ทุกเดือนจะมีอาการประคองตัวไม่ได้ จะเป็นลม ตัวเย็น เหงื่อออก
อยาก ถามคุณหมอหน่อยค่ะ คือ ค่อนข้างมีอาการแบบนี้ โดยไม่สามารถ คาดเดาได้ อยู่ๆ ก็ไม่มีแรง คลื่นไส้ประคองตัวไม่ได้ เหมือนจะเป็นลม แต่มีสติ ตัวเย็น เหงื่อออกมาก เหมือนคนจะเป็นลมอ่ะค่ะ แต่ยังมีสติ ทุกอย่าง แต่ไม่สารถ ยืนประคองตัวหรือเดินได้ เท่าที่สังเกต จะเป็นตอนที่ วันประจำเดือนมาวันแรก จะว่าเสียเลือดเยอะ ก็วันแรก ยังไม่ค่อยมีเลือดนะ งงค่ะ ไม่ทราบตัวเองเป็นอะไร ตรวจสุขภาพมา ก็ปกติดี จะมีก็แต่ เลือดจางนิดหน่อย ไม่ได้รุนแรงอ่ะค่ะ อยากขอ ความเห็นคุณหมอหน่อยค่ะ
ตอบ
อาการของคุณภาษาทั่วไปเรียกว่า fainting ภาษาแพทย์เรียกว่าภาวะใกล้ช็อก (impending shock) มีสาเหตุได้หลายอย่าง เรียงลำดับจากที่มีโอกาสเป็นมากไปหาน้อยดังนี้
1. โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เป็นสาเหตุพบบ่อยที่สุดในคนวัยสาว ที่คุณสงสัยว่าทำไมมีอาการเอาตั้งแต่วันแรกๆ ก็เพราะเลือดจำนวนมากได้ค่อยๆเข้าไปสะสมสร้างความพร้อมการตั้งครรภที่เยื่อบุผนังมดลูกด้านในหลายวันก่อนวันมีประจำเดือนแล้ว เลือดส่วนนี้ถูกดึงออกมาและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของระบบไหลเวียนเลือดแล้วตั้งแต่ต้น การจะพิสูจน์เรื่องนี้ก็เจาะเลือดดูระดับฮีโมโกลบินและระดับโปรตีนชื่อเฟอริทิน ก็วินิจฉัยได้แล้ว การรักษาก็ไม่ยาก คือให้กินยาบำรุงเลือดที่มีส่วนประกอบของธาตุเหล็กสัก 3-6 เดือนก็หาย
2. ภาวะร่างกายขาดน้ำ (dehydration) ซึ่งอาจจะเกิดจากได้น้ำเข้าสู่ร่างกายน้อยเกินไป หรือสูญเสียน้ำไปทางอื่นเช่นดื่มกาแฟมาก กินยาขับปัสสาวะ หรือท้องเสีย อาเจียน เป็นต้น ภาวะนี้เมื่อบวกกับร่างกายเสียเลือดจะยิ่งทำให้มีอาการผิดปกติได้ง่าย ถ้าเป็นรุนแรงก็ถึงหมดสติและเสียชีวิตได้
3. ภาวะระบบการไหลเวียนเลือดไม่แข็งแรง เพราะไม่เคยออกกำลังกายเลย พบได้มากในวัยรุ่นไทยที่ชอบทำตัวผอมๆหยองกอด กีฬาก็ไม่ยอมยอมเล่น วันๆเอาแต่นั่งจุมปุ๊กดูทีวีหรือพูดโทรศัพท์ เวลาลุกขึ้นทีก็หวิวหน้ามืดไปเลย
4. ภาวะหัวใจห้องบนเต้นรัวเป็นครั้งคราว (paroxysmal atrial tachycardia) โรคจะวินิจฉัยได้ต้องให้หมอเจอคุณตอนกำลังมีอาการหวิวๆหน้ามืด ซึ่งโอกาสเช่นนั้นมีน้อยเหลือเกิน อีกวิธีหนึ่งคือให้คุณห้อยเครื่องติดตามจังหวะการเต้นของหัวใจ (holter monitoring) ทุกวัน เมื่อเกิดอาการหวิวก็ให้หมอเอาคลื่นหัวใจในเครื่องนี้ไปวิเคราะห์ดู การรักษาโรคนี้ต้องลองใช้ยาดูก่อน ถ้าได้ผลก็จบ ถ้าไม่ได้ผลอาจจะต้องใข้วิธีสวนหัวใจเอาความเย็นเข้าไปจี้ทำลายจุดที่เป็นตัวนำไฟฟ้าให้หัวใจเต้นรัว
