ตราบใดที่ยังเห็นเชือกกล้วยเป็นงู
เรียนคุณหมอสันต์
เมื่อวานพอเตรียมจะลดยาก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ เพราะเคยได้รับข้อมูลจากหมอมาตลอดว่าต้องทานยาลดความดันตลอดไป พอจะหยุดยามันเลยออกอาการ ทั้งๆ ที่ผมก็ฝึกสติมาระดับหนึ่งแต่ยังไม่ถึงขั้นวางบางเรื่องได้ โดยเฉพาะตัวตนของเรา ทำให้วันนี้มีอาการปวดศีรษะ
วัดความดันตัวบน/ตัวล่าง ตอนตื่นเต้น 175/100
พอพักหน่อยแล้ววัด ค่อยๆ ลดลง ตัวบน 133-148 ตัวล่าง 88-95
ชีพจรเต้นประมาณ 99-102 ครั้ง/นาที
การนอนไม่หลับสนิทเป็นสาเหตุให้ ชีพจรเต้นเร็วขึ้น และความดันขึ้นใช่มั้ยครับ
ปกติผมจะเป็นคนนอนหลับได้ง่าย แค่รู้สึกตัวเบาๆ 1-2 นาที ก็หลับแล้ว แต่พอมีความกังวลอะไรเข้ามาหน่อยก็ทำให้การนอนไม่ปกติ เกิดความทุกข์ (บางครั้งพอเอาเรื่องกฎแห่งกรรมมาพิจารณา และยอมรับมัน อยู่กับมัน ก็ดีขึ้นหน่อย แต่ยังไม่ตลอดลอดฝั่ง)
เมื่อผมเห็นทุกข์ ก็เลยศึกษาเรื่องปฏิบัติธรรม บางครั้งก็ช่วยได้ แต่บางครั้งก็เสร็จกิเลสมัน
ไม่ทราบว่าผมควรหยุดยาหรือทานยาต่อไปครับ(ความดันที่สูง 175 มีอันตรายมากมั้ยครับ)
อจ ... (ฆราวาส) ที่สอนธรรมผม เขาเคยบอกให้ทานอาหารน้อยๆ ทานเท่าที่หิว แล้วเลิกกินยา ทิ้งเครื่องวัดความดันไปเลย แต่ผมก็ไม่กล้าเพราะยังอิงกับตัวเลขวิทยาศาสตร์อยู่
ผมขอคำแนะนำด้วยครับ
........................................
ตอบครับ
เมื่อใจไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องรีบลดยา เพราะเรื่องยาและเรื่องตัวชี้วัดไม่สำคัญ มันเป็นแค่ปลายเหตุ ต้นเหตุคือความเข้าใจเรื่องชีวิตผิดไปจากความเป็นจริง ชีวิตคนเรานี้เปรียบเหมือนการเห็นเชือกกล้วยเป็นงู ตราบใดที่ยังเชื่อว่าเชือกกล้วยเป็นงู ตราบนั้นก็ไม่กล้าไปแตะต้องทำความรู้จักหรือใช้ประโยชน์จากเชือกกล้วย อย่างมากที่จะได้ก็คือได้แต่ความกลัวงู
ฉันใดก็ฉันเพล ตราบใดที่ยังเชื่อผิดๆว่าร่างกายนี้เป็นตัวเรา ยังเชื่อว่าความสำคัญมั่นหมายว่าบุคคลคนนี้ที่มีชื่อนี้นามสกุลนี้คือตัวเราที่แท้จริง ตราบนั้นก็ไม่มีวันจะได้เข้าไปจับต้องทำความรู้จักหรือใช้ประโยชน์จากความว่างอันมีความตื่นรู้และสุขสงบที่ภายในซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้ อย่างมากที่จะได้ก็ได้แต่ความทุกข์กังวลว่าจะสูญเสียร่างกายนี้ไป หรือสูญเสียสถานะความเป็นบุคคลนี้ไปเท่านั้น
โรคของคุณเกิดจากความเครียด ความเครียดเกิดจากความคิด ความคิดเกิดจากความสำคัญมั่นหมายผิดๆว่าสิ่งที่ไม่ใช่เราเป็นเรา ต้องแก้ที่ตรงนี้ก่อน คือที่การวางความคิด กิเลสที่คุณให้น้ำหนักมากมายนั้น มันเป็นแค่ความคิด แค่วางมันลงเดี๋ยวนี้เรื่องก็จบแล้ว เพราะชีวิตก็มีแต่เดี๋ยวนี้เท่านั้น เดี๋ยวอื่นไม่มี การวางความคิดที่คุณได้เรียนไปแล้วจากแค้มป์ MBT มีตั้งสิบเทคนิคนะ เทคนิคนี้ไม่ถนัดก็ลองอีกเทคนิคหนึ่ง คุณนับถือพุทธอยู่แล้วนี่ อย่าลืมคำสอนในศาสนาพุทธที่ว่าในเจ็ดเหตุที่จะพาหลุดพ้น(โพชฌงค์) การรู้จักเลือกเฟ้นหาเครื่องมือที่เหมาะเฉพาะกาลมาใช้ (ธรรมวิจัย) เป็นหนึ่งในเจ็ดเครื่องมือที่จะพาหลุดพ้นเลยเชียวนะ
ดังนั้นให้คุณใส่ใจที่จะวางความคิดให้เป็นก่อน ยังไม่ต้องไปยุ่งกับยาลดความดัน
นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์
