อยากเอาคอนเซ็พท์เวลเนสไปใช้ในธุรกิจรีสอร์ทที่เขาหลัก
ติดตามอ่านบทความคุณหมอมาสัก2-3ปีรู้สึกศรัทธาในวิถีแพทย์ที่แตกต่างต่อคนไข้และมนุษย์ทั่วไป และสนใจเรื่องความเชื่อคุณหมอเรื่องศาสนา วิทยาศาสตร์ และการดำรงชีวิต ในแบบเฉพาะของหมอสันต์
ขอเข้าเรื่องเลยนะคะในฐานะสาวกหมอสันต์ (ลูกๆเรียกแม่ ณ เวลานี้) ดิฉันอายุ 63 ปี เดิมทีอาชีพพยาบาลลาออกจากราชการมาเกือบ 30 ปี เริ่มทำอาชีพโรงแรมที่เขาหลักจว.พังงาปี 2002. เปิดรร 3 ปีเจอซึนามิ ปีนี้ครบ 15 ปี เจอวิกฤติโลกจากโควิด มาทบทวนการทำงานในเวลานี้แล้วคงต้องคิดใหม่แบบคุณหมอแนะนำเรื่องCreativity
โดยเฉพาะเรื่องwellnessจะขอคำแนะนำจากคุณหมอ ดิฉันและลูกๆไปเยี่ยมชม wellness we careที่สระบุรี เมื่อเดือนกย ที่ผ่านมา ประสงค์จะลองเข้า class เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์จริงแต่ทราบว่าเต็มไปจนถึงปลายปี จุดประสงค์หลักเพื่อนำเรื่อง wellness มาร่วมกับรีสอร์ท.
สำหรับข้อมูลรรชื่อ ... เป็นรีสอร์ทขนาด 38ห้อง พท 11 ไร่ ติดทะเล ลูกค้าส่วนใหญ่เป็น ชาวสวิส มีกำลังซื้อดีมากและกลับมาทุกๆปี เฉพาะช่วงพย-เมย ช่วงlow season มีแขกต่างชาติ 10-20%
อยากขอคำแนะนำคุณหมอเรื่องรูปแบบ wellness กับรีสอร์ทริมทะเล หรือมีข้อคิดเห็นอื่นๆ
ขอบพระคุณคุณหมอด้วยความเคารพและศรัทธายิ่ง
.....................................................
ตอบครับ
ก่อนตอบคำถามต้องขอโทษด้วยที่อุตสาห์ไปที่เวลเนสวีแคร์แล้วไม่ได้เรื่องสมความตั้งใจ ผมถือโอกาสนี้บอกข่าวท่านผู้อ่านทุกๆท่านเสียเลยว่าการไปที่เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ที่มวกเหล็กอย่าคาดหมายว่าจะได้เจอผมแล้วจะได้พูดคุยกันแบบชิวๆเหมือนไปร้านตัดผมทีไรก็เจอช่างตัดผม เพราะผมอยู่ที่นั่นก็จริง แต่ว่าผมเป็นคนแบบตั้งแต่ตื่นเช้าก็รู้แล้วว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ถ้าไม่สอนแค้มป์ต่างๆอยู่ก็ต้องไปทำนั่นทำนี่ทั้งเรื่องมีสาระและเรื่องไร้สาระ ไม่มีโอกาสเลยที่จะมีเวลามานั่งเอ้เตสนทนากับญาติธรรม โห ได้ทำอย่างนั้นเป็นความฝันอันสูงสุด แต่ว่าในชีวิตจริงของหมอสันต์ไม่มีโอกาสอย่างนั้นเลย ดังนั้นถ้าอยากคุยกันให้ได้เรื่องได้ราวต้องจองมาเข้าแค้มป์ อยากคุยเรื่องสุขภาพทั่วไปให้มาเข้าแค้มป์สุขภาพดีด้วยตนเอง (GHBY) อยากคุยเรื่องความหลุดพ้นให้มาเข้าแค้มป์รีทรีตทางจิตวิญญาณ (SR) จองล่วงหน้าข้ามปีก็ไม่เป็นไรนี่ เพราะชีวิตคนเรานี้มันแสนสั้นแป๊บเดียวก็ข้ามปีแล้ว ไม่งั้นทั้งชาติจะไม่ได้คุยกันเลยนะ
เอาละ กลับมาตอบคำถามของคุณ ถามว่ามีรีสอร์ทริมทะเล จะเอาคอนเซ็พท์เวลเนสมาใช้ได้อย่างไร ตอบว่าคนมาเที่ยวทุกคนก็ล้วนจะมาเอา "เวลเนส" คือมาเพื่อให้มีความสุขใจสุขกายทั้งนั้นแหละ 100% ไม่มียกเว้นแม้แต่คนเดียว ดังนั้นผมปรับคำถามไปนิดหนึ่งว่าก็ในเมื่อที่ท่องเที่ยวทั่วโลกก็ให้สิ่งที่เรียกว่าเวลเนสนี้เหมือนกันหมด แล้วด้วยเหตุอันใดเขาจึงจะเจาะจงมารีสอร์ทที่เมืองไทย หรือรีสอร์ทที่เขาหลักของคุณ