5. เป็นเพราะฤทธิ์ของยา เช่นยาคลายกังวล ยานอนหลับ ยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของฝิ่น
6. เป็นโรคหยุดหายใจเวลานอนหลับ (obstructive sleep apnea) ทำให้ตอนกลางวันจะวูบหลับอยู่เรื่อยแม้เวลายืน เดิน หรือขับรถ
7. เป็นโรคเบาหวาน ทั้งเบาหวานแบบที่หนึ่งและแบบที่สอง คนเป็นเบาหวานเกิดวูบจะเป็นลมได้จากหลายสาเหตุ เช่นจากร่างกายสูญเสียน้ำเพราะปัสสาวะมาก จากน้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นต้น
8. โรคหัวใจ ซึ่งทำให้ส่งเลือดไปไหลเวียนไม่ได้เต็มลูกสูบ เช่นลิ้นหัวใจขาออกตีบ (aortic stenosis) เป็นต้น การวินิจฉัยโรคหัวใจนี้ต้องให้หมอฟังเสียงหัวใจร่วมกับตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียง (echo) ดู
ผมแนะนำว่าให้คุณทำต่อไปนี้ดูก่อนคือ
(1) ดื่มน้ำมากๆ วันละ 2-3 ลิตรขึ้นไป
(2)อย่าอดนอน นอนให้พอวันละ 7-8 ชั่วโมง
(3) เลิก ยา กาแฟ หรืออะไรที่ขับปัสสาวะ รวมทั้งสมุนไพรบางชนิดด้วย
(4) เปลี่ยนสไตล์ชีวิตไปออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน วันละอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
(5) กินอาหารโปรตีน (เนื้อนมไข่) ให้พอเพียงต่อการนำไปสร้างเม็ดเลือด
ทำทั้งห้าอย่างนี้แล้วดูไปสักสองสามเดือน ถ้าอาการยังไม่หายไปก็ควรไปรพ.เพื่อให้หมอตรวจหาสาเหตุ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ตอบ
อาการของคุณภาษาทั่วไปเรียกว่า fainting ภาษาแพทย์เรียกว่าภาวะใกล้ช็อก (impending shock) มีสาเหตุได้หลายอย่าง เรียงลำดับจากที่มีโอกาสเป็นมากไปหาน้อยดังนี้
1. โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เป็นสาเหตุพบบ่อยที่สุดในคนวัยสาว ที่คุณสงสัยว่าทำไมมีอาการเอาตั้งแต่วันแรกๆ ก็เพราะเลือดจำนวนมากได้ค่อยๆเข้าไปสะสมสร้างความพร้อมการตั้งครรภที่เยื่อบุผนังมดลูกด้านในหลายวันก่อนวันมีประจำเดือนแล้ว เลือดส่วนนี้ถูกดึงออกมาและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของระบบไหลเวียนเลือดแล้วตั้งแต่ต้น การจะพิสูจน์เรื่องนี้ก็เจาะเลือดดูระดับฮีโมโกลบินและระดับโปรตีนชื่อเฟอริทิน ก็วินิจฉัยได้แล้ว การรักษาก็ไม่ยาก คือให้กินยาบำรุงเลือดที่มีส่วนประกอบของธาตุเหล็กสัก 3-6 เดือนก็หาย
