กินยาอาม็อกซี่พร่ำเพรื่อ ตำรวจไม่จับ แต่...

เรียนคุณหมอสันต์ที่เคารพ

หนู​ขออนุญาต​สอบถาม​เรื่อง​การใช้ยาฆ่าเชื้อ​กับอาการ​เจ็บ​คอดังนี้ค่ะ หนู​มักจะมีอาการปวดในโพรงจมูก​ตามด้วยปวดเบ้าตาและเจ็บคอถ้าไปกระทบอากาศ​เย็น​โดยใส่เสื้อผ้าไม่อุ่นพอ (บางครั้งคิดว่ายังไม่หนาวอะไร เลยไม่ใส่เสื้อกันหนาวค่ะ แต่เดี๋ยว​นี้พยายามใส่หนาๆเว่อๆไว้ก่อนค่ะ) อาการนี้เป็​นมาได้ราว 10 ปีกว่าค่ะ ปัจจุบัน​อายุ50ปีค่ะ ทีนี้เวลาปวดมากๆก็จะมีไข้แต่ไปหาหมอก็จะได้ยาแก้ปวดแต่ไม่ได้​ยาฆ่าเชื้อ ต้องไปครั้งที่ 2 หรือ 3 หมอจึงจะจ่ายยาเช่น amoxilin หรือ amoxiclav ดังนั้น​ตั้งแต่​ปีที่แล้ว พอมีอาการกลืนน้ำลาย​แล้วตึงๆ ในคอหรือหูข้างใดข้างนึงปุ๊บ หนูจะซื้อยา  amoxilin500 มก.​กินเองเลย โดยกินวันละ 3 ครั้งๆ ละเม็ดทุก 8 ชม.เป็น​เวลา5 วัน อาการเจ็บคอก็หายชัดเจนตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ

หนู​อ่านจากในเนต ทราบว่าการเจ็บคอมักจะเกิดจากไวรัสมากกว่าแบคทีเรีย หมอจึงมักไม่ค่อยจ่ายยาฆ่าเชื้อตั้งแต่​ทีแรก

คำถาม​ของหนูคือ

1. เมื่อทุกครั้งที่ได้ยา amoxilin​แล้วอาการเจ็บตึงในคอของหนูหายไป แสดงว่าเกิดจากแบคทีเรียใช่ไหมคะ (ถ้าใช่ หนูก็แอบสงสัยว่าทำไมสัมพันธ์​กับอากาศ​เย็น​)​

2. ถ้าหนู​ซื้อยาamoxilinทานเองดังข้อมูล​ข้างต้น สามารถทำได้ต่อไปโดยไม่ต้องไปหาหมอไหมคะ ขอกราบขอบพระคุณ​คุณ​หมอเป็นอย่างสูง​ค่ะ

และขอให้คุณ​หมอมีความสุข สุขภาพ​แข็งแรง​ตลอดไปค่ะ

……………………………………………………………………..

ตอบครับ

1.. ถามว่าเมื่อเจ็บคอ กินยาอาม็อกซี่แล้วหาย แปลว่าการเจ็บคอนั้นเกิดจากแบคทีเรียใช่ไหม ตอบว่าไม่ใช่ครับ ตรงนี้มันเป็นประเด็นเชิงวิจัย คือความแตกต่างระหว่าง (1) ความสัมพันธ์ระหว่างของสองสิ่ง กับ (2) การเป็นเหตุเป็นผลกันระหว่างของสองสิ่ง ผมขออนุญาตอธิบายตรงนี้สักเล็กน้อย

การที่คุณเจ็บคอ กินอามอกซี่แล้วหาย เป็นความสัมพันธ์ระหว่างของของสิ่ง บางคนอาบน้ำร้อนแล้วหาย บางคนอาบน้ำเย็นแล้วหาย บางคนกินน้ำผึ้งผสมมะนาวแล้วหาย บางคนห่มผ้าแล้วหาย บางคนนอนไม่นุ่งอะไรเลยแล้วหาย บางคนใส่ถุงเท้ากลับข้างแล้วหาย บางคนหายเพราะความเชื่อ ศรัทธา หรือผลของการถูกหลอก (placebo effect) ซึ่งก็ได้ผลถึง 1 ใน 3

ส่วนการที่สถิติข้อมูลทางการแพทย์จากการวิจัยเพาะเชื้อจากคอบ่งชี้ว่าไวรัสเป็นต้นเหตุใน 85-95% อีกจำนวนหนึ่งเกิดจากการระคายเคืองจากการแพ้ เหลือไม่ถึง 10% ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย (GABHS) ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาที่การงดยาปฏิชีวนะใน 7 วันแรกไม่เปลี่ยนแปลงผลการรักษาอย่างมีนัยสำคัญ อันนี้เป็นเรื่องของความสัมพันธ์เชิงเป็นเหตุเป็นผลกัน

วิชาแพทย์ทำการรักษาโรคไปตามความเป็นเหตุเป็นผลกัน สิ่งใดเกิดแต่เหตุก็แก้ที่เหตุ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างของสองสิ่งนั้นวิชาแพทย์พยายามไม่เอามาใช้ ยกเว้นในกรณีไม่มีข้อมูลในเชิงเป็นเหตุเป็นผลกันจริงๆจึงเดาเอาข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างของสองสิ่งมาใช้

