ติดแผ่นแปะตามดูน้ำตาล (CGM) ได้ แต่ต้องรู้วิธีป้องกันโรคประสาท
![]() |
ไปสอนที่โคลัมโบ เผอิญเจอผู้รับบริจาคที่หน้าประตูวัด |
เรียนคุณหมอสันต์
อยากถามว่าจะซื้อแผ่นแปะวัดน้ำตาลที่ต้นแขนมาใช้ดีไหม มันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร มันใช้ช่วยเลิกการใช้ยาเบาหวานได้ไหม
........................................................
ตอบครับ
1. ถามว่าจะซื้อแผ่นแปะติดตามดูน้ำตาลต่อเนื่อง (continuous glucose monitoring - CGM) ดีไหม ตอบว่าดีครับ ถ้าใช้มันให้ถูกวิธี
2. ถามว่าซีจีเอ็มนี้มันมีข้อเสียอย่างไรบ้าง ตอบว่าผลเสียมักจะเกิดเมื่อคุณในฐานะผู้ใช้ไม่รู้จักสรีรวิทยาของร่างกายให้ดีก่อน สรุปข้อเสีย คือ
(2.1) คุณจะกลายเป็นโรคประสาท เพราะจะกินอะไรก็ต้องมาคอยลุ้นว่าจะทำให้น้ำตาลคุณขึ้น (peak) ไหม พีคเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณไม่เข้าใจว่าการที่น้ำตาลในเลือดขึ้นสูงหรือพีคหลังกินอาหารนั้นมันเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าอาหารบางชนิดจะทำให้มันขึ้นสูงหลุดโลกไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญคอขาดบาดตายนัก
ถ้าคุณเข้าใจว่าพีคเป็นแค่ตัวบอกเล่าถึงผลที่เกิดแก่อินสุลินหลังกินอาหารแต่ละชนิดและวิธีที่คุณกินมัน(กินช้ากินเร็ว กินกับอะไร) และเวลาที่คุณกินมัน ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่คุณปรับเปลี่ยนได้โดยที่มันไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญมากนัก ความสำคัญมันไปอยู่ที่ในภาพรวมทั้งวันอินสุลินของคุณสามารถเอาน้ำตาลกลับลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติได้กี่เปอร์เซ็นต์ของเวลาทั้งหมดต่างหาก ถ้าเข้าใจอย่างนี้ คุณก็จะไม่ปสด.เมื่อน้ำตาลคุณพีค
(2.2) คุณจะสูญเสียความสัมพันธ์ที่ดีที่คุณเคยมีกับอาหารของคุณไป หมายความว่าถ้าคุณใช้ซีจีเอ็มไม่เป็น อาหารก็อาจจะไม่ใช่มิตรหรือที่มาของความสุขของคุณเสียแล้ว
(2.3) ถ้าคุณเป็นคนผอมอยากอ้วน การติดซีจีเอ็มแบบทะเร่อทะร่า ฟังไม่ได้ศัพท์รีบจับไปกระเดียด ซึจีเอ็มอาจจะทำให้คุณผอมหนักจนกลายเป็นปลาเค็มไปเลยก็ได้.. หิ หิ
3. ถามว่าการติดซีจีเอ็มไม่มีข้อดีอะไรบ้างเลยหรือ ตอบว่ามีสิครับ ไม่งั้นจะมีคนซื้อเค้าเรอะ มันมีข้อดีตรงที่ ถ้าคุณเป็นคนชอบเรียนรู้และทดลอง ละเอียดถี่ถ้วน และรู้จักคิดวินิจฉัยอย่างแยบยล ซึจึเอ็มจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้สิ่งที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับร่างกายของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดปกติของการเผาผลาญระดับเซลล์ (metabolic dysfunction) หรือที่เรียกว่ากันว่าการดื้อต่ออินสุลิน (insulin resistance) เช่น
(3.1) ทำให้คุณวินิจฉัยภาวะดื้อต่ออินสุลินของคุณได้แม่นยำกว่าการตรวจน้ำตาลหลังอดอาหาร (FBS) ที่รพ.ตามปกติ โดยวิธีประเมิน % ของช่วงเวลาที่อินสุลินในร่างกายของคุณสามารถคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในพิสัยปกติได้ ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นตลอดเวลาที่หน้าจอมือถือในรูปของค่า time in range (TIR) ซึ่งหมายความว่าคนเราหากเว้นช่วงมื้ออาหารไปเสียสัก 30% ของวัน อีก 70% ของวันอินสุลินควรจะคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้แบบสบายๆ ถ้าหากค่า TIR ของคุณต่ำกว่า 70% เมื่อใดก็แสดงว่าร่างกายของคุณเกิดภาวะดื้อต่ออินสุลินขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นการบ้านที่คุณต้องมองหาสาเหตุและไล่แก้ไขไปทีละอันจนหมด
(3.2) ทำให้คุณรู้ว่าร่างกายของคุณสนองตอบต่ออาหารแต่ละอย่างอย่างไร ซึ่งอาจไม่เหมือนกับร่างกายของคนอื่นเขา ตัวอย่างเช่นมีงานวิจัยหนึ่งเรียกชื่อง่ายๆว่า "งานวิจัยกล้วยกับคุกกี้" คือเป็นงานที่พิสูจน์ให้เห็นว่าบางคนกินกล้วยแล้วร่างกายไม่รู้สึกรู้สาอะไร หมายความว่าน้ำตาลไม่พีค แต่พอไปกินคุ้กกี้น้ำตาลกลับพีคทันที ขณะที่อีกคนหนึ่งกลับเป็นตรงกันข้าม คือกินกล้วยแล้วน้ำตาลพุ่งจู๊ด แต่กินคุกกี้ไม่เป็นไร คือซีจึเอ็มให้ข้อมูลจำเพาะเกี่ยวกับร่างกายของคุณ ซึ่งอาจไม่เหมือนร่างกายคนอื่น จากตรงนั้นคุณก็ปะติดปะต่อเอาเองได้ว่าร่างกายของคุณสมพงษ์กับอาหารแบบไหนบ้าง หรือจะต้องปรับการกินอาหารแต่ละอย่างอย่างไร
(3.3) ทำให้คุณได้รู้ว่าอาหารหลายอย่างที่กินเข้าไปพร้อมกันมีผลต่อร่างกายแบบร่วมกันออกฤทธิ์ ยกตัวอย่างเช่นหากคุณกินอาหารดัชนีน้ำตาลสูงเช่นของหวานเพียวๆเข้าไปน้ำตาลในเลือดของคุณจะพีค อย่างรวดเร็ว แต่หากคุณผสมอาหารหวานกับอาหารกากสูงเช่นถั่วต่างๆหรือผักใบเขียวนึ่งหรือต้ม หรือคลุกกับอาหารไขมันสูงเช่นอะโวกาโด น้ำตาลในเลือดของคุณจะไม่พีค เพราะอาหารกากสูงหรืออาหารไขมันหรืออาหารโปรตีนจะชลอการดูดซึมน้ำตาลไปได้มาก
(3.4) ทำให้คุณเห็นความสำคัญของการมีเวลาว่างปลอดอาหารบ้างนานๆ เพื่อให้อินสุลินของคุณไม่ต้องทำงานมากเกินความสามารถของมัน คือยิ่งทอดเวลาให้ว่างเว้นการกินจุบกินจิบนาน อินสุลินก็ยิ่งมีโอกาสพาน้ำตาลกลับลงมาปกติได้เร็วขึ้น ยิ่งกรณีคุณเป็นคนอ้วนหรือเป็นเบาหวานหากคุณกล้าทดลองอดอาหารมื้อเย็น (IF) คุณก็ยื่งจะได้เห็นด้วยตาตนเองว่าการอดอาหารมื้อเย็นมันช่วยให้อินสุลินของคุณทำงานสบายมือขึ้นอย่างไรโดยดูจากระดับน้ำตาลในเลือดที่ค่อยๆลดลงต่ำอย่างนุ่มนวลแต่ไม่ต่ำเกินไป เพราะเมื่อใกล้จะต่ำเกินไปฮอร์โมนกลูคากอนก็จะเอาน้ำตาลที่สะสมไว้ในตับปล่อยออกมาสู่กระแสเลือดเป็นการเพิ่มน้ำตาลให้คุณทั้งๆที่คุณไม่ได้กินอะไรเลย ทั้งหมดนี้คุณเรียนรู้จากการดูการเคลื่อนไหวของกราฟบนจอที่เปลี่ยนไปทุกนาที แถมขณะคุณฝึกอดอาหารมื้อเย็นนี้ ซีจีเอ็มยังจะช่วยบอกคุณได้ทันทีว่าที่คุณหิวนี้เป็นหิวจริงหรือหิวหลอก ที่หงุดหงิดอยู่นี่เป็นเพราะน้ำตาลในเลือ่ดต่ำจริงหรือคิดเอาเอง เป็นต้น
