บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กันยายน, 2018

จะเอาความกลัวนี้ออกไปจากใจได้อย่างไร

สวัสดีครับ คุณหมอ ก่อนอื่นผมขอให้คุณหมอช่วยตอบจดหมายนี้ เพราะคำเเนะนำหลายๆเรื่องที่เคยติดตามจากเฟสบุ๊ค ที่ท่านได้ตอบจดหมายจากทางบ้าน ผมชอบมากเเละได้เเนวคิด ดีๆหลายเรื่อง ผมจึงอดทนรอได้ถ้ากว่าจะได้รับจดหมายตอบกลับต้องใช้เวลานาน      ผมเป็นนักศึกษาเเพทย์ปีสุดท้าย ไม่ได้สังกัดโรงเรียนเเพทย์นะครับ อยู่ทางภาค ... เรื่องที่ผมจะขอปรึกษา มันเริ่มต้นจากที่ผมมาวนศัลยกรรม เเรกๆงานก็จะราบรื่นดีครับ เเต่ว่าวันนึงที่ผมต้องไปรับเคสที่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งปัญหาของคนไข้คือมีเลือดออกในสมอง ผมต้องโทรรายงานอาจารย์ที่เกี่ยวข้องด้านนี้ เเน่นอนครับ ผมกลัวอาจารย์แผนกนี้มาก เพราะถ้ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านไม่พอใจมีโอกาสที่จะโดนแอดวอร์ดทันที ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี เเต่นั่นเเหละครับ วอร์ดที่แอดกันเป็น spec.ทางศัลยกรรมก็จริง เเต่คนไข้เยอะมาก 50-70 เคส การที่ต้องไปราวน์ในเเต่ละวันจึงต้องตื่นนอนตั้งเเต่ตีสองตีสามไปเลยทีเดียว ทำให้ Extern ทุกคน กลัวมากที่จะต้องโดนแอดแผนกนี้ของศัลยกรรม เเละเเล้วผมก็ทำพลาด ผมดูคนไข้ไม่ละเอียดด้วยเพราะวันนั้น งาน wardwork เยอะมาก เเละต้องมารับเคสที่ห้องฉุกเ...

แค้มป์ติดตามหลังจบคอร์สพลิกผันโรคด้วยตัวเอง (RDR)

รูปภาพ
แค้มป์ติดตามหลังจบคอร์สพลิกผันโรคด้วยตัวเอง  Reverse Disease By Yourself Revisit (RDR)         แค้มป์พลิกผันโรคด้วยตัวเอง (RDBY) ทำไปแล้ว 9 ครั้ง หลายแค้มป์ที่จบคอร์สหนึ่งปีไปแล้วแต่สมาชิกก็ยังอยากจะกลับมาฟื้นฟูความรู้ ทักษะ และกระตุ้นตัวเองเป็นพักๆ ครั้นจะรวมกลุ่มเฉพาะชั้นเรียนของตัวเองก็รวมได้ไม่มากพอ ทำให้กลับมาไม่ได้ จึงได้เกิดแค้มป์นี้ RDR นี้ขึ้นเพื่อเป็นแค้มป์ที่เปิดให้ศิษย์เก่า RDBY ทุกรุ่นได้กลับเข้ามาทบทวนความรู้และทักษะในการดูแลตนเองปีละครั้ง โดยครั้งแรกคือประจำปีนี้จะเปิด RDR-2018 ในวันที่ 29 - 30 พย. 61 โดยรับจำกัด 15 คน ไม่นับผู้ติดตาม เพราะทุกคนต้องมีเวลาพบกับผมตัวต่อตัวอย่างน้อยคนละ 20 นาที จะรับมากกว่านี้คงไม่ได้ ภาพรวมของคอร์สรวมศิษย์เก่า RDR      แค้มป์นี้เป็นแค้มป์ติดตามผลการดูแลตัวเอง (self management) หลังจากผ่านไปหนึ่งปีแล้ว รับเฉพาะผู้ที่เคยผ่านคอร์ส RDBY รุ่นใดรุ่นหนึ่งมาแล้ว ซึ่งทุกคนเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน ไขมัน อ้วน อัมพาต ทุกระยะความหนักเบาของโรค รวมถึงคนที่มีภาวะแทรกซ้อนขอ...

