ไม่มีงานทำก็ไม่ต้องห่วง ไม่มีเงินใช้ก็ไม่ต้องห่วง การจะหาความสุขทางเซ็กซ์ก็ไม่ต้องห่วง



เรียนคุณหมอสันต์ที่เคารพ

    ผมเรียนจบมาทางคอมมา 2 ปีแล้ว เรียนมาทางเขียนโปรแกรม ยังหางานไม่ได้เลย ทุกวันนี้อาศัยอยู่กินกับพ่อแม่ ไม่ใช่ผมขี้เกียจ ผมหาแล้วไม่ได้ ที่ผมหางานไม่ได้นี้เศรษฐกิจเป็นเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับผมอาชีพของผมมันถูกไล่ที่โดย AI เพราะไปที่ไหนเขาก็บอกว่าเขาจะเปลี่ยนเป็น no code กันหมดแล้ว จนผมชักปลงว่าชาตินี้ผมคงหางานทำไม่ได้แน่แล้ว ทำให้คิดต่อว่าไม่มีเงินแล้วจะเอาอะไรซื้อข้าวกิน เมื่อถูกหุ่นยนต์แย่งงานไปหมดอย่างนี้จะให้มนุษย์อย่างผมอยู่ไปเพื่อทำอะไร ตัวผมเองไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ครับ ไม่รู้ว่าเป็นบาปหรือเปล่า แค่รำคาญญาติผู้ใหญ่บ้างพระบ้างขยันกรอกหูเรื่องบาปบุญคุณโทษจัง ถ้าหุ่นยนต์มันครองโลกนี้ มนุษย์จะอยู่กันอย่างไร คุณหมอเป็นห่วงเรื่องนี้บ้างไหมครับ และคุณหมอมีตำแนะนำอย่างไร

ขอบพระคุณครับ

...................................................................   

 ตอบครับ

    1. ถามว่าถ้าหางานไม่ได้ตลอดไป แล้วจะเอาอะไรกิน ตอบว่าคุณไม่ต้องห่วงเรื่องจะไม่มีอะไรกิน เพราะมนุษย์สามารถผลิตอาหารไล่ตามความต้องการได้ทันเสมอแม้ในยุคที่ประชากรเติบโตพรวดพราด นี่เรากำลังเข้าสู่ยุคประชากรหดตัว เรื่องจะไม่มีอาหารพอกินนี่ไม่ต้องห่วงเลยครับ อาหารมีเหลือเฟือแน่นอนแม้คุณจะไม่มีงานทำ อย่าลืมว่าไม่ใช่คุณคนเดียวนะที่จะไม่มีงานทำ คนอื่นวัยทำงานอีกไม่น้อยกว่า 80% ต่อไปก็ล้วนจะไม่มีงานทำ ยิ่งอาชีพบางอาชีพที่ประกอบอาชีพโดยการกั๊กข้อมูลเอาไว้ขาย เช่นอาชีพแพทย์ อาชีพครูอาจารย์ เป็นต้น ต่อไปจะตกงานกันหมดเพราะไม่มีใครซื้อสินค้าของเขา

     2. ถามว่าไม่มีเงินแล้วจะเอาอะไรซื้อข้าวกิน ตอบว่าเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่มีงานทำรัฐบาลก็จะแจกเงินเพื่อสร้างกลไกกระจายอาหารและสินค้าที่หุ่นยนต์ผลิตขึ้น อย่างเท่หน่อยรัฐบาลก็จะใช้วิธีดูดเอาเงินที่กองอยู่ตามจุดต่างๆมาแจก วิธีดูดก็โดยเอาสิ่งที่เรียกว่า "เครดิต" ล่อขาย เช่นการออกพันธบัตรเป็นต้น วิธีแบบลุ่นๆเลยไม่ต้องรอให้หล่อหรือเท่ก็คือเอาแบงค์กงเต็กออกมาแจกดื้อๆ เงินพวกนี้แจกได้ไม่อั้นไม่มีหมดเพราะแม้แต่กระดาษยังไม่ต้องสิ้นเปลืองเลยเนื่องจากมันเป็นเงินดิจิตอล แค่มีเลข 0 กับเลข 1 ก็แจกเงินได้ไม่อั้นแล้ว เขาเรียกวิธีแจกเงินกงเต็กนี้ว่า quantitative easing (QE) ซึ่งรัฐบาลทั่วโลกต่างก็จะทำกัน ในเมืองไทยนี้ยิ่งจะทำกันหนัก เพราะการแจกเงินมันเป็นความถนัดระดับสูง คือเป็น DNA ของนักการเมืองไทยเลยทีเดียว 

    3. ถามว่าถ้าหุ่นยนต์แย่งงานไปทำหมดแล้วต่อไปคนจะทำอะไรกัน ตอบว่าไม่ต้องทำงานก็ดีแล้วนะครับ จะได้เอาเวลาที่เหลือไปทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองมีความสุข เช่น กิน นอน สืบพันธ์ เป็นต้น เมื่อเบื่อสามอย่างนี้แล้วก็เอาเวลาที่เหลือเรียนรู้ที่จะกลับเข้าไปข้างในตัวเองซึ่งผู้รู้แต่โบราณสอนว่าที่นั่นเป็นสุดยอดของความสุข ไม่ต้องไปวิ่งหาหรือซื้อหาที่ข้างนอกดอก จริงหรือเปล่านี่ท้าทายให้คุณพิสูจน์ให้เห็นแดงๆด้วยตัวคุณเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมว่าการมีความสุขคือคุณค่าและความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่นะ ไม่ใช่การมีงานทำและการมีเงิน ดังนั้นอย่าเข้าใจผิดว่าไม่มีงานทำไม่มีเงินแล้วชีวิตจะไร้คุณค่าไร้ความหมาย

    ในเรื่องของการหาความสุขจากเซ็กซ์คุณก็ไม่ต้องห่วงว่าคุณจะหาคู่ไม่ได้ เพราะต่อไปหุ่นยนต์ระดับสวยๆหล่อๆจะมีราคาแค่ตัวละหลักหมื่นบาทเอง และคนจำนวนมากก็จะสมัครใจแต่งงานอยู่กินกับหุ่นยนต์ ไม่เชื่อหมอสันต์ก็คอยดูนะ หิ..หิ

    4.  ถามว่าไม่เชื่อเรื่องสวรรค์นรกจะเป็นบาปไหม ตอบว่า อ้าว..ว ก็เมื่อไม่เชื่อว่ามีสวรรค์มีนรกแล้ว บาปและบุญก็ไม่มีสิ ถูกไหม มันเป็นตรรกะง่ายๆ แล้วคุณจะเดือดร้อนอะไรละครับ แล้วคุณจดคำพูดของผมใส่กระดาษแปะฝาตู้เย็นไว้เลยนะ ว่าภายในอีกไม่เกิน 1 ชั่วอายุคน คือรุ่นคุณนี่แหละ สวรรค์จะต้องเลิกกิจการเพราะไม่มีลูกค้า หิ..หิ 

    5. ถามว่าถึงแม้ไม่เชื่อเรื่องสวรรค์นรกแต่ก็ยังเป็นทุกข์เพราะพระและญาติผู้ใหญ่รุมพูดกรอกหูไม่เว้นแต่ละวัน ตอบว่าเรื่องญาติผู้ใหญ่นั้นคุณต้องฝึกวิชาหูทวนลมเพราะคุณอาศัยข้าวเขากินอยู่ คือคุณต้องทนเอาหน่อย ส่วนเรื่องพระนั้นคุณไม่ต้องห่วง เพราะต่อไปวันข้างหน้าผมเดาว่าเหล่าพวกนักบวชเมื่อการหากินฝืดเคืองเขาจะแยกค่ายแล้วยกพวกตีกันเอง เมื่อใดก็ตามที่เหล่าเซลส์มัวแต่ไปตีกันอยู่ แล้วใครจะดูแลงานขายละครับ กิจการมันก็เลยต้องจบด้วยการเจ๊งไปตามระเบียบ