2. ภาวะร่างกายขาดน้ำ (dehydration) ซึ่งอาจจะเกิดจากได้น้ำเข้าสู่ร่างกายน้อยเกินไป หรือสูญเสียน้ำไปทางอื่นเช่นดื่มกาแฟมาก กินยาขับปัสสาวะ หรือท้องเสีย อาเจียน เป็นต้น ภาวะนี้เมื่อบวกกับร่างกายเสียเลือดจะยิ่งทำให้มีอาการผิดปกติได้ง่าย ถ้าเป็นรุนแรงก็ถึงหมดสติและเสียชีวิตได้
3. ภาวะระบบการไหลเวียนเลือดไม่แข็งแรง เพราะไม่เคยออกกำลังกายเลย พบได้มากในวัยรุ่นไทยที่ชอบทำตัวผอมๆหยองกอด กีฬาก็ไม่ยอมยอมเล่น วันๆเอาแต่นั่งจุมปุ๊กดูทีวีหรือพูดโทรศัพท์ เวลาลุกขึ้นทีก็หวิวหน้ามืดไปเลย
4. ภาวะหัวใจห้องบนเต้นรัวเป็นครั้งคราว (paroxysmal atrial tachycardia) โรคจะวินิจฉัยได้ต้องให้หมอเจอคุณตอนกำลังมีอาการหวิวๆหน้ามืด ซึ่งโอกาสเช่นนั้นมีน้อยเหลือเกิน อีกวิธีหนึ่งคือให้คุณห้อยเครื่องติดตามจังหวะการเต้นของหัวใจ (holter monitoring) ทุกวัน เมื่อเกิดอาการหวิวก็ให้หมอเอาคลื่นหัวใจในเครื่องนี้ไปวิเคราะห์ดู การรักษาโรคนี้ต้องลองใช้ยาดูก่อน ถ้าได้ผลก็จบ ถ้าไม่ได้ผลอาจจะต้องใข้วิธีสวนหัวใจเอาความเย็นเข้าไปจี้ทำลายจุดที่เป็นตัวนำไฟฟ้าให้หัวใจเต้นรัว
5. เป็นเพราะฤทธิ์ของยา เช่นยาคลายกังวล ยานอนหลับ ยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของฝิ่น
6. เป็นโรคหยุดหายใจเวลานอนหลับ (obstructive sleep apnea) ทำให้ตอนกลางวันจะวูบหลับอยู่เรื่อยแม้เวลายืน เดิน หรือขับรถ
7. เป็นโรคเบาหวาน ทั้งเบาหวานแบบที่หนึ่งและแบบที่สอง คนเป็นเบาหวานเกิดวูบจะเป็นลมได้จากหลายสาเหตุ เช่นจากร่างกายสูญเสียน้ำเพราะปัสสาวะมาก จากน้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นต้น
8. โรคหัวใจ ซึ่งทำให้ส่งเลือดไปไหลเวียนไม่ได้เต็มลูกสูบ เช่นลิ้นหัวใจขาออกตีบ (aortic stenosis) เป็นต้น การวินิจฉัยโรคหัวใจนี้ต้องให้หมอฟังเสียงหัวใจร่วมกับตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียง (echo) ดู
ผมแนะนำว่าให้คุณทำต่อไปนี้ดูก่อนคือ
(1) ดื่มน้ำมากๆ วันละ 2-3 ลิตรขึ้นไป
(2)อย่าอดนอน นอนให้พอวันละ 7-8 ชั่วโมง
(3) เลิก ยา กาแฟ หรืออะไรที่ขับปัสสาวะ รวมทั้งสมุนไพรบางชนิดด้วย
(4) เปลี่ยนสไตล์ชีวิตไปออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน วันละอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
(5) กินอาหารโปรตีน (เนื้อนมไข่) ให้พอเพียงต่อการนำไปสร้างเม็ดเลือด
ทำทั้งห้าอย่างนี้แล้วดูไปสักสองสามเดือน ถ้าอาการยังไม่หายไปก็ควรไปรพ.เพื่อให้หมอตรวจหาสาเหตุ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์