หมอสันต์จะไม่อยู่หนึ่งเดือน

     วันนี้ของดตอบคำถามหนึ่งวัน เพื่อแจ้งข่าวว่าหมอสันต์จะหยุดเขียนบล็อกไปหนึ่งเดือน คือเดือนตุลาคมทั้งเดือน เพื่อจะไปเที่ยว หนึ่งเดือนนี้จะปิดโทรศัพท์ ปิดหน้าจอ งดรับข่าวสารทุกชนิด จะอยู่แต่กับสิ่งที่เห็นที่ได้ยินสดๆซิงๆที่ตรงหน้า ณ เดี๋ยวนั้นเท่านั้น โดยไม่เอาอดีตอนาคตของตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง การปิดหรือไม่ปิดหน้าจอความจริงไม่มีผลต่างกันนัก เพราะบริเวณที่จะไปส่วนใหญ่เป็นป่าเขาไม่มีเน็ทอยู่แล้ว ครั้งนี้จะเป็นการขับรถไปหาที่เดินป่าเช่นเคย มีพลขับสองคนคือตัวหมอสันต์เองกับหมอพอผู้บุตร มีคณะที่ปรึกษาการขับขี่เป็นทีมสุภาพสตรีวัยเลขหกขึ้นอีกสามคนรวมทั้งสิ้นทั้งคณะเป็นห้าคน แผนการขับรถก็จะตั้งต้นแถวน้ำตกไนแอการาฝั่งแคนาดา แล้วขับลงไปทางตอนเหนือของสหรัฐเพื่อเดินป่าชมใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงต้นฤดูใบไม้ร่วง (fall foliage) และขับเที่ยวไปตามตำบลเล็กตำบลน้อยในชนบทของแมสซาจูเซ็ท แล้วขับขึ้นเขาจากใต้จรดเหนือของรัฐเวอร์มอนต์ ช่วงต้นเดือนตุลาจะไปค้างคืนอยู่บนเขาเม้าท์สโนว์หลายคืน โดยจะไปแอ่วงาน Octoberfest ซึ่งจัดขึ้นทุกปีบนเม้าท์สโนว์นี้ด้วย หมอสันต์สมัครเข้าประกวดโยเดลลิ่ง (Yodeling) แข่ง...

ในที่สุดเราก็ชนะฝรั่ง (หมอสันต์บ่นสปสช.ผ่านสายลม)

     ไม่กี่วันนี้เอง อิมพีเรียลคอลเลจ มหาลัยลอนดอนได้ตีพิมพ์ผลการรวบรวมสถิติอัตราการตายจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ของทุกประเทศทั่วโลก และเพิ่งเป็นครั้งแรกที่กลุ่มประเทศที่เจริญแล้วในโลกซีกตะวันตก ได้สูญเสียความเป็นแชมป์ในเรื่องอัตราตายด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังให้กับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่อยู่รอบๆเส้นศูนย์สูตรไปเสียแล้ว ประเทศไทยของเราก็มีสถิติการตายด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังสูงกว่าประเทศฝรั่งแช้มป์เก่าในโลกซีกตะวันตกด้วยเช่นกัน เช่นโรคหลอดเลือดหัวใจของพวกเราตาย 90 ต่อแสน แต่ของฝรั่งตาย 61 ต่อแสนเท่านั้น โรคอัมพาตของพวกเราตาย 49 ต่อแสน แต่ของพวกฝรั่งตาย 22 ต่อแสน แม้แต่โรคเบาหวานพวกเราก็กินฝรั่งขาด คือของพวกเราตาย 32 ต่อแสน แต่ของพวกฝรั่งตาย 11 ต่อแสนเท่านั้น อา นั่นหมายความว่าคำประกาศที่ฟังเหมือนไร้สาระขององค์การอนามัยโลกเมื่อเกือบ 20 ปีก่อนที่ประกาศว่าใน 25 ปีข้างหน้า (ค.ศ. 2025) 90% ของคนป่วยโรคหัวใจหลอดเลือดจะอยู่ในทวีปเอเซียคงจะเป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย      ที่ฝรั่งเขาเสียแช้มป์ให้เรานี้ไม่ใช่เพราะฝรั่งเขาฝีมือตกนะครับ เพราะหากมองอัตราตายจากโรค...

ซอกแซกเรื่องเซ็กซ์ได้ แต่อย่าลืมเรื่องฝึกรู้ทันความคิด

สวัสดีค่ะคุณหมอ หนูมีเรื่องกังวลที่อยากจะเรียนสอบถามคุณหมอค่ะ คือเพื่อนของหนูเคยให้ที่คั่นหนังสือลักษณะ เป็นอันกลมๆยาวๆค่ะ เป็นยางที่ยืดหยุ่นได้ ด้วยความอยากรู้และอาจจะสิ้นคิดของหนู หนูก็เอามันใส่เข้าไปในอวัยวะเพศค่ะ ใส่อยู่นานเพราะใส่ไม่ได้คะ  แต่หลังจากนั้นก็มานั่งคิดว่าถ้าเพื่อนเราก็เคยทำแบบเดียวกันแล้วเค้ามีเชื้อเอชไอวี หนูจะติดได้รึเปล่าคะ เจ้าอุปกรณ์นี้เพือนหนูให้มาประมาณปึนึงหรือแปดถึงเก้าเดือนไม่แน่ใจคะ อยากจะขอเรียนถามคุณหมอดังนี้ค่ะ ถ้ามันเคยมีเชื้อเอชไอวีติดอยู่ หนูจะติดด้วยไหมคะ เชื้อเอชไอวีสามารถอยู่นอกร่างกายหรือในอากาศนานไหมคะ เป็นไปได้มั้ยคะที่เชื้อเอชไอวีจะไม่มีวันตายเลย และติดอยู่ที่อุปกรณ์นี้ และพอหนูใช้หนูก็ติดเชื้อด้วย ถ้าไม่ติด หนูมั่นใจได้กี่เปอร์เซนต์คะ ถ้าเราจะตีค่าออกมาเป็นตัวเลขทางคณิตศาสตร์ มีความจำเป็นต้องตรวจเอชไอวีหรือเปล่าคะ กรณีแบบนี้ หนูยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์คะ เลยกังวลแบบครอบจักรวาล คุณหมออย่ารำคาญเด็กเจ้าปัญหาคนนี้นะคะ ด้วยความเคารพอย่างสูงคะ เด็กเจ้าปัญหา .......................................................... ตอบครับ   ...

นักศึกษาแพทย์ สมองไวแต่ผลงานแย่

เรียนอาจารย์สันต์ที่เคารพ ผมเป็นนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ ชื่นชอบและสนใจเกี่ยวกับการเจริญสติที่อาจารย์ได้ลงบทความไว้เรื่อยมา อยากจะขอคำปรึกษาอาจารย์ซักเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเปรียบเป็นลักษณะการเรียนแพทย์ ก็เหมือนกับสอบ OSCE ที่เรารู้ทฤษฏีรู้ขั้นตอนการตรวจร่างกายเป็นอย่างดี ฝึกซ้อมกับผู้ป่วยในวอร์ดมานับไม่ถ้วน ......แต่เมื่ออยู่ในห้องสอบ  มือไม้มันก็พาลจะสั่นเสียอย่างงั้น ลืมวิธีตรวจร่างกายไปซะอย่างงั้น ความรู้ที่เข้าใจ ก็หายไปตามความร้อนรน Performance ที่แสดงออกมันก็ไม่ได้ดังที่ตั้งใจไว้ การปล่อยวางความคิด มันก็เข้าใจทฤษฏีดี เข้าใจจุดประสงค์ เข้าใจผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ฝึกเลิกสนใจมัน ฝึกแยกมันก็พอทำได้ แต่พอเจอสถานการณ์ที่กดดันมากๆเข้า เราก็ลืมวิธีวางความคิดไปเสียอย่างงั้น กลืนไปกับมันแบบไม่รู้ตัว อารมณ์โกรธก็ลืมวิธีแก้ อารมณ์เศร้าก็แยกออกมาไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวมีสติ มันก็สายไปเสียแล้ว บางครั้งความคิดที่ว่าปล่อยได้ไปแล้ว มันก็วนกลับมาให้คิดอีก พยายามกลับมาซ้ำๆเรื่อยๆ ให้เสียเวลาเสียอารมณ์ พาลจะหงุดหงิดใจตัวเองเสียเปล่าๆด้วย จึงอยากจะขอคำแนะนำและเทคนิคจากอาจารย์ ในเรื่องนี้เพื่อจ...

ไม่อยู่..อยู่แต่ตัวข้าคนเดียว

คุณหมอสันต์ครับ ผมคิดว่าผมกำลังเป็นโรคจิตชนิดสองบุคลิค คือผมมีปัญหากับภรรยา บางวันผมรู้สึกเกลียดเธอมากถึงขีดที่ตัดสินใจจะหย่าขาดจากกันเสียที เธอช่างมีความไม่ดีมากเหลือเกินคุณหมออย่าให้ผมเล่าเลย แต่ก็มีบางวันที่ผมรู้สึกเมตตาต่อเธอ ผมเข้าใจว่าเธอก็เป็นเธออยู่อย่างนั้น แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือผมตัวจริงคือคนไหนกันแน่ ผมควรจะทำอย่างไรจึงจะตอบคำถามนี้ได้ครับ ................................................. ตอบครับ      จดหมายของคุณไร้สาระมากเลยนะ ผมจะไม่ตอบคำถามคุณตรงๆ แต่จะเล่านิทานให้ฟัง ผมเล่าเรื่องนี้จากงานเขียนของไมเคิล เทย์เลอร์ เท็จจริงอย่างไรผมไม่ยืนยันนะ แต่เนื้อหาของเรื่องผมยืนยันว่ามีประโยชน์ทั้งสำหรับคุณและท่านผู้อ่านท่านอื่นด้วย      เป็นเรื่องของกษัตริย์มิถิลานครชื่อชนะตะ (ก็คือคนที่เป็นพ่อของนางสีดา นางเอกในเรื่องรามเกียรติ์นั่นแหละ) มีชีวิตอยู่ราว 700 ปีก่อนคริสต์ วันหนึ่งราชาชนะตะฝันที่จริงจังมากว่าได้นำทัพเข้าสู่สงครามแล้วพ่ายแพ้ ตัวเองต้องทิ้งอาวุธโล่ห์และเครื่องทรงหนีศัตรู รอนแรมผ่านป่าอย่างหิวโหยไปถึงกระท่อมชายหมู่บ้านนอกเขตอาณาจักรของต...