    6.  ถามว่าคิดเป็นห่วงหุ่นยนต์จะมาครองโลกจะทำอย่างไรดี ตอบว่าไม่ต้องห่วงหรอกครับ ไม่ว่าโลกนี้จะครองโดยมนุษย์หรือครองโดยหุ่นยนต์เราก็ต้องทำสงครามฆ่ากันอยู่ดี แต่ผมเดาว่ายุคบ้าสงครามนี้จะพีกไปอีกก็ไม่เกินห้าปีหรือสิบปี หลังจากที่ได้ตายกันไปพอควรแล้วจากนั้นมันจะเข้ายุคพระศรีอาริย์ที่หุ่นยนต์เป็นเจ้านายอย่างเบ็ดเสร็จ ถึงตอนนั้นคนจะมีกินมีใช้โดยไม่ต้องทำอะไร และมีโอกาสมีเวลาได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริงเสียที

    7. ถามว่าหมอสันต์เป็นห่วงอะไรและมีคำแนะนำอะไรไหม ตอบว่าปูนนี้แล้วหมอสันต์ไม่เป็นห่วงอะไรทั้งสิ้น แต่มีคำแนะนำว่าถ้าคุณยังหางานในโลกแบบเก่าได้ก็หาไปทำงานไป แต่ถ้ามันหางานไม่ได้จริงๆก็ไม่ต้องทำงาน เอาเวลาหันมาเสาะหาความสุขแบบเดินทางลัดเข้าเป้าตรงเป้งเลย ซึ่งเรื่องการหาความสุขนี้มนุษย์จะมีวิธีแตกต่างกันใหญ่ๆอยู่สองวิธี คือ พวกหนึ่ง จะไปเสาะหาความสุขที่ข้างนอก ไม่ว่าจะหาเงิน หาวัตถุ หาสถานที่หรือที่ดินมาออกโฉนดครอบครอง รวมถึงการย้ายไปครอบครองปรปักษ์ดาวอังคารด้วย อีกพวกหนึ่ง จะเข้าไปเสาะหาความสุขที่ข้างใน ซึ่งพวกหลังนี้มีวิธีไปแบบแบ่งได้เป็นสามกลุ่มย่อย คือ 

    กลุ่มที่ 1. จะเข้าสู่ข้างในโดยอาศัยสารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทกลาง เช่นยานอนหลับ ยาต้านซึมเศร้า ยาแก้ปวดอย่างแรงที่ทำให้เสพย์ติด ซึ่งส่วนใหญ่แพทย์ขายให้เพราะเขาห้ามเภสัชกรขาย บ้างก็อาศัยยาเสพย์ติดโต้งๆทั้งแบบที่ผิดกฎหมายเช่นฝิ่น โคเคน เฮโรอีน เห็ดเมา มะเขือบ้า ลำโพง กะท่อม ยาอี ยาไอซ์ เป็นต้น และทั้งที่ถูกกฎหมายเช่น แอลกอฮอล์ บุหรี่ กาแฟ และยาต่างๆที่แพทย์ตอนนี้เองก็เริ่มมียอดขายเพิ่มขึ้นแบบพรวดพราดแล้วทุกปี

    กลุ่มที่ 2 จะเข้าสู่ข้างในโดยอาศัยเกมส์โลกเสมือน (virtual reality) เกมส์ยุคนั้นจะเป็นแบบว่าสวมแว่นตาติดสายไฟต่างๆแล้วเปิดสวิสต์ปุ๊บ ว้าว..ว อะไรมันจะสวยงามได้บรรยากาศ สุขโข สโมสร ขนาดนี้ แล้วข้าจะโง่ไปดาวอังคารกับพวกนั้นทำไมวะ หิ..หิ 

    กลุ่มที่ 3. จะเข้าสู่ข้างในโดยการนั่งหลับตาดื้อๆ โดยที่เงินซื้อเกมส์หรือซื้อยาก็ไม่ต้องเสีย

    ทั้ง 3 กลุ่มนี้ กลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด น่าจะสัก 70% ของทั้งหมด แต่ผมก็ไม่ได้ห่วงอะไรนะ เพราะถ้าไม่ตายหรือไม่เป็นบ้าไปเสียก่อน คนทั้งสามกลุ่มนี้จะพัฒนาตัวเองย้ายกลุ่มกันเรื่อยไปจนได้พบในตอนท้ายที่สุดว่า เฮ้ย..ย นั่งหลับตาอย่างเดียวก็สุขได้นะโว้ย 

    8. ถามว่าหมอสันต์มีคำแนะนำอะไรเป็นพิเศษแก่คนตกงานบ้าง ตอบว่าคำแนะนำของผมเป็นคำแนะนำของคนแก่อายุเจ็ดสิบกว่า ซึ่งตามมาตรฐานของคนรุ่นคุณก็ถือว่า..เอ้าท์แล้ว ให้คุณฟังหูไว้หู ส่วนจะเอาไปทำหรือไม่เอาไปทำนั่นแล้วแต่คุณ คือหมอสันต์แนะนำว่า

    8.1 ให้คุณใช้ชีวิตแบบง่ายเข้าไว้ (live simply) กินน้อย ใช้น้อย พึ่งตัวเองให้มากที่สุด หาทางไปตั้งหลักที่บ้านนอก เริมด้วยการขายแรงงานก่อนขายแบบใครจ้างให้ทำอะไรที่ไม่ผิดกฎหมายก็ทำหมด เพื่อจะได้เงินมาสักหลักร้อยหลักพันเอามาเช่าที่ดินสักเท่าแมวดิ้น คือสักห้าสิบตารางวา หรือร้อยตารางวา ราคาเช่าปัจจุบันที่บ้านนอกก็ไม่กี่ร้อยบาทต่อปี แล้วก็ปลูกผักปลูกหญ้าปลูกมันเทศไป แบบพออยู่พอกิน ไม่หวังจะขายอะไรให้ใคร

    8.2 เอาเวลาที่เหลือส่วนใหญ่มาฝึกฝนตัวเองเพื่อเข้าไปหาความสุขที่ข้างในโดยวิธีง่ายๆไม่เปลืองเงินเช่นการนั่งหลับตาเป็นต้น ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตด้วย ซึ่งชีวิตในส่วนนี้คุณต้องใช้มันอย่างมุ่งมั่น (live deliberately) ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าโลกข้างในที่หมดความคิดแล้วมันจะเป็นอย่างไร ฝึกทำมันอย่างตั้งใจแบบมีสติทุกเวลานาที ไม่งั้นคุณจะเข้าไม่ถึงข้างในสักทีจนคุณตายเสียก่อน

    8.3 ทุกโมเมนต์ของชีวิตให้มองหามุมเฉียบๆ คมๆ เนียนๆ ที่โผล่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นจากเสียง จากภาพ จากแสงและเงา จากกลิ่น จากรส มองให้เห็นว่ามันมีความสุขแทรกอยู่ในมุมเหล่านั้นตลอด นี่เรียกว่าเป็นการใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะ (live artfully)

    สรุปว่า ในฐานะคนตกงาน ให้คุณใช้ชีวิตแบบคำนึงถึงสามคีย์เวอร์ด คือ simply, deliberately, artfully 

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์  

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

ทะเลาะกันเรื่องฝุ่น PM 2.5 บ้าจี้ เพ้อเจ้อ หรือว่าไม่รับผิดชอบ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

แจ้งข่าวด่วน หมอสันต์ตัวปลอมกำลังระบาดหนัก

เลิกเสียทีได้ไหม ชีวิตที่ต้องมีอะไรมาจ่อคิวต่อรอให้ทำอยู่ตลอดเวลา

ไปเที่ยวเมืองจีนขึ้นที่สูงแล้วกลับมาป่วยยาว (โรค HAPE)

หมอสันต์สวัสดีปีใหม่ 2568 / 2025

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

"ลู่ความสุข" กับ "ลู่เงิน"