คุณหมอสันต์คะ
ดิฉันใกล้จะคลอดค่ะ ตื่นเต้นมาก ลูกคนแรก และได้มาด้วยความยากลำบากพอควร ตั้งใจตอนคลอดจะเก็บ stem cell ไว้ให้เขาด้วย แต่ยังตัดสินใจเลือดบริษัทไม่ได้ มีอยู่สามบริษัทคือ บ. ไทยสะเต็มไลฟ์ บ. ไทยเฮลท์เบบี้ และบ. ไครโอวีว่า ทั้งสามเจ้าราคาสูสีกัน อยากถามคุณหมอว่าเก็บสะเต็มเซลดีไหม มันเก็บได้นานหลายสิบปีโดยยังมีชีวิตอยู่จริงใช่ไหม เทคโนโลยีในการเก็บรักษาที่บริษัทเขารับไปทำให้นั้นมันยุ่งยากซับซ้อนเกินเข้าใจหรือเปล่า ถ้าไม่ยุ่งยากคุณหมอช่วยอธิบายให้ฟังได้ไหมคะ การดูดเลือดเก็บไม่มีผลต่อเด็กขณะคลอดใช่ไหม การจะเลือกให้บริษัทไหนเก็บให้ มีหลักในการเลือกอย่างไร และถ้าจะให้ดี คุณหมอแนะนำบริษัทใดที่ควรเลือกมาด้วยก็จะเป็นพระคุณเลยนะคะ
ขอบพระคุณมากมากค่ะ
..................................................
ตอบครับ
ก่อนตอบคำถามของคุณ ผมขอพูดถึงภาพรวมของเรื่องเซลต้นกำเนิด (stem cell) ให้คนอื่นที่เขาอ่านจดหมายนี้ได้เข้าใจด้วยนะ คือว่าในการเกิดมาเป็นคนของเรานี้ มันเริ่มมาจากเซลสองเซล คือไข่ (ovum) ของแม่ กับอสุจิ (sperm) ของพ่อ พอผสมกันปุ๊บก็เกิดเป็นชีวิตใหม่ โดยเริ่มเป็นก้อนกลมๆก่อนเรียกว่าบลาสโตซีสต์ (blastocyst) เซลที่ประกอบเป็นบลาสโตซีสต์นี้เรียกว่าเซลต้นกำเนิด ส่วนหนึ่งมันแบ่งตัวต่อไปสร้างรก อีกส่วนหนึ่งจะแบ่งตัวต่อไปสร้างเป็นตัวอ่อน (embryo) แบ่งตัวกันไปเป็นทอดๆหรือเป็นชั่วอายุเซล คำว่าเซลต้นกำเนิดนี้หมายความรวมถึงเซลหลายชั่วอายุ ตราบใดที่ยังไม่มีหน้าตาเป็นเซลอวัยวะสำเร็จรูปที่ใช้งานเฉพาะอย่างได้จริงๆอย่างเช่นตับไตไส้พุง ตราบนั้นก็ยังเรียกว่าเป็นเซลต้นกำเนิดทั้งสิ้น คุณสมบัติของเซลต้นกำเนิดนี้มันมีความพิเศษตรงที่มันจะแบ่งตัวต่อไปให้ไปเป็นเซลอวัยวะไหนรูปร่างแบบไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาเหมือนเซลแม่ เรียกว่ามัน differentiate ตัวมันเองได้ จะไปเป็นเซลตับก็ได้ จะไปเป็นเซลปอดก็ได้ เป็นต้น วงการแพทย์ปัจจุบันจึงเอาเซลต้นกำเนิดมาใช้รักษาโรคที่อวัยวะที่พระเจ้าให้มาเกิดผิดสะเป๊กเช่นเป็นเบาหวานประเภท 1 ที่ตับอ่อนพิการตั้งแต่เกิด หรืออวัยวะที่ให้มาถูกสะเป็กดีแล้วแต่ต่อมาเกิดชำรุดจนสุดแก้ไขเช่นหัวใจที่กล้ามเนื้อส่วนหนึ่งตายไปแล้วเป็นต้น ดังนั้นเซลต้นกำเนิดจึงมีศักยภาพที่จะรักษาโรคต่างๆได้มากในอนาคต แต่ว่าการใช้เซลรักษาโรคนี้ ถ้าเป็นเซลของตัวเองก็จะได้เปรียบ เพราะร่างกายรู้จักและไม่ขับทิ้ง ประกอบกับเซลต้นกำเนิดมักจะพบอยู่มากในรกและสายสะดือเด็กขณะคลอด ดังนั้นจึงเกิดความนิยมเก็บเซลต้นกำเนิดของเด็กเกิดใหม่เอาไว้ให้เด็กคนนั้นใช้ในอนาคต