คนตัวเป็นๆที่เป็นเบาหวานความดันแล้วเลิกยาได้หมด

เรียน นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์ เห็นท่านในยูทูป ผมป่วยเป็นเบาหวานความดัน มา10 กว่าปี นี่ปฏิบัติตนอย่างที่ท่านสอนมาตลอด หมอที่รักษาที่ รพ.เลยไม่จ่ายยาให้มา 3 นัดแล้วครับ ครั้งสุดท้ายหมอบันทึกในสมุดผู้ป่วยว่าอาการปกติทุกอาการ ดีใจสุดๆ เลยครับ รักษาอาการป่วยโดยไม่ทานยาของหมอก็หายได้จริงๆ ... จังหวัดเลย ............................................................ ตอบครับ      จดหมายของท่านนี้ไม่ได้ถามอะไร แต่ผมเอามาลงเพื่อเป็นสักขีพยาน หรือ testimonial เพื่อให้ท่านผู้อ่านอื่นๆเห็นว่าโรคเบาหวานก็ดี โรคความดันก็ดี มันหายได้นะ หากเรานิยามการหายว่าไม่ต้องกินยาอีกต่อไปแล้ว โดยที่ตัวชี้วัดทุกอย่างปกติอยู่ได้      ทุกวันนี้เราใช้ยากันมากเกินไป การที่วงการแพทย์วัดความสำเร็จของการใช้ยาโดยใช้ตัวชี้วัดเฉพาะโรคใดโรคหนึ่ง ทำให้เราเผลอใช้ยามากโดยลืมคิดไปว่ายาทำให้เราเสียชีวิตหรือคุณภาพชีวิตเสียไปด้วยโรคอื่นมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น      1. การใช้ยาลดไขมันทำให้อุบ้ติการณ์ของการเป็นเบาหวานมากขึ้น (28% หากถือตามงานวิจัยที่ทำที่แคนาดาอย่างเป็นอิสระต่อบริษัทยา)...

คุณเป็นคนมีพลังมาก อัดแน่นจวนเจียนจะระเบิด

สวัสดีค่ะคุณหมอสันต์   ... มารายงานผลหลังจากการอบรมไปค่ะ กลับมาก็ตั้งเป้ากับชีวิต หลังจากได้สนทนากับคุณหมอไป จะนั่งสมาธิทุกวันวันละ 20 นาที ช่วงวันแรกๆนั่งได้อยู่ค่ะ แต่มาหลังๆนี่กลับมาเจอสภาพแวดล้อมเดิมความคิดฟุ้งตลอดเวลา ปล่อยวางไม่ได้เลยค่ะ เลยไม่ฝืนนั่ง จะทำอย่างไรให้เราปล่อยวางได้อีกครั้งคะ ยิ่งนั่งไปถึงฌาน นี่ลำบากไปกันใหญ่ แม้แต่ในแค้มป์ ยังไม่เคยไปถึงจุดสุดของหลักอาณาปาณสติ สักที หนูควรเริ่มใหม่จากจุดใดกันแน่คะ คุณหมอ ขอบพระคุณคุณหมอมากค่ะ ................................................. ตอบครับ      ขอบคุณมากที่เขียนมาเล่า คุณเป็นสมาชิก Spiritual Retreat ที่เอาถ่าน      หากไปกลางทางแล้วสับสน ให้คุณกลับมาเริ่มด้วยการวางความคิดมาจดจ่อกับงานหรือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อน (ซึ่งอาจจะเป็นการทำงานโดยง่วนกับกระบวนการทำโดยไม่หวังผล หรือเป็นการนั่งเหม่อดูสิ่งแวดล้อมเฉยๆก็ได้) หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆโดยเน้นสองเทคนิคควบ (1) รับรู้ร่างกาย (body scan) (2) ผ่อนคลายร่างกายและยิ้ม (muscle relaxation)      ส่วนการฝึกสมาธิตรงๆหรือ med...