(3.5) ทำให้คุณเห็นความสำคัญของการเตรียมอาหารก่อนกิน เช่นข้าวขาว หากคุณหุงสุกแล้วเอาไปแช่แข็งข้ามคืนไว้ก่อนแล้วเอาออกมาอุ่นกิน มันจะกลายเป็นแป้งย่อยยากที่ร่างกายดูดซึมได้ช้าลงทำให้ลดการเกิดพีคได้ถึง 30% เป็นต้น
(3.6) ทำให้คุณได้เรียนรู้ความสำคัญของการออกกำลังกายแบบเห็นกับตาจะจะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกินอาหารอิ่มแล้วพักแค่ 15 นาทีแล้วออกไปเดินทันทีสักครึ่งชั่วโมง คุณก็จะเห็นว่าทันทีที่ออกเดินน้ำตาลที่สูงอยู่จะลดลงมาลดลงทันอกทันใจ เพราะกลไกของกล้ามเนื้อที่กำลังยืดหดตัวจะดูดน้ำตาลเข้าไปใช้โดยไม่เกี่ยวกับคำสั่งของอินสุลิน ทำให้น้ำตาลที่สูงๆอยู่ก็จะลดลงทันทีแม้ว่าคุณจะเป็นเบาหวานหรือมีาภวะดื้อต่ออินสุลินอยู่ก็ตาม
(3.7) ทำให้คุณได้เรียนรู้ว่ามีปัจจัยอื่นอีกมากที่มีผลต่อการเผาผลาญหรือการดื้อต่ออินสุลิน เช่นการอดนอน แค่คุณอดนอนคืนที่ผ่านมามากกว่าคืนปกติ เช้าวันรุ่งขึ้นน้ำตาลในเลือดของคุณก็จะขึ้นทันที และนานมากกว่าที่มันจะค่อยๆลงมาได้
(3.8) ทำให้คุณได้เรียนรู้ว่าความเครียด กังวล กระวนกระวาย เพิ่มการดื้อต่ออินสุลินของคุณได้ทันที คือเมื่อหงุดหงิดน้ำตาลก็จะสูงขึ้น มันเป็นผลงานร่วมของฮอร์โมนหลายตัว แต่ในภาพรวมก็คือความเครียดร่างกายอยู่ในภาวะดื้อต่ออินสุลินมากขึ้น
นอกจากนี้ยังทำให้ได้พบเองว่ามีปัจจัยอื่นอีก เช่นกาแฟก็ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นทันทีเพราะมันไปกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ยาบางตัวเช่นยาลดไขมัน และยาลดความดันบางตัวก็ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้
(3.9) ทำให้คุณเรียนรู้ว่าแสงแดดช่วยการเผาผลาญของคุณได้ งานวิจัยเปรียบเทียบการให้คนกลุ่มหนึ่งได้รับการส่องแสงชนิดใกล้ไต้แดง(Near Infra Red - NIR)ซึ่งเป็นราวครึ่งหนึ่งของรังสีในแสงแดด ส่องเข้าที่แผ่นหลัง กับอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รับการส่องแสง พบว่ากลุ่มที่ได้รับการส่องแสงมีน้ำตาลหลังกินอาหาร (OGTT) ลดต่ำลง 27.7% คุณสามารถทำการทดลองนี้กับตัวเองได้เลย คือหลังกินอาหารเที่ยงขณะที่น้ำตาลขึ้นสูงๆอยู่ก็ออกไปตากแดด ไม่ต้องถอดเสื้อเพราะแสง NIR ส่องผ่านเสื้อผ้าทะลุเข้าไปในร่างกายได้เอง แล้วคุณก็จะได้เรียนรู้คุณค่าของแสงแดดในการช่วยการเผาผลาญแบบเห็นกับตาตัวเอง
