เลือดออกทางทวารหนักปล่อยไว้ไม่ได้ เพราะจะไม่ได้ตายดี
![]() |
หยาดฝนบนดอกพวงแสด |
เรียนหมอสันต์
ดิฉ้นอายุ 58 สูง 150 หนัก 46 ความดัน140/55 ตัวล่างไม่เคยเกิน 55 มีเลือดออกทวารเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ออก 4 วัน หายเองไม่ได้กินยาหรือทายา เป็นๆหายมาเรื่อยๆ พ.ค. 67 ไปส่องกล้องลำไส้ใหญ่และเจาะเลื
อยากถามเพิ่มเติมว่าไม่มีประวั
ขอบคุณค่ะ
.................................................................
ตอบครับ
ก่อนตอบคำถาม ผมขอสรุปการวินิจฉัยก่อนนะ ว่าตามผลการส่องกล้องและการตรวจของแพทย์โรคทางเดินอาหารที่คุณส่งมาให้ คุณมีสามปัญหา คือ
1. แผลแบบร่องลึกเรื้อรังที่ปากรูทวารหนัก (anal fissure)
2. หลุมบนผนังลำไส้ใหญ่ (diverticulosis) หลายหลุม
3. ติ่งเนื้อที่ลำไส้ใหญ่ (colonic polyp) ขนาดใหญ่ (1 ซม.) ซึ่งเป็นขนาดที่จะโตไปเป็นมะเร็งได้ในเวลาอีกไม่นาน แต่มันก็ถูกตัดออกมาเรียบร้อยแล้ว
พิเคราะห์จากหลักฐานที่มี ติ่งเนื้อที่ลำไส้ใหญ่ไม่น่าจะเป็นสาเหตุของเลือดออก เพราะตัดทิ้งไปแล้วแต่เลือดก็ยังออกอยู่ หากเลือดออกจากรอยแผลตัดก็จะออกในลักษณะเป็นเลือดเคลือบอุจจาระ ไม่ใช่เลือดเป็นหยดติดกระดาษทิชชู ส่วนหลุมที่ผนังลำไส้ใหญ่หลายหลุม (diverticulosis) ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุของเลือดออก เพราะดูจากภาพถ่ายบางหลุมที่ส่งมาไม่มีวี่แววของการอักเสบซึ่งเป็นปฐมเหตของเลือดออก อีกอย่างหนึ่งทุกหลุมอยู่ค่อนข้างลึก (hepatic flexor) หากเลือดออกจะเป็นเลือดสีแดงปนอยู่ในเนื้ออุจจาระ ไม่ใช่หยดบนทิชชู ดังนั้นเลือดน่าจะออกแบบเรื้อรังจากแผลบนร่องลึกที่ปากรูทวารหนัก (anal fissure) มากที่สุด
ที่นี้ผมจะตอบคำถามของคุณไปทีละประเด็น
1. ถามว่าที่หมอเขาบอกว่าไม่ต้องส่องตรวจทางเดินอาหารส่วนบนนั้น ในแง่การวินิจฉัยจะโอเคครบถ้วนไหม ตอบว่าโอเค.และครบถ้วนครับ เพราะในกรณีของคุณเลือดออกมาเป็นสีแดงสด แสดงว่าออกมาจากทางเดินอาหารส่วนล่าง ไม่ได้ออกจากส่วนบน เพราะหากออกจากส่วนบนเลือดจะคลุกกับน้ำดีเป็นสีดำ
2. ถามว่าเลือดออกทางก้นแทบทุกวัน อนาคตจะเลือดจางไหม ตอบว่าถ้ามันยังออกอยู่ต่อเนื่องอย่างนี้อนาคตก็เป็นโรคโลหิตจางจากการเสียเลือดได้ แต่ตอนนี้ยังไม่เป็น เพราะดูผลเลือดของคุณ เลือดของคุณตอนนี้ยังปกติดี (Hb=13)
3. ถามว่าควรจะกินธาตุเหล็กไหม ตอบว่าไม่ควรกิน เพราะไม่มีหลักฐานว่าคุณขาดธาตุเหล็ก ทั้งนี้ผมดูจากว่าเม็ดเลือดแดงของคุณยังมีขนาดปกติ (MCV=87.9) และปริมาณเหล็กหรือฮีมในเม็ดเลือดแต่ละเม็ดก็ยังปกติดี (MCH = 30.3) การกินธาตุเหล็กจะมีแต่ผลเสียคือจะทำให้ถ่ายออกมาจะเป็นสีดำ ทำให้วินิจฉัยภาวะเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนบนไม่ได้ และจะทำให้คุณท้องเสียมากขึ้นด้วย
4. ถามว่าแผลร่องลึกที่ปากทวารหนัก (anal fissure) จะกลายเป็นแผลเป็นใหญ่ขึ้นไหม ตอบว่ามันไม่ใหญ่ขึ้นดอก แต่มันจะเป็นแผลยืดเยื้อเรื้อรังไปจนสิ้นชาติ และจะก่อปัญหาโลกแตกสองปัญหาคือปวดขณะถ่าย และเลือดออกไม่รู้จบสิ้น
5. ถามว่าต้องผ่าตัดเอาอุจจาระมาออกทางหน้าท้องไหม ตอบว่าไม่ค้องถึงขั้นนั้นหรอก แม้เป็นความจริงที่ว่าแผลร่องลึกที่ปากรูทวารหนักที่ยืดเยื้อเรื้อรังเกินหลายเดือนต้องได้รับการรักษาแบบก้าวร้าวด้วยการผ่าตัด แต่การผ่าตัดที่ทำกันมักจะจบอย่างมากแค่ลำดับ 1-3 คือ
5.1 ฉีดโบทอกซ์ให้กล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักคลายตัว เพื่อช่วยให้แผลหายเองง่ายขึ้น
5.2 เอามีดกรีดกล้ามเนื้อหูรูดจากด้านในให้ขาดจากกัน (lateral internal sphincterotomy) เพื่อให้หูรูดทวารหนักคลายตัวเช่นกัน
5.3 ตัดเอาแผลร่องลึกนั้นออกไปหมดทั้งยวงให้รู้แล้วรู้รอด (fissurectomy) ซึ่งมักต้องตามด้วยการเอาหนังใกล้ปากทวารหนักโยกมาคลุมร่องโบโจ๋นั้นไว้ (advancement anoplasty)
ส่วนการผ่าตัดผันเอาอึมาออกทางหน้าท้องนั้น เขาสงวนไว้ใช้เฉพาะกรณีแผลเรื้อรังนั้นเกิดจากมะเร็งทวารหนัก (Ca rectum) เท่านั้นซึ่งมีโอกาสเกิดน้อย อย่างไรก็ตามการส่งชิ้นเนื้อที่ได้จากการผ่าตัดเอาร่องแผลเรื้อรังออกมาไปตรวจทางพยาธิวิทยาก็จะพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าแผลนั้นเกิดจากมะเร็งทวารหนักหรือไม่
6. ถามว่ากินเพชรสังฆาตจะดีไหม ตอบว่าไม่ทราบครับ เพราะหมอสันต์ไม่ใช่แพทย์แผนไทย มันคืออะไรหรือครับ ฟังชื่อแล้วน่ากลั๊ว..ว
7. ถามว่ากินทรานส์เอมีนหรือวิตามินเคแก้เลือดออกดีไหม ตอบว่าไม่ดีครับ การแก้ปัญหาต้องแก้ที่สาเหตุ คือแก้ที่แผลที่ทำให้เลือดออก ไม่ใช่ไปแก้ที่กลไกการแข็งตัวของเลือดซึ่งเขาก็ปกติของเขาอยู่ดีๆ อีกอย่างหนึ่งคนอย่างคุณซึ่งกินผักกินหญ้าเป็นประจำจะได้รับวิตามินเค.มากเหลือเฟือจากพืชผักอยู่แล้ว
8. ถามว่ามีโอกาสเป็นโรค IBD ไหม ตอบว่าไม่เกี่ยวกันเลยครับ โรค IBD (inflammatory bowel disease) ถ้าเป็นที่ทางเดินอาหารส่วนปลายจะเรียกว่า ulcerative colitis มันจะวินิจฉัยได้ง่ายๆจากการส่องตรวจลำไส้ใหญ่ ซึ่งของคุณเขาส่องมาแล้วไม่พบว่าเป็นโรคนี้ ส่วนหลุมที่ผนังลำไส้ใหญ่ (diverticulosis) นั้นไม่ได้เป็นญาติกับโรค IBD เป็นคนละเรื่องกันเลย
7. ถามว่ามีโอกาสเป็นโรคกระเปาะลำไส้อักเสบไหม ตอบว่ามีโอกาสน้อยมากครับ เพราะผลการส่องลำไส้ใหญ่ที่คุณส่งมาให้พบว่ามีกระเปาะ (diverticulosis) อยู่ก็จริง แต่ไม่พบการอักเสบ (diverticulitis) อีกทั้งที่ตั้งของกระเปาะเหล่านั้นอยู่สูง หากมันเป็นเหตุให้เลือดออกเลือดจะปนอยู่ในเนื้ออุจจาระ จะไม่หยดแหมะๆให้เห็นที่ก้นหรือที่กระดาษทิชชู
9. ถามว่ามีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดโป่งพองที่ทวารหนักได้ไหม ตอบว่าโห นี่คุณจะเอากี่โรคกันเนี่ย อุ๊บ..บ ขอโทษ ตอบไม่ตรงคำถาม ตอบใหม่ ว่าไม่ใช่โรคหลอดเลือดโปงพอง (aneurysm) หรอกครับ เพราะถ้าเป็นโรคนั้นคุณคงเลือดออกจนไม่ได้มานั่งเขียนจดหมายหาผมอย่างนี้ดอก
10. ถามว่าต้องตรวจอะไรเพิ่มไหม ตอบว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับ
11. ถามว่าควรดูแลรักษาต้วเองย่างไร ตอบว่าควรไปพบศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก (colorectal surgeon) เขาเป็นมนุษย์คนละพันธุ์กับหมอที่ส่องตรวจทวารหนักให้คุณนะ พันธุ์หลังนี้เรียกว่า gastro-enterologist ต้องเป็นศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนักเท่านั้นจึงจะเป็นของแท้ เพราะปัญหาของคุณนี้ดูเหมือนง่าย..แต่ยาก ไม่ควรอยู่ในมือของหมอที่ไม่คุ้นเคยกับการแก้ปัญหาแบบนี้อย่างลึกซึ้ง
12. ถามว่าไม่มีประวั
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์