เอาละคราวนี้มาตอบคำถามของคุณ
1. ถามว่าเก็บสะเต็มเซลดีไหม ตอบว่าถ้ามีเงินเหลือใช้ก็ดีครับ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ แต่ถ้าไม่มีเงินเหลือใช้ การไม่ได้เก็บสะเต็มเซลก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะค่าเก็บ 80,000 บาทเนี่ย มันก็แยะเหมือนกันสำหรับคนทั่วไปที่จะเอามาเก็บอะไรสักอย่างไว้เผื่อกรณีที่อาจได้ใช้ในอนาคต โดยยังไม่ทราบว่าเปอร์เซ็นต์ได้ใช้จะมีกี่เปอร์เซ็นต์
2. ถามว่ามันเก็บได้นานหลายปีโดยยังมีชีวิตอยู่จริงใช่ไหม ตอบว่าจริงครับ เพราะเขาเก็บในไนโตรเจนเหลวซึ่งมีอุณหภูมิต่ำมาก สามารถรักษาชีวิตให้นิ่งอยู่ได้ หลักฐานก็คืออสุจิวัวพันธ์ดีที่ทางการเกษตรเขาเก็บกันมาตั้งนานเกิน 50 ปีแล้ว เขาก็ยังเอาออกมาอุ่นผสมเทียมใช้ได้กันอยู่จนถึงทุกวันนี้
3. ถามว่าเทคโนโลยีในการเก็บรักษาที่บริษัทเขารับไปทำให้นั้นมันยุ่งยากซับซ้อนเกินเข้าใจหรือเปล่า ตอบว่าไม่ยุ่งยากหรอกครับ เขาก็แค่รับเงินค่าจ้างเก็บแปดหมื่นบาทเข้ากระเป๋า แล้วเจาะเอาเลือดจากสายสะดือทารกเข้าไปเก็บไว้ในถุงเหมือนถุงบริจาคเลือดเงี๊ยะ แล้วเอาถุงนั้นไปแช่ในถังซึ่งมีไนโตรเจนเหลว แช่ไว้นานยี่สิบปี ก็ถือว่าได้ทำงานตามที่ตกลงรับจ้างคุณเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้คุณเห็นภาพ ทุกวันนี้สัตวแพทย์ตามอำเภอบ้านนอกคอกนาก็เก็บน้ำเชื้อวัวน้ำเชื้อหมูด้วยวิธีนี้และใช้ผสมเทียมกันโครมๆ การเก็บเซลมีชีวิตแช่ไนโตรเจนเหลวนี้ถ้ามันทำในระดับอำเภอได้ ก็แปลว่ามันไม่ได้ยุ่งยาก ถูกไหมครับ
4. ถามว่าการดูดเลือดเก็บไม่มีผลต่อเด็กขณะคลอดใช่ไหม ตอบว่าไม่มีครับ เพราะในกระบวนการคลอดนั้น เขาจะตัดสายสะดือเพื่อเอาเด็กออกมาก่อน หลังจากนั้นก็จะรออีกประมาณ 20 นาทีเพื่อให้รกคลอด ช่วงที่รออยู่นี้แหละ เขาก็จะเจาะเอาเลือดออกจากสายสะดือข้างที่ยังติดอยู่กับรก (ไม่ใช่ข้างที่ติดอยู่กับตัวเด็กนะ) เลือดที่เจาะออกมานี้เป็นเลือดในฟากระบบไหลเวียนของลูก ไม่ใช่เลือดในระบบไหลเวียนของแม่ ดังนั้นการเอาเลือดส่วนนี้ออก จึงไม่มีผลใดๆต่อแม่ด้วย เพราะหากไม่เจาะเลือดส่วนนี้ออกมา พอรกลอกตัวเลือดส่วนนี้ก็จะไหลพรูทิ้งไปพร้อมกับรกอยู่ดี
5. ถามว่าการจะเลือกให้บริษัทไหนเก็บให้ มีหลักในการเลือกอย่างไร ผมให้หลักการเลือกไว้สี่อย่างนะครับคือ