(3.10) ทำให้คุณได้เรียนรู้คุณค่าของอาหารหมักที่มีจุลินทรีย์ว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดการดื้อต่ออินสุลิน คุณรู้ได้ง่ายๆเช่นเปรียบเทียบเมื่อกินขนมปังธรรมดากับขนมปังซาวโด หรือผลไม้ธรรมดากับผลไม้สับราดโยเกิร์ตหรือราดน้ำส้มบาลซามิ หรือสลัดธรรมดากับสลัดคลุกผักดอง เป็นต้น
4. ถามว่าซีจีเอ็มจะช่วยให้เลิกใช้ยาเบาหวานในระยะยาวได้ไหม ตอบว่า "ได้" หากคุณรู้จักใช้มัน
กล่าวคือก่อนใช้คุณต้องมีความรู้จากงานวิจัยที่เขาทำกันไว้มากแล้วว่าอาหารที่มีผลต่อการรักษาเบาหวานมีสองแบบ โดยมีรากเหง้าจากหลักการเดียวกัน คือ "กินให้น้อยลง" ในที่นี้ก็คือกินอาหารให้พลังงานให้น้อยลง ซึ่งอาหารให้พลังงานมีสองแบบ คือไขมัน กับคาร์บ ดังนั้นอาหารรักษาเบาหวานจึงมีสองแบบ คือ พวกโลว์คาร์บพวกหนึ่ง (low carb) กับพวกกากสูงไขมันต่ำ (low fat plant-based) อีกพวกหนึ่ง
(4.1) งานวิจัยส่วนหนึ่งพบว่าอาหารที่ลดน้ำตาลในเลือดได้ทันทีและหยุดภาวะดื้อต่ออินสุลินในระยะสั้นได้ทันทีคืออาหารที่มีไขมันสูงหรือโปรตีนสูงโดยไม่มีน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตเลยหรือมีน้อยมาก ซึ่งในทางปฏิบัติก็คือกินเนื้อสัตว์กินไขมันมากๆกินพืชซึ่งเป็นแหล่งของคาร์บน้อยๆ แต่เมื่อกินอาหารแบบนี้ไปนานๆร่างกายจะสูญเสียความสามารถที่จะรับมือกับน้ำตาลไปนะ แค่คุณไปกินอะไรหวานๆนิดเดียวก็จะเป็นเรื่อง ดังนั้นอาหารแบบนี้ช่วยให้คุณลดและเลิกยาเบาหวานได้เร็วทันใจในระยะสั้น แต่คุณจะไปต่อยาวๆไม่ได้ในระยะยาว เพราะคุณจะโหย เพราะมันผิดธรรมชาติที่คุณจะไม่กินพืชที่มีคาร์บไปตลอดชีวิต
(4.2) งานวิจัยอีกส่วนหนึ่งพบว่าอาหารที่รักษาภาวะดื้อต่ออินสุลินได้และกินได้ต่อเนื่องในระยะยาวคืออาหารกากสูงไขมันต่ำ ซึ่งก็คือการกินอาหารพืชเป็นหลัก (low fat plant-based diet) อาหารแบบนี้สัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงเป็นโรคเรื้อรังได้เกือบทุกโรค
ดังนั้นคุณจะต้องรู้จักใช้อาหารทั้งสองแบบ หากคุณใจร้อนคุณกินอาหารแบบแรกเพื่อเลิกยาก่อนให้ได้โดยใช้ซีจีเอ็มเป็นตัวชี้วัดระดับน้ำตาล เมื่อเลิกยาได้สำเร็จแล้วคุณก็ค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นอาหารกากมาก อย่างนี้ก็ได้
หรือคุณจะเริ่มกินอาหารกากมากทันทีโดยช่วงแรกอาจต้องเพลาๆอาหารพืชที่ดัชนีน้ำตาลสูงไว้ก่อน และผสมพืชกากสูงเช่นถั่่วต่างๆและผักใบเขียวต้มหรือนึ่งเช่นกล่ำปลี กล่ำดอก บร็อคโคลีให้มากเข้าไว้ แล้วผสมอาหารไขมันสูงเช่นอะโวกาโดเข้าไปด้วยเพื่อให้คาร์บดูดซึมได้ช้าลง แบบนี้ก็ได้เหมือนกัน ดีเสียอีกที่ไม่ต้องมาเปลี่ยนชนิดอาหารอีกครั้งเมื่อเลิกยาเบาหวานได้แล้ว
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
(ปล. จากนี้ผมจะหยุดตอบคำถามไปพักใหญ่ เพราะต้องเดินทางไปตปท.นานราว 1 เดือน)