บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤษภาคม, 2012

PSA ..หงุดหงิดที่หมอพูดไม่เหมือนกัน

เรียนคุณหมอสันต์ เมื่อปีที่แล้วผมตรวจสุขภาพประจำปีได้ผล PSA = 4.1 และหมอแนะนำให้ไปตรวจซ้ำหลังจากนั้น 3 เดือนได้ 4.3 คราวนี้หมอแนะนำให้ผมตัดชิ้นเนื้อออกมาตรวจ แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ ได้แต่กังวล หมอบอกว่าในระหว่างที่รอนี้ให้ผมตรวจ PSA ถี่ขึ้น คือแทนที่จะตรวจปีละครั้งคราวนี้ให้ตรวจทุก 3 เดือน แต่เพื่อนคนหนึ่งได้ forward ที่คุณหมอตอบคำถามในบล็อกเรื่อง PSA มาให้อ่านสรุปความได้ว่าคุณหมอแนะนำว่าไม่ควรตรวจ PSA ในการตรวจสุขภาพประจำปี เพราะมีข้อเสียมากกว่าข้อดี ผมมีความข้องใจว่าทำไมหมอไม่ใช้ตำราเดียวกัน และมีคำแนะนำในเรื่องสำคัญที่เหมือนกัน คนไข้ไหนต้องทุกข์ใจเพราะป่วยแล้วยังต้องมาทุกข์ใจเพราะหมอพูดคนละอย่างไม่รู้จะเชื่อใครดีอีก .......................................................... ตอบครับ คุณไม่เคยได้ยินเหรอ ที่โบราณว่า “....มากหมอ ก็มากความ..” นั่นละครับ สัจจธรรม เอาหัวใจของเรื่องก่อน เรื่องมากหมอมากความนั่นช่างหมอเขาเถอะ เพราะหมอมีหน้าที่เพียงแต่ให้ข้อมูล อย่างดีก็แถมคำแนะนำเข้าท่าบ้างไม่เข้าท่าบ้างมาให้ด้วยเท่านั้น แต่ในฐานะคนไข้ คุณมีหน้าที่กลั่นกรองใช...

ท้องผูกและไม่อยากทานแคลเซียม แต่...

  เรียนอาจารย์หมอสันต์ ดิฉันอายุ 62 ปี เป็นกระดูกบาง ( osteoporosis ) หมอจะให้ฉีดยารักษากระดูกบางดิฉันไม่ฉีดเพราะกลัวพิษของยา หมอให้ทานแคลเซียมเม็ด 600 มก.วันละ 2 เม็ด ดิฉันทานแล้วท้องผูกมาก มั่ก มั่ก ทรมาทรกรรม ขอหมอว่าให้หยุดแคลเซียมแต่หมอไม่ยอมหยุด เพียงแต่ให้ยาระบายมาเพิ่ม ซึ่งก็ได้ผลเฉพาะช่วงทานยาระบาย เมื่อเล่าให้เพื่อนซึ่งเป็นหมออยู่ที่อเมริกาฟังเธอบอกว่าให้หยุดทานแคลเซียมเพราะจะทำให้เป็นโรคหัวใจมากขึ้นไม่คุ้มกัน ดิฉันตกใจหมดเลย แม้เขาจะเป็นเพื่อนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ลองเสิร์ชเนทดูก็ไม่พบอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จึงอยากถามคุณหมอว่าจริงหรือไม่ที่ยาเม็ดแคลเซียมทำให้เป็นโรคหัวใจมากขึ้น ดิฉันมีไขมันในเลือดสูงและความดันสูงอยู่แล้ว ต้องหยุดทานแคลเซียมหรือเปล่า ........................................... ตอบครับ เนื่องจากเวลาจำกัดเพราะเพิ่งกลับจากไร่มายังไม่หายเหนื่อยขับรถ ขอตอบในประเด็นเดียวนะคือประเด็นจริงหรือไม่ที่ว่ายาเม็ดแคลเซียมเสริมทำให้เป็นโรคหัวใจมากขึ้น ตอบว่าข้อมูลปัจจุบันนี้พอสรุปได้ว่าน่าจะจริงครับ กล่าวคือ ไม่กี่สัปดาห์มานี้ งานวิจัยขนาดใหญ่ชื่อ (EPI...

Nut ที่ไม่ได้แปลว่าบ้า

(บทความเขียนให้นิตยสาร Guitar Affection)                 เอ่ยคำว่านัท ( Nut) คนก็คิดถึงคำว่า “บ้า” เพราะนัทเป็นสะแลงหมายถึงบ้า บ้าแบบนัทเนี่ยมักไม่ได้หมายถึงบ้าแบบหลังคาแดงนะ แค่ประมาณว่าติ๊งต๊อง หรือสติแตก ประมาณนั้น แต่นัทที่ผมจะพูดถึงวันนี้ ผมหมายถึงผลพืชที่มีเปลือกแข็งยังกะหินต้องออกแรงกะเทาะกันจนมือเจ็บจึงจะได้กิน ตัวอย่างเช่นเกาลัด นอกจากเกาลัด ผลของพืชในกลุ่มนี้ที่เราคุ้นเคยก็เช่นถั่วลิสง มะม่วงหิมพานต์ แป๊ะก๊วย อัลมอนด์ มะคาเดเมียนัท เป็นต้น และที่เราคุ้นบ้างไม่คุ้นบ้างก็เช่น วอลนัท ฮาเซลนัท พีแคนนัท บีชนัท กลุ่มหลังนี้ถ้าอยากเห็นของจริงต้องไปดูตามร้านขายวัตถุดิบทำขนมเค้ก เพราะเขานิยมใช้แต่งหน้าเค้กกัน                 คำแนะนำโภชนาการอย่างเป็นทางการฉบับออกใหม่ของสหรัฐ ( USDA nutrition guidelines ) นอกจากจะตีหนักเรื่องความไม่ดีของไขมันทรานส์ ( solid fat ) และน้ำตาลที่อยู่ในเครื่องดื่ม ( added sugar) ว่าเป็นตัวร้ายต่อสุขภาพซึ่งบรรดาสื่อมวลชนช่วยกันโหนกระแสรั...

วัคซีน Gardasil กับกิแลงแบร์ (Guillain-Barre Syndrome - GBS)

ทุกวันนี้มีเมลจำนวนมากที่เขียนทวงเรื่องเก่าแต่หนหลัง เช่น..      “...หากคุณหมอพอมีเวลาว่ างรบกวนตอบอีเมลฉบับก่อนหน้านี้ ที่ส่งไปปรึกษาคุณหมอด้วยนะคะ ตอนนี้ยังแปล๊ปๆจี๊ดๆไม่ หายเลยเครียดมากๆ จึ๊ดๆแปล๊บไปตามแขนขน มือเท้า นิ้ว ขอบคุณมากนะคะ หนูจะรออีเมลของคุณหมอนะคะ .. ”      เมลทำนองนี้มักจะมาสองแนว ถ้าเป็นของหญิงก็จะออกแนวอ้อนๆอย่างข้างบนนี้ ถ้าเป็นของชายก็จะออกแนวเข้มแข็งแกมขู่นิดๆแบบว่าไม่รีบตอบจะเลิกนับญาติกันนะ ทำนองนั้น แต่ไม่ว่าจะมาแนวไหนก็มีผลเหมือนกัน คือหมอสันต์ไม่เก็ท เพราะหมอสันต์ไม่เก่งถึงขนาดจะไปค้นหาเมลเก่าซึ่งมีแยะแยะแป๊ะตราไก่เจอ อีเมลที่ค้างอยู่จึงจะถูกลบอัตโนมัติในเวลาประมาณหกเดือน ดังนั้นสำหรับท่านที่เขียนมาถามอะไรแล้วหากผ่านไปหกเดือนแล้วยังเงียบฉี่สวีวี่วีก็ขอให้ make your heart คือทำใจเสียเถอะ คิดเสียว่าคบกับคนแก่อายุหกสิบก็งี้แหละ จะให้มันคึกคักฟึบฟับอย่างคนหนุ่มย่อมไม่ได้ ฉันใดก็ฉันเพล       พูดถึงเมลของสาวน้อยข้างบนนี้บังเอิญฟลุ้คว่าผมไปค้นหาแล้วเจอ จึงเอามาตอบให้วันนี้ เธอถามว่า     ...

เป็นความด้นสูงตั้งแต่อายุ 29 ปี

สวัสดีครับคุณหมอสันต์ ผมชื่อ ... ปัจจุบันอายุ 43 ปี ตรวจพบว่าเป็นโรคความดันสูงมาตั้งแต่อายุ  29 ปี  ตอนนั้นคุณหมอที่ไปพบได้ตรวจโดยให้ทานน้ำมันละหุ่ง แล้วฉีดสีเข้าเส้นเลือด และตรวจหลายอย่างมาก ประมาณนั้นครับ   แต่ไม่พบว่าเกิดจากจากโรคใด จึงฟันธงว่าน่าจะเป็นจากพันธุกรรม (คำตอบสุดท้าย) และทานยามาตลอด แต่ก็คุมได้ไม่ดีนัก เท่าที่ผมสังเกตความดันมักจะสูงเวลาเครียดจัดๆ ปัจจุบันผมทาน Enaril 10 mg. ( เริ่มจาก 5 mg.) หลังอาหารเช้า ความดันอยู่ที่ 140-150/85-100 โดยประมาณครับ แต่จะลงมาที่ 120-130/75-85 เวลาที่ทานบวบผัดไข่ ไม่ทราบว่าอุปาทานหรือเปล่านะครับ ซึ่งให้ทานทุกวันก็คงไม่ไหวครับ เมื่อต้นสัปดาห์เผอิญผมได้อ่านพบจากหนังสือว่าความดันโลหิตสูงอาจเกิดจากเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต และผมได้หาข้อมูลเพิ่มจาก google ก็มาพบ webpage ที่คุณหมอได้ให้ความรู้ไว้ ผมใคร่ขอเรียนถามดังนี้ครับ 1. เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นเพราะเกิดจากต่อมหมวกไตจริงๆ เพราะช่วงแรกที่เป็นที่เริ่มมีอาการ ผมจะรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ความดันตอนเริ่มเป็นถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่ 170/100 และจากนั้นเป็นต้นมา ผมก็จะสังเกตรู้ได้ง่า...