ผลจากการหลอก (Placebo effect) ในการทำบอลลูนใส่สะเต้นท์

กราบเรียนคุณหมอสันต์ ผมอายุ 51 ปีมีอาการเจ็บหน้าอกเวลาปั่นจักรยานเร็วๆ ได้ทำบอลลูนใส่ stent ไปหนึ่งตัวที่หลอดเลือด RCA เมื่อเดือน พค. 60 ต่อมาเมื่อต้นปีนี้ได้กลับมีอาการเจ็บหน้าอกอีก หมอได้ฉีดสีซ้ำแล้วไม่พบการอุดตันของขดลวดจึงไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม ผมถามว่าแล้วทำไมหลังทำบอลลูนใหม่ๆอาการเจ็บหน้าอกของผมดีขึ้น แล้วอยู่ก็แย่ลงทั้งๆที่หลอดเลือดก็เหมือนเดิม คุณหมออีกท่านหนึ่งซึ่งรักษาโรคกระเพาะให้ผมบอกว่าอาจจะเป็นผลจาก placebo effect ที่ผมได้ทำบอลลูน ผมอยากถามคุณหมอสันต์ว่าผลทางจิตวิทยามันมีมากขนาดนั้นเลยหรือ แล้วในกรณีของผมนี้ผมยังเจ็บหน้าอกทั้งๆที่ไม่มีที่จะให้ใส่สะเต้นท์แล้ว ผมควรจะทำอย่างไรต่อไป แล้วที่ผมทำบอลลูนใส่สะเต้นท์ไปแล้วนั้น ผมทำฟรีไปโดยไม่จำเป็นต้องทำใช่หรือไม่ .................................................. ตอบครับ      1. ถามว่าการหลอก (placebo effect) จะมีผลถึงขนาดทำให้หายเจ็บหน้าอกเลยหรือ มาถึงวันนี้มีงานวิจัยที่จะตอบคำถามนี้ได้แล้วนะ งานวิจัยที่ว่านี้ทำที่อังกฤษ ชื่อว่า ORBITA Trial ตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ซึ่งทำวิจัยแบบบ้าบิ่นมาก คือเอาคนไข้โรคหัวใจขาดเล...

โรคต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติจากการขาดวิตามินดี.

เรียนคุณหมอสันต์คะ ดิฉันอายุ 62 ปี นน. 39 กก. สูง 156 ซม. เมื่อ ... มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกไปตรวจที่รพ. ... หมอให้เอกซเรย์และทำEKG แล้วบอกว่าหัวใจปกติ ก่อนหน้านี้ดิฉันทานยา ZIMMEX 20 mg.ตั้งแต่อายุ 50กว่าๆทาน ZOCOR แล้วปวดกล้ามเนื้อทั้งตัว ทั้งที่ค่า CPK ปกติ ปวดหัว เวียนหัว  กล้ามเนื้อกระตุก นอนไม่หลับ  ฝันร้ายตลอด ตื่นเช้ามาก็จะงงๆ  ความดันจะสูง  และปวดหัวทุกวัน หมอจึงเปลี่ยนยาเป็น MEVALOTIN 40 mg ก็ยังเป็นอาการเหมือนเดิม เป็นคนไวกับยาทุกตัวค่ะ จะออกอาการความดันสูงและปวดหัวทันที แพ้กระทั่งยาแก้แพ้ Zyrtex , Serc  กลุ่ม NSAID จะปวดหัวมากและความดันจะสูงด้วย ดิฉันหยุดใช้ยาลดไขมันได้ 5 เดือนกว่าแล้ว อาการที่กล่าวมาดีขึ้นมากค่ะ นอนไม่ค่อยหลับค่ะโดยเฉพาะช่วงที่ทานยาลดไขมันจะเป็นมาก  ต้องทานยา CLONAZEPAM 0.5mg   บ่อยมากเข้าขั้นติดยาเลยทีเดียว เป็นคนเครียดและกังวลง่าย ส่วนใหญ่เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ กังวลที่สุดคือไขมันในเลือดสูงจากกรรมพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีอาการท้องผูก ท้องมีแต่ลม เคยทำอุลตร้าซาวด์หมอว่ามีนิ่วที่ไตแต่ไม่ต้องทำอะไร ปกติดิฉันออกกำลังกายด้วยการ...