การที่คุณเจ็บคอไปหาหมอแล้วเขาไม่ให้ยาปฏิชีวนะนั้นเป็นเพราะเขาเป็นแพทย์แผนปัจจุบันที่รู้หลักการความเป็นเหตุเป็นผลกัน ส่วนการที่คุณเจ็บคอแล้วกินยาอะม็อกซี่ตะพึดนั้นเป็นเพราะคุณทั้งไม่รู้หลักความเป็นเหตุเป็นผลกันและทั้งไม่รู้พิษภัยของการกินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรเพราะของที่เรายังไม่รู้เราเรียนรู้กันได้ ทุกวันนี้ชาวบ้านเขาใช้ยาปฏิชีวนะกันพร่ำเพรื่อไปหมดแทบทุกกรณี รวมทั้งใช้ฉีดกล่ำปลีที่ปลูกขายด้วย (ผมเห็นมากับตาตัวเอง) เพราะเขายังไม่รู้

2.. ถามว่าถ้าซื้อยาอามอกซี่กินเองทุกครั้งที่เจ็บคอสามารถทำได้ต่อไปโดยไม่ต้องไปหาหมอไหมคะ ตอบว่าทำได้ครับ เมืองไทยนี้ใครใครค้าช้าง ค้า ใครใคร่ค้าม้า ค้า ใครใคร่กินอะไร กิน ตำรวจไม่จับแน่นอน

3.. ถามว่าการกินยาอามอกซี่พร่ำเพรื่อมีข้อเสียอะไรไหม ตอบว่ามีข้อเสียคือ

3.1 ยา Amoxicillin และยา Ciprofloxacin เป็นพิษต่อไต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไตไม่ค่อยจะดีเป็นพื้นอยู่แล้ว ยานี้จะ “ซ้ำเหงา” ให้ไตเจ๊งไปเลยได้

3.2 ยาอามอกซี่เป็นยาออกฤทธิ์กว้าง ทำลายแบคทีเรียในลำไส้อย่างกว้างขวางจนแบคทีเรียดีๆตายหมดเปิดช่องให้แบคทีเรียร้ายๆเช่น clostridium difficile เติบใหญ่ขึ้นในลำไส้จนเกิดลำไส้อักเสบแบบไส้เน่า (grangrenous) ซึ่งมีอัตราตายสูงมาก บางรายกว่าจะรอดชีวิตได้ต้องเอาอุจจาระคนอื่นมาปลูกถ่ายจึงจะรอด ความเข้าใจผิดที่ว่าการกินยาปฏิชีวนะเมื่อตั้งต้นกินแล้วต้องตะบันกินจนครบคอร์สแม้โรคจะดีขึ้นแล้วก็ยิ่งทำให้ปัญหาการทำลายเชื้อในลำไส้แบบกวาดล้างนี้เกิดบ่อยขึ้น

3.3 ยาปฏิชีวนะทำลายดุลยภาพของจุลินทรีย์ในลำไส้ที่ร่างกายอุตส่าห์ฟูมฟักสร้างสรรค์มานาน ผลเสียของการทำลายดุลยภาพและความหลากหลายของแบคทีเรียในลำไส้นั้นมากล้นเหลือคณาซึ่งวงการแพทย์ก็ยังไม่รู้จักผลเสียอันนี้ทั้งหมด ที่รู้แน่ๆคือจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคเสียหาย และอะไรร้ายๆที่เกิดจากความเสียหายของระบบภุมิคุ้มกันเช่นการติดเชื้อง่าย การทำลายเซลมะเร็งไม่ได้ก็อาจจะตามมา

3.4 ยาอามอกซี่เป็นยาในกลุ่ม penicillin ซึ่งขึ้นชื่อลือชาในเรื่องแพ้ง่ายและแพ้รุนแรง อัตราการแพ้ยารุนแรงในกลุ่มนี้คือ 1 ใน 1 แสน บางรายกินอยู่ประจำมาแล้วเป็นร้อยเม็ดไม่แพ้ แต่พอเม็ดที่ 101 เกิดแพ้รุนแรงชักแด๊กๆ (anaphylaxis) ก็มี การแพ้ยาแบบรุนแรงนี้จะตายหรือรอดเป็นเรื่องของดวงแท้ๆ ดวงเพียวๆ หากไปแพ้ในที่ไม่มีคนเห็นก็มีโอกาสเด๊ดสะมอเร่ได้ง่ายๆ หรือหากไปแพ้ในมือของหมอที่ไม่เจนจบในการบำบัดฉุกเฉินก็มีสิทธิ์เส็งได้เหมือนกัน สมัยหมอสันต์หนุ่มๆจบใหม่ๆไปเปิดคลินิกอยู่บ้านนอกมีคนไข้แพ้ยาถูกหามมาหา คุณหมอใหม่ก็ยังเงอะๆงะๆงุ่มๆง่ามๆจึงไม่มีปัญญาช่วยชีวิตให้รอด คิดย้อนหลังแล้วน่าเสียดายจริงๆ หิ หิ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

  1. Worrall GJ. Acute sore throat. Can Fam Physician. 2007 Nov;53(11):1961-2. PMID: 18000276; PMCID: PMC2231494.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี