ไม่ใช่หัวใจขาดเลือดดอก เป็นตะคริวขณะมีประจำเดือนมากกว่า

 เรียน คุณหมอค่ะ

          ดิฉันสงสัยว่าเป็นอาการหัวใจขาดเลือดหรือเปล่า

มีอาการช่วงที่มีประจำเดือน ปวดท้อง อย่างมาก  หายใจไม่ค่อยออก มือเท้าเริ่มชาเหมือนจะเป็นตะคริว เหงื่อออกมาก ตัวเย็น จะอาเจียน ดื่มน้ำไปก็อาเจียนออกมา ปวดหัว ปวดตามตัวลามไปถึงหลัง ไม่มีแรงจะเดิน มีอาการเจ็บจี๊ดๆ ที่หน้าอกซ้าย อาการทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน อาการที่กล่าวมา เป็นไปได้ไหมคะว่า หัวใจขาดเลือดชั่วระยะเวลาหนึ่ง คือพอนอนพัก อาการปวดท้องดีขึ้น ร่างกายก็ค่อยๆ ฟื้นตัว ใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ถึงรู้สึกว่า ร่างกายเป็นปกติค่ะ เป็นแบบนี้ 3 ครั้ง แล้วค่ะ 

- ตรวจคลื่นหัวใจ ปกติ - ตรวจเลือด เป็นพาหะเบต้าธาลัสซีเมีย EA และเลือดจาง   Hb = 10.4,  Hct = 32.1,  MCV = 68.9, MCH = 22.3  Hb E = 28.5%, Hb A = 71.5%  - ตรวจไทรอยด์ปกติ ค่ะ

ในช่วงเวลาปวดท้องเป็นประจำเดือน เลือดจาง มีผลทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานไม่ปกติหรือเปล่าคะ ส่งผลให้เลือดไม่ไปเลี้ยงหัวใจชั่วระยะเวลาหนึ่งจึงทำให้เกิดอาการต่างๆ ดังกล่าวขึ้น หรืออาการแบบนี้เป็นอะไร เล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ ออกกำลังกาย โดยการวิ่งเป็นประจำค่ะ อายุ 40 ปี น้ำหนัก 153 น้ำหนัก 43 วัดความดันล่าสุด 113/73 ค่ะ ส่งผมเลือดมา รบกวนคุณหมอกรุณาวินิจฉัยให้ด้วยค่ะ งงกับตัวเองมากว่าเป็นอะไร ค่ะ ขอบพระคุณคุณหมออย่างสูงค่ะ 

..................................................................


ตอบครับ

     วินิจฉัยจากมุมของอาการวิทยาอย่างเดียวนะ ว่าอาการทั้งหมดไม่เกี่ยวอะไรกับหัวใจขาดเลือดดอก เพราะอาการไม่สัมพันธ์กับการออกแรง ลักษณะอาการไม่เหมือนอาการหัวใจขาดเลือด (เจ็บจี๊ดๆ ไม่ใช่เจ็บแบบแน่นหน้าอก) แต่อาการไปสัมพันธ์กับการมีประจำเดือนและการเสียเลือดมากกว่า 

     อาการที่เล่ามาเป็นไปได้สองอย่าง คือ

     1. มีความน่าจะเป็นอาการตะคริวจากประจำเดือน (menstrual cramps) มากที่สุดหรือภาษาหมออย่างเป็นทางการเรียกว่า dysmenorrhea 

     2. อย่างร้ายที่สุดที่เป็นได้ก็เป็นภาวะหวิดๆจะช็อกจากการเสียเลือด (impending hemorrhagic shock) ซึ่งพบได้ในคนที่เป็นโลหิตจางอยู่แล้ว แล้วมีประจำเดือนมากๆ

     การแก้ปัญหาในกรณีของคุณนี้ผมคิดว่าควรจะไปหาหมอสูตินรีเวชนะครับ อย่างน้อยไปทำอุลตร้าซาวด์ดูว่ามีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือมีเนื้องอกมดลูกเกิดหรือเปล่า ถ้ามีก็จัดการซะอาการเหล่านี้ก็จะหายไป

     และไหนๆก็ไปโรงพยาบาลแล้วควรสืบค้นสาเหตุของโลหิตจางให้ยิ่งขึ้นไป อย่าพอใจแค่ว่าเป็นพาหะฮีโมโกลบินอี.แล้วก็จบ เพราะบ่อยครั้งคนเป็นพาหะทาลาสซีเมียที่มีโลหิตจางมากอย่างคุณนี้ แท้จริงแล้วมีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กร่วมอยู่ด้วย วิธีพิสูจน์ก็คือเจาะเลือดดูระดับเหล็ก (Ferritin) ถ้ามันต่ำกว่าปกติก็ต้องรักษาโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กด้วย


นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

หนังสือคัมภีร์สุขภาพดี (Healthy Life Bible) จะพิมพ์ครั้งที่ 3 แน่นอนแล้ว เชิญสั่งซื้อได้

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

วิตามินดีเกิน 150 หมอบอกมากเกินไป ท้ังๆที่ไม่ได้ทานวิตามินดี

Life Skill Camp for Kids แค้มป์ทักษะชีวิตเยาวชนที่มิวเซียมสยาม 16 พย. 67