5.1 เขาได้รับการรับรองคุณภาพในเรื่องการจัดเก็บเซลต้นกำเนิดไหม องค์กรรับรองคุณภาพในเรื่องนี้ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกคือสมาคมธนาคารเลือดอเมริกัน (AABB) ถ้าเขามีใบรับรองของ AABB ก็ถือว่าใช้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องระวังถูกหลอกในสองประเด็นนะ คือหนึ่ง โกดังเก็บที่ได้รับการรับรองต้องอยู่ในเมืองไทยนะ ไม่ใช่โกดังเก็บที่ได้รับการรับรองเป็นของบริษัทแม่อยู่ที่เมืองนอก แต่โกดังเก็บในเมืองไทยที่ใช้เก็บเลือดของลูกเราจริงๆนั้นไม่ได้รับการรับรอง แบบนี้ก็เป็นการอำกันนั่นเอง ต้องตามให้ทัน สอง ต้องดูว่าใบรับรองหมดอายุไปแล้วไหม ถ้าหมดไปแล้วก็อาจแปลได้ว่าแต่ก่อนเคยดี แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้
5.2 โกดังเก็บ stem cell ที่ดี ควรมีระบบเติมไนโตรเจนเหลวอัตโนมัติ คือต้องได้เห็นของจริง หรืออย่างน้อยดูรูปถ่ายก็ยังดี อันนี้ผมดูเอาจากปัญหาการผสมเทียมของเกษตรกร เมื่อเจาะลึกไปดูพวกที่ผสมเทียมแล้วไม่ติดพบว่าเป็นเพราะเผลอปล่อยให้ไนโตรเจนเหลวในถังเก็บน้ำเชื้อแห้ง น้ำเชื้อก็เลยตายแหง๋แก๋ ดังนั้นผมแนะนำให้เลือกซื้อบริการของเจ้าที่มีระบบเติมไนโตรเจนอัตโนมัติ เพราะการจะเก็บตั้งยี่สิบปีโดยคอยเติมไนโตรเจนด้วยมือเนี่ยผมว่ามันเสี่ยงที่จะเผลอลืมเหมือนกันนะ
5.3 ระบบบรรจุถุงเลือด (ที่มีเซลต้นกำเนิดอยู่ด้วย) ก่อนที่จะนำลงแช่แข็ง ควรเป็นระบบแพ็คหลายชั้นและชั้นนอกสุดควรเป็นกล่องแข็ง เพราะถุงเก็บเลือดเซลต้นกำเนิดนี้เป็นถุงพลาสติกแบบถุงเก็บเลือดธรรมดานี่เอง เวลานำลงแช่แข็งแล้วมันจะแข็งตัวจนกลายเป็นแผ่นกระจกบางเจี๊ยบ พอกระแทกอะไรหน่อยก็จะเปราะแตก ระบบเก็บที่ดีจึงต้องเก็บถุงนี้ไว้ในกล่องพลาสติกทนความเย็นอีกทีหนึ่งก่อนแล้วจึงค่อยนำลงแช่ ถ้าเป็นระบบเก็บแบบมวยวัดคือเอาถุงเลือดยัดๆกันลงไปในกระบอกแล้วหย่อนกระบอกลงแช่ดื้อๆเลย แบบนั้นไม่ดี เพราะเวลาเอาออกมาใช้ถุงจะขวิดกันเองแตกเสียหายและปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย
5.4 ดูว่าบริษัทที่มาเสนอตัวเป็นใครด้วย บริษัทเขามีกำพืดอย่างไร มีนักวิชาชีพทางด้านนี้ดูแลไหม มีความเชื่อมโยงกับโกดังเก็บต่างชาติหรือนานาชาติดีไหม เพราะในอนาคต การใช้เซลต้นกำเนิดอาจจะต้องมีการแลกเปลี่ยนกัน ถ้าผู้เก็บมีเครือข่ายในระดับนานาชาติการแลกเปลี่ยนก็จะทำได้ง่าย
6. ถามว่าคุณหมอแนะนำบริษัทใดที่ควรเลือกให้ด้วยได้ไหมคะ ตอบว่าไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวคนเขาจะนึกว่าผมได้เปอร์เซ็นต์
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
[อ่านต่อ...]