ช็อกกันทั้งบ้าน กำลังใจไม่เหลือแล้ว

สวัสดีค่ะคุณหมอ    หนูเคยสอบถามคุณหมอเมื่อต้นปีเรื่องที่แฟนเป็นมะเร็งที่ไตและได้ตัดไตไปแล้ว หมอบอกระยะ ที่ 1 ล่าสุดตรวจติดตามครบ 6 เดือนลามมาที่ปอด คุณหมอบอกเป็นระยะ 4 เลย ไม่มีทางรักษาให้เตรียมตัว เตรียมใจ แต่มียาทาร์เกต แต่ไม่รู้จะได้ผลมั้ย ตอนนี้กำลังใจแทบไม่เหลือค่ะ มีลูกอีกสองคนที่พึ่งคลอด อยากถามคุณหมอว่า ตอนนี้ยังพอมีความหวังอะไรบ้างมั้ยค่ะ หรือเราไม่มีเลยจริงจริง ตอนนี่รักษาที่ ...  แฟนยังดูปกติทุกอย่างไม่เหมือนคนป่วยเลย ช็อคทั้งบ้าน .............................................. ตอบครับ       ประเด็นที่ 1. ธรรมชาติของมะเร็งไต มันเป็นมะเร็งที่ผูกสัมพันธ์กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอย่างลึกซึ้ง จนหมอเรียกมันว่าเป็น immunology tumor คือเนื้องอกที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน และมีหลักฐานชัดเจนทางการแพทย์ว่ามะเร็งไตไม่ว่าระยะไหนสามารถหายได้ด้วยตัวของมันเอง      ในแง่ของการสนองตอบต่อวิธีการรักษา วิธีรักษามะเร็งไตที่ได้ผลแน่ชัดมีอย่างเดียวคือการผ่าตัดเท่านั้น การฉายแสงไม่ใช่วิธีรักษามะเร็งไต เคมีบำบัดรวมทั้งยาทำลายเป้า (target therapy) ม...

นี่คือการเวียนว่ายตายเกิดแบบแท้ๆ จะๆ เห็นๆ

สวัสดีค่ะ คุณหมอ หนูเคยรักษาอาการสองอย่างจากหมอ คือ adjustment disorder และโรควิตกกังวล ซึ่งไม่ร้ายแรง ได้ยาช่วยนอนมาและหมอเลิกรักษา หลังจาก cbt มา ตอนนี้หนูไม่มีงาน เพราะทำงานไม่ได้ ทนไม่ได้เวลาคนโกรธ สั่งงาน หรือด่าว่างาน เลยไม่ทำงานเลย แต่จะทำอะไรของตัวเองก็ไม่รู้ ชีวิตเงินไม่มี อนาคตไม่มี จะมีใครข้างกายก็ทะเลาะกับเขาบ่อย ไม่พอใจง่าย ทนอารมณ์หึง กลัว ระแวง ของตัวเองไม่ได้สะสมไว้จนต้องระเบิดใส่ทุกครั้ง เอาแต่ใจ ไม่อดทน อารมณ์แกว่ง ไม่ชอบตัวเอง ไม่มั่นใจตัวเอง อิจฉา วนลูป แย่มากๆค่ะ แต่รู้อะไรดีไม่ดี รู้สึกเป็นคนที่ไม่มีคุณภาพในการใช้ชีวิต รู้สึกไม่อยากเป็นแบบนี้ แต่แก้ไม่ได้ พอจะฝึกอะไรเช่นโยคะ ก็ไม่มีอารมณ์หรือทำได้ไม่นานเลย ไม่รู้จะเอาอะไรยังไงในชีวิต ไม่มีเป้าหมายเลยตั้งแต่เรียนจบมา ไม่มีคุณค่าด้วยค่ะ ตอนนี้30แล้ว ........................................................ ตอบครับ      อามิตตาภะ..พุทธะ       "รู้ว่าอะไรดีไม่ดี แต่ทำไม่ได้ ทั้งๆที่ไม่อยากเป็นอย่างนี้ นี่ มันเป็นอย่างนี้ซะด้วยซิคะท่านสารวัตร"       หิ หิ ขอโทษ พูดเ...