมันตรังสี (I-131) รักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ไม่ได้ทำให้มีอัตราการเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
(4) เมื่อกินรังสีเข้าไปแล้วจะต้องป้องกันคนรอบข้างไม่ให้ได้รับอันตรายอย่างไร
ถ้ากินแค่รักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ไม่ต้องป้องกันอะไรเป็นพิเศษก็ยังได้ แต่ถ้าอยากจะป้องกันก็ให้ทำดังนี้ คือ
4.1 อยู่ห่างๆคนอื่นไว้สัก 1 เมตร เพราะถ้ากินเต็มโด๊ส 30 mCi ที่ระยะห่างเกิน 1 เมตรจะมีระดับรังสีต่ำกว่า 5 mR/hr ซึ่งถือว่าปลอดภัย
4.2 ถ้าเป็นชาย ให้นั่งลงปัสสาวะลงในโถส้วม อย่ายืนปัสสาวะเพราะเมื่อปัสสาวะหกเรี่ยราดจะมีสารกัมมันตรังสีตกค้างในห้องน้ำ
4.3 สารกัมมันตรังสีออกมามากที่น้ำลาย ดังนั้นอย่าไปจูบใครเข้าในระหว่างกินรังสี (หอมแก้มได้นะ) อีกอย่างหนึ่ง แปรงสีฟันและโทรศัพท์ก็ไม่ควรใช้ร่วมกับคนอื่น
4.4 เหงื่อก็มีกัมมันตรังสีออกมาด้วยมาก โดยเฉพาะหลังกินได้ 24 ชั่วโมงแรก ควรล้างมือบ่อยๆ อาบน้ำบ่อยๆ และอย่าไปจับมือถือแขนใครเขาเพราะเหงื่อที่มือจะติดเขาไป
ก่อนจบผมย้ำอีกทีเป็นครั้งที่สาม ว่าการรักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ด้วยวิธีกินโซเดียมไอโอไดในขนาดต่ำกว่า 30 mCiเป็นวิธีมาตรฐาน ทำกันมาแล้วทั่วโลกมากกว่าหนึ่งล้านคน ยังไม่เคยมีรายงานว่ามีใครเจอภาวะแทรกซ้อนรุนแรงแม้เพียงรายเดียว ดังนั้นเมื่ออ่านคำตอบของผมแล้วก็อย่าสติแตกบอกเลิกการรักษาไปเสียด้วยความเข้าใจผิดนะครับ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. AACE/AME Task Force on Thyroid Nodules. American Association of Clinical Endocrinologists and Associazione Medici Endocrinologi medical guidelines for clinical practice for the diagnosis and management of thyroid nodules. Endocr Pract 2006 Jan-Feb;12(1):63-102. [142 references]
2. American College of Radiology (ACR). Practice guideline for the performance of therapy with unsealed radiopharmaceutical sources. Reston (VA): American College of Radiology (ACR); 2005. 13 p. [56 references]
[อ่านต่อ...]
ตอบ
คำว่ากินรังสีหมายถึงกินโซเดียมไอโอได (I-131) ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสี คือเปล่งรังสีในรูปของพลังงานออกมาจากตัวมันได้ ก่อนจะตอบคำถามของคุณผมขอย้ำให้ตระหนักเรื่องขนาด หรือ “dose” ของสารกัมมันตรังสีที่ใช้รักษาโรคก่อน เพราะในกรณีการรักษาไฮเปอร์ไทรอยด์นั้น ขนาดที่ใช้คือไม่เกิน 30 มิลลิคูรี่ (mCi) ซึ่งเป็นขนาดที่ต่ำมากจนเรียกได้ว่าแทบไม่มีอันตรายอะไรซีเรียสได้เลย คือ 99.99% ปลอดภัยมาก ข้อมูลอันตรายของสารกัมมันตรังสีที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นข้อมูลที่ได้จากกรณีที่ใช้ในขนาดมากกว่า 200 mCi ขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่ใช้รักษามะเร็งของต่อมไทรอยด์ โดยเฉพาะกรณีที่มะเร็งแพร่กระจาย ดังนั้นอย่าจับเอาข้อมูลที่ผมให้ไว้นี้ไปกระเดียดว่าจะเป็นกับคนที่กินรังสีรักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ด้วย เพราะเรื่องรังสีนี้ เมื่อเป็นคนละขนาด ก็กลายเป็นคนละเรื่องไปเลย เอาละ เข้าใจกันดีแล้ว คราวนี้ตอบคำถามนะ
(1) รังสีที่กินเข้าไปจะอยู่ในร่างกายนานเท่าใดจึงจะหมด
ตอบว่ากำหนดวันหมดไม่ได้ คือสารกัมมันตรังสีเป็นสารที่มวลของมันจะหดตัว (decay) แล้วให้พลังงานออกมา กรณี I-131 มันมีระยะการหดตัวลงเหลือครึ่งหนึ่ง (half life) นาน 8.05 วัน หมายความว่าผ่านไปแปดวันจะหดเหลือครึ่งหนึ่ง ผ่านไปอีกแปดวันครึ่งที่เหลือก็หดลงไปเหลืออีกครึ่งหนึ่ง ดังนั้นโดยทฤษฏีแล้วจะหดตัวจนหมดเกลี้ยงที่อินฟินิตี้ หมายความว่าไม่มีวันหมดไปจากร่างกายเพราะผ่าครึ่งไปได้เรื่อยๆจนเล็กลงๆก็จริง แต่ไม่หมดสักที ในทางการแพทย์จึงไม่สนใจว่ามันจะหมดจากตัวเมื่อไร สนใจแต่ว่ามีปริมาณเหลือพอที่จะมีผลกระทบต่อคนอื่นหรือเปล่า ในทางปฏิบัติถ้าปริมาณในร่างกายเหลือไม่เกิน 30 mCi หรือวัดพลังงานที่แผ่ออกมาห่างตัว 1 เมตรได้ไม่เกิน 5 mR/hr ก็ถือว่าเหลือน้อยจนไม่มีผลอะไรแล้ว
(2) รังสีที่กินเข้าไปมีอันตรายอะไรบ้าง
ต้องย้ำเป็นครั้งที่สองนะว่าภาวะแทรกซ้อนต่อไปนี้เกิดได้น้อยมากและเกิดเฉพาะถ้ากินเข้าไปมากๆ เช่นมากกว่า 200 mCi ซึ่งไม่ใช่ขนาดที่ใช้รักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ ภาวะแทรกซ้อนได้แก่
2.1 ต่อมน้ำลายอักเสบ ( Sialoadenitis) ปวด บวม กดเจ็บ ขมปาก ปากแห้ง
2.1 อาการป่วยเพราะรังสี (radiation sickness) คือ ปวดเมื่อย คลื่นไส้ ปวดหัว
2.3 กระเพาะอาหารอักเสบเพราะรังสี
2.4 ต่อมไทรอยด์อักเสบเพราะรังสี
2.5 เสียงแหบเพราะสายเสียงเป็นอัมพาต
2.6 ปอดอักเสบเพราะรังสี กรณีที่ใช้รักษามะเร็งที่แพร่กระจายไปปอด
2.7 กดไขกระดูก
2.8 เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
2.9 เป็นหมัน
(3) กินรังสีรักษาไทรอยด์แล้วเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวใช่ไหม
ตอบว่าไม่ใช่ครับ อันนี้เป็นความกลัวที่ไร้เหตุผล ความกลัวที่ว่านี้แม้แต่หมอที่รู้ข้อมูลไม่หมดก็กลัวเหมือนกัน จึงพาลถ่ายทอดความกลัวให้คนไข้ด้วย ข้อเท็จจริงคือว่าสมาคมโรคต่อมไร้ท่ออเมริกัน (AACE) ได้ยืนยันด้วยข้อมูลจากการติดตามเชิงระบาดวิทยาในผู้ป่วยจำนวนมาก พบว่าการกินไอโอดีนกัมมันตรังสี (I-131) รักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ไม่ได้ทำให้มีอัตราการเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
(4) เมื่อกินรังสีเข้าไปแล้วจะต้องป้องกันคนรอบข้างไม่ให้ได้รับอันตรายอย่างไร
ถ้ากินแค่รักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ไม่ต้องป้องกันอะไรเป็นพิเศษก็ยังได้ แต่ถ้าอยากจะป้องกันก็ให้ทำดังนี้ คือ
4.1 อยู่ห่างๆคนอื่นไว้สัก 1 เมตร เพราะถ้ากินเต็มโด๊ส 30 mCi ที่ระยะห่างเกิน 1 เมตรจะมีระดับรังสีต่ำกว่า 5 mR/hr ซึ่งถือว่าปลอดภัย
4.2 ถ้าเป็นชาย ให้นั่งลงปัสสาวะลงในโถส้วม อย่ายืนปัสสาวะเพราะเมื่อปัสสาวะหกเรี่ยราดจะมีสารกัมมันตรังสีตกค้างในห้องน้ำ
4.3 สารกัมมันตรังสีออกมามากที่น้ำลาย ดังนั้นอย่าไปจูบใครเข้าในระหว่างกินรังสี (หอมแก้มได้นะ) อีกอย่างหนึ่ง แปรงสีฟันและโทรศัพท์ก็ไม่ควรใช้ร่วมกับคนอื่น
4.4 เหงื่อก็มีกัมมันตรังสีออกมาด้วยมาก โดยเฉพาะหลังกินได้ 24 ชั่วโมงแรก ควรล้างมือบ่อยๆ อาบน้ำบ่อยๆ และอย่าไปจับมือถือแขนใครเขาเพราะเหงื่อที่มือจะติดเขาไป
ก่อนจบผมย้ำอีกทีเป็นครั้งที่สาม ว่าการรักษาไฮเปอร์ไทรอยด์ด้วยวิธีกินโซเดียมไอโอไดในขนาดต่ำกว่า 30 mCiเป็นวิธีมาตรฐาน ทำกันมาแล้วทั่วโลกมากกว่าหนึ่งล้านคน ยังไม่เคยมีรายงานว่ามีใครเจอภาวะแทรกซ้อนรุนแรงแม้เพียงรายเดียว ดังนั้นเมื่ออ่านคำตอบของผมแล้วก็อย่าสติแตกบอกเลิกการรักษาไปเสียด้วยความเข้าใจผิดนะครับ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. AACE/AME Task Force on Thyroid Nodules. American Association of Clinical Endocrinologists and Associazione Medici Endocrinologi medical guidelines for clinical practice for the diagnosis and management of thyroid nodules. Endocr Pract 2006 Jan-Feb;12(1):63-102. [142 references]
2. American College of Radiology (ACR). Practice guideline for the performance of therapy with unsealed radiopharmaceutical sources. Reston (VA): American College of Radiology (ACR); 2005. 13 p. [56 references]