ดิฉันใกล้จะคลอดค่ะ ตื่นเต้นมาก ลูกคนแรก และได้มาด้วยความยากลำบากพอควร ตั้งใจตอนคลอดจะเก็บ stem cell ไว้ให้เขาด้วย แต่ยังตัดสินใจเลือดบริษัทไม่ได้ มีอยู่สามบริษัทคือ บ. ไทยสะเต็มไลฟ์ บ. ไทยเฮลท์เบบี้ และบ. ไครโอวีว่า ทั้งสามเจ้าราคาสูสีกัน อยากถามคุณหมอว่าเก็บสะเต็มเซลดีไหม มันเก็บได้นานหลายสิบปีโดยยังมีชีวิตอยู่จริงใช่ไหม เทคโนโลยีในการเก็บรักษาที่บริษัทเขารับไปทำให้นั้นมันยุ่งยากซับซ้อนเกินเข้าใจหรือเปล่า ถ้าไม่ยุ่งยากคุณหมอช่วยอธิบายให้ฟังได้ไหมคะ การดูดเลือดเก็บไม่มีผลต่อเด็กขณะคลอดใช่ไหม การจะเลือกให้บริษัทไหนเก็บให้ มีหลักในการเลือกอย่างไร และถ้าจะให้ดี คุณหมอแนะนำบริษัทใดที่ควรเลือกมาด้วยก็จะเป็นพระคุณเลยนะคะ
ขอบพระคุณมากมากค่ะ
..................................................
ตอบครับ
ก่อนตอบคำถามของคุณ ผมขอพูดถึงภาพรวมของเรื่องเซลต้นกำเนิด (stem cell) ให้คนอื่นที่เขาอ่านจดหมายนี้ได้เข้าใจด้วยนะ คือว่าในการเกิดมาเป็นคนของเรานี้ มันเริ่มมาจากเซลสองเซล คือไข่ (ovum) ของแม่ กับอสุจิ (sperm) ของพ่อ พอผสมกันปุ๊บก็เกิดเป็นชีวิตใหม่ โดยเริ่มเป็นก้อนกลมๆก่อนเรียกว่าบลาสโตซีสต์ (blastocyst) เซลที่ประกอบเป็นบลาสโตซีสต์นี้เรียกว่าเซลต้นกำเนิด ส่วนหนึ่งมันแบ่งตัวต่อไปสร้างรก อีกส่วนหนึ่งจะแบ่งตัวต่อไปสร้างเป็นตัวอ่อน (embryo) แบ่งตัวกันไปเป็นทอดๆหรือเป็นชั่วอายุเซล คำว่าเซลต้นกำเนิดนี้หมายความรวมถึงเซลหลายชั่วอายุ ตราบใดที่ยังไม่มีหน้าตาเป็นเซลอวัยวะสำเร็จรูปที่ใช้งานเฉพาะอย่างได้จริงๆอย่างเช่นตับไตไส้พุง ตราบนั้นก็ยังเรียกว่าเป็นเซลต้นกำเนิดทั้งสิ้น คุณสมบัติของเซลต้นกำเนิดนี้มันมีความพิเศษตรงที่มันจะแบ่งตัวต่อไปให้ไปเป็นเซลอวัยวะไหนรูปร่างแบบไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาเหมือนเซลแม่ เรียกว่ามัน differentiate ตัวมันเองได้ จะไปเป็นเซลตับก็ได้ จะไปเป็นเซลปอดก็ได้ เป็นต้น วงการแพทย์ปัจจุบันจึงเอาเซลต้นกำเนิดมาใช้รักษาโรคที่อวัยวะที่พระเจ้าให้มาเกิดผิดสะเป๊กเช่นเป็นเบาหวานประเภท 1 ที่ตับอ่อนพิการตั้งแต่เกิด หรืออวัยวะที่ให้มาถูกสะเป็กดีแล้วแต่ต่อมาเกิดชำรุดจนสุดแก้ไขเช่นหัวใจที่กล้ามเนื้อส่วนหนึ่งตายไปแล้วเป็นต้น ดังนั้นเซลต้นกำเนิดจึงมีศักยภาพที่จะรักษาโรคต่างๆได้มากในอนาคต แต่ว่าการใช้เซลรักษาโรคนี้ ถ้าเป็นเซลของตัวเองก็จะได้เปรียบ เพราะร่างกายรู้จักและไม่ขับทิ้ง ประกอบกับเซลต้นกำเนิดมักจะพบอยู่มากในรกและสายสะดือเด็กขณะคลอด ดังนั้นจึงเกิดความนิยมเก็บเซลต้นกำเนิดของเด็กเกิดใหม่เอาไว้ให้เด็กคนนั้นใช้ในอนาคต