Sent from my iPhone
เมื่อวานพอเตรียมจะลดยาก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ เพราะเคยได้รับข้อมูลจากหมอมาตลอดว่าต้องทานยาลดความดันตลอดไป พอจะหยุดยามันเลยออกอาการ ทั้งๆ ที่ผมก็ฝึกสติมาระดับหนึ่งแต่ยังไม่ถึงขั้นวางบางเรื่องได้ โดยเฉพาะตัวตนของเรา ทำให้วันนี้มีอาการปวดศีรษะ
วัดความดันตัวบน/ตัวล่าง ตอนตื่นเต้น 175/100
พอพักหน่อยแล้ววัด ค่อยๆ ลดลง ตัวบน 133-148 ตัวล่าง 88-95
ชีพจรเต้นประมาณ 99-102 ครั้ง/นาที
การนอนไม่หลับสนิทเป็นสาเหตุให้ ชีพจรเต้นเร็วขึ้น และความดันขึ้นใช่มั้ยครับ
ปกติผมจะเป็นคนนอนหลับได้ง่าย แค่รู้สึกตัวเบาๆ 1-2 นาที ก็หลับแล้ว แต่พอมีความกังวลอะไรเข้ามาหน่อยก็ทำให้การนอนไม่ปกติ เกิดความทุกข์ (บางครั้งพอเอาเรื่องกฎแห่งกรรมมาพิจารณา และยอมรับมัน อยู่กับมัน ก็ดีขึ้นหน่อย แต่ยังไม่ตลอดลอดฝั่ง)
เมื่อผมเห็นทุกข์ ก็เลยศึกษาเรื่องปฏิบัติธรรม บางครั้งก็ช่วยได้ แต่บางครั้งก็เสร็จกิเลสมัน
ไม่ทราบว่าผมควรหยุดยาหรือทานยาต่อไปครับ(ความดันที่สูง 175 มีอันตรายมากมั้ยครับ)
อจ ... (ฆราวาส) ที่สอนธรรมผม เขาเคยบอกให้ทานอาหารน้อยๆ ทานเท่าที่หิว แล้วเลิกกินยา ทิ้งเครื่องวัดความดันไปเลย แต่ผมก็ไม่กล้าเพราะยังอิงกับตัวเลขวิทยาศาสตร์อยู่
ผมขอคำแนะนำด้วยครับ
........................................
ตอบครับ
เมื่อใจไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องรีบลดยา เพราะเรื่องยาและเรื่องตัวชี้วัดไม่สำคัญ มันเป็นแค่ปลายเหตุ ต้นเหตุคือความเข้าใจเรื่องชีวิตผิดไปจากความเป็นจริง ชีวิตคนเรานี้เปรียบเหมือนการเห็นเชือกกล้วยเป็นงู ตราบใดที่ยังเชื่อว่าเชือกกล้วยเป็นงู ตราบนั้นก็ไม่กล้าไปแตะต้องทำความรู้จักหรือใช้ประโยชน์จากเชือกกล้วย อย่างมากที่จะได้ก็คือได้แต่ความกลัวงู
ฉันใดก็ฉันเพล ตราบใดที่ยังเชื่อผิดๆว่าร่างกายนี้เป็นตัวเรา ยังเชื่อว่าความสำคัญมั่นหมายว่าบุคคลคนนี้ที่มีชื่อนี้นามสกุลนี้คือตัวเราที่แท้จริง ตราบนั้นก็ไม่มีวันจะได้เข้าไปจับต้องทำความรู้จักหรือใช้ประโยชน์จากความว่างอันมีความตื่นรู้และสุขสงบที่ภายในซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้ อย่างมากที่จะได้ก็ได้แต่ความทุกข์กังวลว่าจะสูญเสียร่างกายนี้ไป หรือสูญเสียสถานะความเป็นบุคคลนี้ไปเท่านั้น
โรคของคุณเกิดจากความเครียด ความเครียดเกิดจากความคิด ความคิดเกิดจากความสำคัญมั่นหมายผิดๆว่าสิ่งที่ไม่ใช่เราเป็นเรา ต้องแก้ที่ตรงนี้ก่อน คือที่การวางความคิด กิเลสที่คุณให้น้ำหนักมากมายนั้น มันเป็นแค่ความคิด แค่วางมันลงเดี๋ยวนี้เรื่องก็จบแล้ว เพราะชีวิตก็มีแต่เดี๋ยวนี้เท่านั้น เดี๋ยวอื่นไม่มี การวางความคิดที่คุณได้เรียนไปแล้วจากแค้มป์ MBT มีตั้งสิบเทคนิคนะ เทคนิคนี้ไม่ถนัดก็ลองอีกเทคนิคหนึ่ง คุณนับถือพุทธอยู่แล้วนี่ อย่าลืมคำสอนในศาสนาพุทธที่ว่าในเจ็ดเหตุที่จะพาหลุดพ้น(โพชฌงค์) การรู้จักเลือกเฟ้นหาเครื่องมือที่เหมาะเฉพาะกาลมาใช้ (ธรรมวิจัย) เป็นหนึ่งในเจ็ดเครื่องมือที่จะพาหลุดพ้นเลยเชียวนะ
ดังนั้นให้คุณใส่ใจที่จะวางความคิดให้เป็นก่อน ยังไม่ต้องไปยุ่งกับยาลดความดัน
นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์
Sent from my iPhone