"ลู่ความสุข" กับ "ลู่เงิน"
![]() |
Gallery Hut ยามหน้าแล้ง |
(หมอสันต์พูดกับลูกน้องเก่าจำนวนสิบคนซึ่งอยู่ในวัยใกล้เกษียณ ที่มาเยี่ยมที่มวกเหล็ก)
ลูกน้อง
"ปันใหญ่ปันสูงแปลว่าไรคะ"
หมอสันต์
"ภาษาเหนือ แปลว่าโตเร็วๆ สูงเร็วๆ"
ลูกน้อง
"จารย์คะ พวกเราจะเกษียณแล้ว จารย์มีไรแนะนำบ้าง"
หมอสันต์
"คุณก็ต้องตั้งธงก่อนว่าเกษียณแล้ว คุณจะลงไปวิ่งใน ลู่ความสุข หรือจะวิ่งใน ลู่เงิน"
ลูกน้อง
"เอาลู่ความสุขสิ"
หมอสันต์
"คุณก็ต้องใส่ใจเรื่องใหญ่ๆสามสี่เรื่อง คือ
หนึ่ง คือ คุณต้องสร้างความมั่นคงเรื่องการดูแลสุขภาพ คือคุณต้องตัดสินใจว่าจะอยู่กับประกันสังคมต่อ หรือจะขอรับบำนาญประกันสังคมเพื่อไปใช้สวัสดิการ 30 บาทแทน คุณต้องตัดสินใจทันที จะโลเลไม่ได้ อย่างจะขออยู่กับประกันสังคมไปก่อนแบบจ่ายเบี้ยสมทบเอง แล้วต่อมาเปลี่ยนใจจะขอรับบำนาญเพื่อไปอยู่กับ 30 บาท อย่างนี้ไม่ได้ เพราะการคำนวณบำนาญเขาใช้เงินเดือนช่วงสุดท้าย ซึ่งถ้าคุณจ่ายเบี้ยเองเขาคิดเงินเดือนให้คุณแค่เดือนละ 750 บาท ไม่ใช่ 15000 บาทนะ พอคำนวณเงินบำนาญออกมาแล้วได้นิดเดียว ทำให้คุณเสียสิทธิบำนาญที่พึงได้
คุณอย่าไปคิดว่าบำนาญเดือนละห้าหกพันนี่มันจิ๊บจ๊อยนะ เพราะเมื่อคุณแก่งั่กไม่มีรายได้แล้ว.."
ลูกน้อง
"โอ๊ยไม่จิ๊บจ๊อยคะจารย์ นี่ 600 ก็จะเอาแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า" อีกคนว่า
"ของหนูยื่นไปแล้ว..ว"
หมอสันต์
"เรื่องที่สอง คือ คุณต้องสร้างความมั่นคงเรื่องที่ซุกหัวนอน ถ้าคุณยังไม่มีบ้านหรือที่ซุกหัวนอนของตัวเอง ผมแนะนำให้คุณขวานขวายซื้อหรือปลูกบ้านเป็นของตัวเอง ปลูกบ้านหลังเล็กๆในชนบทก็ราคาไม่แพง เพราะแก่แล้วคุณจะไปอาศัยเช่าเขาไม่ได้ เพราะคุณจะไม่มีเงินค่าเช่าให้เขา
เรื่องที่สาม คือ คุณต้องสร้างความมั่นคงเรื่องอาหาร ให้คุณตั้งคำถามแบบงานวิจัยของนาซา เขาตั้งคำถามว่าการส่งมนุษย์อวกาศไปกลับดาวอังคารซึ่งใช้เวลานาน 3 ปี พื้นที่ยานอวกาศก็มีแค่สองตารางวา จะเอาอะไรให้มนุษย์อวกาศกิน แล้วผลวิจัยก็มาออกที่มันเทศ คือมันเทศเป็นอาหารที่ร่างกายมนุษย์กินมันเทศอย่างเดียวนานสิบยี่สิบปีก็สามารถอยู่ได้"
ลูกน้อง
"กินมันเทศอย่างเดียวเลยหรือจารย์"
หมอสันต์
"ใช่ คุณเคยเห็นคลิปที่เขาสัมภาษณ์คุณยายชาวโอกินาวาอายุ 106 ปีไหม เขาถามว่ากินอะไรถึงอายุยืน คุณยายตอบว่าตั้งแต่จำความได้ถึงอายุ 75 ปี กินมันเทศอย่างเดียวเช้ากลางวันเย็น"
ลูกน้อง
"แล้วหลังจากอายุ 75 ละ"
หมอสันต์
"คุณยายบอกว่าหลังจากนั้นมีอาหารแยะ ไม่กินมันเทศแล้ว กินเคนตั๊กกี้ฟรายด์ชิกเกนอร่อยกว่าแยะ หิ หิ
คือมันเทศนี้มันเป็นพืชที่มีรอบเก็บทุก 3 เดือน ใช้ที่สองตารางวาก็พอปลูกมันเทศเก็บกินได้ตลอดการเดินทางไปกลับดาวอังคาร แล้วงานวิจัยก็บอกว่าร่างกายได้แค่นี้ก็อยู่ได้ แต่ว่าคุณต้องกินทั้งเปลือกนะ ไม่งั้นคุณจะขาดวิตามินบี 12 เพราะดินที่ติดเปลือกเป็นแหล่งวิตามินบี 12"
ลูกน้อง
"ไม่ให้ล้างเลยหรืออาจารย์"
หมอสันต์
"บ้า ล้างสิ แต่ว่าแม้ว่าคุณจะล้างเอาแปรงขัดอย่างดีแล้ว แต่มันมีตาซึ่งดินที่ติดอยู่ตามรูตาของมันจะออกไม่หมด หลังจากนึ่งหรือเผาแล้วตรงนี้แหละที่จะให้วิตามินบี 12 แก่คุณ ดังนั้นการสร้่างความมั่นคงทางอาหารคุณต้องมีที่ดินอย่างน้อย 2 ตารางวาไว้ปลูกมันเทศ"
ลูกน้อง
"แล้วกินมันเทศอย่างเดียวไปตลอดชีวิต"
หมอสันต์
"ใช่"
ลูกน้อง
"ขอจิ้มน้ำตาลหน่อยได้ไหมจารย์ มันจืดหงะ"
หมอสันต์
"เฮ้ย คุณก็ปลูกพันธุ์ญี่ปุ่นสิ มันหวานออก"
ลูกน้อง
"แล้ววิธีปลูกมันเทศละจารย์"
หมอสันต์
"มันเทศมันปลูกง่าย คุณตัดยอดจิ้มมันก็ขึ้นแล้ว แต่ต้องทำดินให้เป็นดินทรายหน่อยนะ ไม่งั้นหัวมันแทงไม่ได้"
ลูกน้อง
"แต่หนูไม่สบายใจว่าแก่แล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้ละจารย์"
หมอสันต์
"ก็เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณจะได้ 600 บาทแล้วไม่ใช่หรือ ฮี่..ฮี่
คุณเป็นคนขี้ป๊อดไร้สาระ คือเป็นทุกข์กับจินตนาการเรื่องความมั่นคงทางการเงินในอนาคต ผมแนะนำให้คนอย่างคุณเอาเงินที่มีอยู่ตอนนี้สักสามหมื่นบาทไปซื้อบิทคอย ราคาตอนนี้สามหมื่นคุณจะซื้อได้ราว 1ล้าน ซาต (ซาโตชิ) คือหนึ่งบาทมีหนึ่งร้อยสตางค์ถูกไหม หนึ่งเหรียญบิทคอยก็มีหนึ่งร้อยล้านซาต ตามการคาดการณ์ของพวกนักเล่นบิทคอยเขาว่าอีกราว 10 - 20 ปี 1 ซาตจะมีมูลค่า 1 เหรียญสหรัฐ ถึงตอนนั้นคุณก็จะมีเงินหนึ่งล้านเหรียญหรือ 34 ล้านบาท คราวนี้คุณก็สบายใจเรื่องอนาคตอันยาวไกลได้ ถูกแมะ"
ลูกน้อง
"แล้วถ้าราคามันขึ้นๆลงๆทำให้เราใจตุ้มๆต่อมๆละจารย์"
หมอสันต์