เอาละคราวนี้มาตอบคำถามของคุณ
1. ถามว่าเก็บสะเต็มเซลดีไหม ตอบว่าถ้ามีเงินเหลือใช้ก็ดีครับ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ แต่ถ้าไม่มีเงินเหลือใช้ การไม่ได้เก็บสะเต็มเซลก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะค่าเก็บ 80,000 บาทเนี่ย มันก็แยะเหมือนกันสำหรับคนทั่วไปที่จะเอามาเก็บอะไรสักอย่างไว้เผื่อกรณีที่อาจได้ใช้ในอนาคต โดยยังไม่ทราบว่าเปอร์เซ็นต์ได้ใช้จะมีกี่เปอร์เซ็นต์
2. ถามว่ามันเก็บได้นานหลายปีโดยยังมีชีวิตอยู่จริงใช่ไหม ตอบว่าจริงครับ เพราะเขาเก็บในไนโตรเจนเหลวซึ่งมีอุณหภูมิต่ำมาก สามารถรักษาชีวิตให้นิ่งอยู่ได้ หลักฐานก็คืออสุจิวัวพันธ์ดีที่ทางการเกษตรเขาเก็บกันมาตั้งนานเกิน 50 ปีแล้ว เขาก็ยังเอาออกมาอุ่นผสมเทียมใช้ได้กันอยู่จนถึงทุกวันนี้
3. ถามว่าเทคโนโลยีในการเก็บรักษาที่บริษัทเขารับไปทำให้นั้นมันยุ่งยากซับซ้อนเกินเข้าใจหรือเปล่า ตอบว่าไม่ยุ่งยากหรอกครับ เขาก็แค่รับเงินค่าจ้างเก็บแปดหมื่นบาทเข้ากระเป๋า แล้วเจาะเอาเลือดจากสายสะดือทารกเข้าไปเก็บไว้ในถุงเหมือนถุงบริจาคเลือดเงี๊ยะ แล้วเอาถุงนั้นไปแช่ในถังซึ่งมีไนโตรเจนเหลว แช่ไว้นานยี่สิบปี ก็ถือว่าได้ทำงานตามที่ตกลงรับจ้างคุณเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้คุณเห็นภาพ ทุกวันนี้สัตวแพทย์ตามอำเภอบ้านนอกคอกนาก็เก็บน้ำเชื้อวัวน้ำเชื้อหมูด้วยวิธีนี้และใช้ผสมเทียมกันโครมๆ การเก็บเซลมีชีวิตแช่ไนโตรเจนเหลวนี้ถ้ามันทำในระดับอำเภอได้ ก็แปลว่ามันไม่ได้ยุ่งยาก ถูกไหมครับ
4. ถามว่าการดูดเลือดเก็บไม่มีผลต่อเด็กขณะคลอดใช่ไหม ตอบว่าไม่มีครับ เพราะในกระบวนการคลอดนั้น เขาจะตัดสายสะดือเพื่อเอาเด็กออกมาก่อน หลังจากนั้นก็จะรออีกประมาณ 20 นาทีเพื่อให้รกคลอด ช่วงที่รออยู่นี้แหละ เขาก็จะเจาะเอาเลือดออกจากสายสะดือข้างที่ยังติดอยู่กับรก (ไม่ใช่ข้างที่ติดอยู่กับตัวเด็กนะ) เลือดที่เจาะออกมานี้เป็นเลือดในฟากระบบไหลเวียนของลูก ไม่ใช่เลือดในระบบไหลเวียนของแม่ ดังนั้นการเอาเลือดส่วนนี้ออก จึงไม่มีผลใดๆต่อแม่ด้วย เพราะหากไม่เจาะเลือดส่วนนี้ออกมา พอรกลอกตัวเลือดส่วนนี้ก็จะไหลพรูทิ้งไปพร้อมกับรกอยู่ดี
5. ถามว่าการจะเลือกให้บริษัทไหนเก็บให้ มีหลักในการเลือกอย่างไร ผมให้หลักการเลือกไว้สี่อย่างนะครับคือ