ตัวผมนี้ไม่ได้ทำมาหากินกับการท่องเที่ยว จึงไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรในธุรกิจนี้ว่าอะไรกำไรดีอะไรทำแล้วจะเจ๊ง ผมเป็นแค่นักท่องเที่ยว ไม่ใช่นักท่องเที่ยวจริงจังด้วย เป็นแค่นักฉวยโอกาสท่องเที่ยว หมายความว่าเวลาใครเขาออกเงินให้ไปประชุมหรือไปสอนไปบรรยายทีหนึ่งผมก็ฉวยโอกาสท่องเที่ยวซะทีหนึ่ง ดังนั้นคำตอบของผมเป็นคำตอบจากลูกค้า ไม่ใช่จากผู้ประกอบการ คุณต้องฟังหูไว้หู
เมืองไทยนี้ผมเห็นว่ามีสิ่งที่ที่อื่นในโลกนี้หายากอยู่ 3 อย่าง คือ
1. ภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์หมายความว่า ธรรมชาติ ภูเขา หาดทราย ทะเล ปะการัง ซึ่งของคุณได้ข้อนี้เต็มๆอยู่แล้ว ประวัติศาสตร์หมายความว่า สิ่งปลูกสร้างเก่าๆ วัด วัง สถาปัตยกรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีวิถีชีวิตผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธุกรรมชอบ "ยิ้ม" และชอบ "สอดรู้สอดเห็น" ของคนไทย เป็นเสน่ห์สำคัญอย่างหนึ่งในหัวข้อนี้
2. อาหารไทยแบบทำให้สุขภาพดี อาหารไทยนั้นแม้ปัจจุบันจะถูกประยุกต์ไปจนกลายเป็นอาหารแคลอรีสูงไม่ดีต่อสุขภาพ แต่อาหารไทยดั้งเดิมที่ทำให้ดังไปทั่วโลกนั้นเป็นอาหารพืชเป็นหลัก ซึ่งกินแล้วทำให้มีสุขภาพดี ผมมั่นใจว่าวันหนึ่งจะมีคนปรับปรุงอาหารไทยให้กลับไปมีแคแรคเตอร์เดิม คือเป็นอาหารพืชเป็นหลัก รสชาติจ๊าบ แล้วทั่วโลกก็จะรู้จักอาหารไทยในฐานะ Healthy Thai Food ที่ทั้งอร่อยทั้งดีต่อสุขภาพ ถึงขั้นต้องเดินทางมากินมานอนที่เมืองไทยเพื่อจะได้กินอาหารอย่างที่ว่านี้ทุกวันๆ เขาก็จะมา
3. แก่นของศาสนาพุทธ ฝรั่งคุ้นเคยกับศาสนาพุทธนิกายวชิรญาณของธิเบต ซึ่งคลุกเคล้าปนเปกับตันตระของอินเดียวอย่างลงตัวแล้ว (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความดังของดาไลลามะ) และคุ้นเคยกับพุทธมหายาน ผ่าน "เซ็น" ที่ดังอยู่ในญี่ปุ่นและจีน ส่วนพุทธเถรวาทหรือที่ผมเรียกว่าพุทธ orthodox นี้ ฝรั่งไม่คุ้นเคย เพราะฝรั่งรู้คร่าวๆว่ามันเป็นคำสอนสำหรับคนบวชเป็นพระต้องทิ้งโลกคฤหัสถ์ไปก่อนจึงจะเรียนได้ เขารู้แค่นี้ อย่างอื่นรู้น้อยมาก และปัจจุบันนี้ ในบรรดาประเทศที่นับถือพุทธออร์โธด๊อกซ์ อันได้แก่ ไทย เขมร ลาว พม่า ศรีลังกา และอินเดีย ผมว่าไทยเป็นที่ที่ฝรั่งจะมาทำความเข้าใจกับแก่นของศาสนาพุทธออร์โธด๊อกซ์ได้ง่ายที่สุด ผมพูดถึงแก่นนะ ไม่ได้พูดถึงกะพี้หรือเปลือก เรียกว่าแม้จะต้องให้มากินมานอนอยู่หลายเดือนแต่หากทำให้เขาได้เข้าถึงแก่นของศาสนาพุทธนิกายออร์โธด๊อกซ์จนเขาหลุดพ้นจากทุกข์ได้แล้วละก็ ผมมั่นใจว่าเขาจะก็มา
ในการท่องเที่ยว ของอะไรที่เป็นแค่เปลือกหรือกระพี้ หรือเป็นของหลอกๆขี้ๆ วันหนึ่งนักท่องเที่ยวเขาก็จะรู้จักกำพืดและเข้าใจมันดีแล้วเขาก็จะทิ้งมันไป เพราะมันไม่มี value ที่แท้อยู่ในตัว แต่ทั้งสามอย่างข้างต้นเป็นสิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นตัวสินค้าที่มีคุณค่าแท้จริงอยู่ในตัว เมื่อได้รู้จักมันแล้ว เขาจะอยากรู้จักอยากสัมผัสมันมากขึ้นอีกอย่างไม่รู้จบ ดังนั้น หากคุณคิดจะทำรีสอร์ทให้ได้ลูกค้าที่ยั่งยืน ลองเอาสามเรื่องนี้ไปหาทางใส่เป็นตัวสินค้าของคุณสิครับ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์