5.1 เขาได้รับการรับรองคุณภาพในเรื่องการจัดเก็บเซลต้นกำเนิดไหม องค์กรรับรองคุณภาพในเรื่องนี้ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกคือสมาคมธนาคารเลือดอเมริกัน (AABB) ถ้าเขามีใบรับรองของ AABB ก็ถือว่าใช้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องระวังถูกหลอกในสองประเด็นนะ คือหนึ่ง โกดังเก็บที่ได้รับการรับรองต้องอยู่ในเมืองไทยนะ ไม่ใช่โกดังเก็บที่ได้รับการรับรองเป็นของบริษัทแม่อยู่ที่เมืองนอก แต่โกดังเก็บในเมืองไทยที่ใช้เก็บเลือดของลูกเราจริงๆนั้นไม่ได้รับการรับรอง แบบนี้ก็เป็นการอำกันนั่นเอง ต้องตามให้ทัน สอง ต้องดูว่าใบรับรองหมดอายุไปแล้วไหม ถ้าหมดไปแล้วก็อาจแปลได้ว่าแต่ก่อนเคยดี แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้
5.2 โกดังเก็บ stem cell ที่ดี ควรมีระบบเติมไนโตรเจนเหลวอัตโนมัติ คือต้องได้เห็นของจริง หรืออย่างน้อยดูรูปถ่ายก็ยังดี อันนี้ผมดูเอาจากปัญหาการผสมเทียมของเกษตรกร เมื่อเจาะลึกไปดูพวกที่ผสมเทียมแล้วไม่ติดพบว่าเป็นเพราะเผลอปล่อยให้ไนโตรเจนเหลวในถังเก็บน้ำเชื้อแห้ง น้ำเชื้อก็เลยตายแหง๋แก๋ ดังนั้นผมแนะนำให้เลือกซื้อบริการของเจ้าที่มีระบบเติมไนโตรเจนอัตโนมัติ เพราะการจะเก็บตั้งยี่สิบปีโดยคอยเติมไนโตรเจนด้วยมือเนี่ยผมว่ามันเสี่ยงที่จะเผลอลืมเหมือนกันนะ
5.3 ระบบบรรจุถุงเลือด (ที่มีเซลต้นกำเนิดอยู่ด้วย) ก่อนที่จะนำลงแช่แข็ง ควรเป็นระบบแพ็คหลายชั้นและชั้นนอกสุดควรเป็นกล่องแข็ง เพราะถุงเก็บเลือดเซลต้นกำเนิดนี้เป็นถุงพลาสติกแบบถุงเก็บเลือดธรรมดานี่เอง เวลานำลงแช่แข็งแล้วมันจะแข็งตัวจนกลายเป็นแผ่นกระจกบางเจี๊ยบ พอกระแทกอะไรหน่อยก็จะเปราะแตก ระบบเก็บที่ดีจึงต้องเก็บถุงนี้ไว้ในกล่องพลาสติกทนความเย็นอีกทีหนึ่งก่อนแล้วจึงค่อยนำลงแช่ ถ้าเป็นระบบเก็บแบบมวยวัดคือเอาถุงเลือดยัดๆกันลงไปในกระบอกแล้วหย่อนกระบอกลงแช่ดื้อๆเลย แบบนั้นไม่ดี เพราะเวลาเอาออกมาใช้ถุงจะขวิดกันเองแตกเสียหายและปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย
5.4 ดูว่าบริษัทที่มาเสนอตัวเป็นใครด้วย บริษัทเขามีกำพืดอย่างไร มีนักวิชาชีพทางด้านนี้ดูแลไหม มีความเชื่อมโยงกับโกดังเก็บต่างชาติหรือนานาชาติดีไหม เพราะในอนาคต การใช้เซลต้นกำเนิดอาจจะต้องมีการแลกเปลี่ยนกัน ถ้าผู้เก็บมีเครือข่ายในระดับนานาชาติการแลกเปลี่ยนก็จะทำได้ง่าย
6. ถามว่าคุณหมอแนะนำบริษัทใดที่ควรเลือกให้ด้วยได้ไหมคะ ตอบว่าไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวคนเขาจะนึกว่าผมได้เปอร์เซ็นต์
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์