"เวลาคุณซื้อหวย เมื่อยังไม่ถึงวันหวยออกมีไหมที่คุณจะคิดว่าคุณจะถูกกิน ฉันใดก็ฉันเพล คุณซื้อบิทคอยก็เหมือนซื้อหวย ยังไม่ถึงวันหวยออกคุณจะเต้นแร้งเต้นกาไปทำไม คุณก็แค่สบายใจว่าคุณจะถูกหวย แค่นี้ก็รักษาโรคขี้ป๊อดคุณได้แล้ว"
ลูกน้อง
"สรุปว่า รับบำนาญประกันสังคม ไปรับสวัสดิการสามสิบบาท ซื้อที่ซุกหัวนอน ซื้อบิทคอย ซื้อที่ดินสองตารางวา ปลูกมันฝรั่งกินตลอดชีวิต แล้วไงต่อจารย์"
หมอสันต์
"จบเรื่องสำคัญไปแล้ว คราวนี้คุณก็มีเวลาเหลือแยะ ไม่ต้องรีบร้อนลนลานทำอะไร คุณก็เอาเวลาที่มีมาหาความสุขกับการใช้ชีวิตไปทีละขณะ ทีละขณะ"
ลูกน้อง
"ทีละขณะแปลว่าไรจารย์"
หมอสันต์
"อย่างตอนนี้ คุณตั้งใจฟังซิ คุณได้ยินอะไรบ้าง"
ลูกน้อง
"เสียงนก เสียงไก่ เสียงจิ้งหรีด"
หมอสันต์
"ชีวิตคือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในใจซึ่งเกิดขึ้นที่ที่นี่เดี๋ยวนี้ แต่ละประสบการณ์ประกอบขึ้นจากองค์ประกอบห้าส่วนย่อยคือ (1) สิ่งเร้าที่เข้ามา (2) ความรู้สึก (3) ความจำ (4) ความคิด และ (5) ความสนใจของเรา การใช้ชีวิตไปทีละขณะก็คือการรู้จักมีประสบการณ์ที่เดี๋ยวนี้แบบ joyfully ไม่ใช่แบบ miserably ซึ่งเทคนิคก็คือการดึงความสนใจออกมาจากความคิด มารับรู้สิ่งที่โผล่เข้ามาทีเดี๋ยวนี้แบบรับรู้แล้วยอมรับ ทีละขณะ ทีละขณะ โอเคไหม "
ลูกน้อง
"แล้วถ้าหนูอยากจะเกษียณไปวิ่งในลู่เงินละอาจารย์"
หมอสันต์
"ถ้าจะวิ่งในลู่เงิน ก่อนอื่นผมแนะนำให้คุณไปสมัครเรียนและสอบเป็นผู้จัดการบ้านพักผู้สูงวัย เรียนสักร้อยสองร้อยชั่วโมงเองก็สอบได้แล้ว การได้ใบอนุญาตนี้จะทำให้คุณทำธุรกิจบ้านผู้สูงอายุได้โดยไม่ต้องพึ่งหมอหรือพึ่งใครเลย"
ลูกน้อง
"อ๋อ ไอ้เอไปสอบมาแล้ว มันสอบตก"
หมอสันต์
"ฮ้า จริงหรือ คุณเป็นหัวหน้าไอซียู. คุณฉลาดเกิดไป จึงสอบตก ไปสอบใหม่ การสอบอะไรพวกนี้คุณต้องทำสมองให้บื้อๆหน่อยคุณจึงจะสอบได้
จากนั้นคุณก็ย้ายไปอยู่เมืองที่มันมีเงิน ซึ่งผมแนะนำให้เมืองเดียว คือภูเก็ต"
ลูกน้อง
"โฮ้ย ภูเก็ตแน่นแล้วจารย์ ที่ดินก็แพง"
หมอสันต์
"ไม่จริ๊ง ภูเก็ตพื้นที่ใหญ่กว่าสิงคโปร์เท่าตัว มีคนไม่ถึงห้าแสน สิงคโปร์มีคน 5ล้านกว่า ยังไม่แน่นเลย ภูเก็ตยังรับคนได้อีกแยะ คุณจะวิ่งในลู่เงินคุณต้องไปที่นั่น เพราะเงินมันอยู่ที่นั่น
คุณมีใบอนุญาตให้ทำบ้านพักผู้สูงอายุ แล้วคุณก็ย้ายไปอยู่ภูเก็ต แล้วปลูกบ้านชั้นเดียวสี่ห้องนอน คุณนอนเองหนึ่งห้อง อีกสามห้องคุณประกาศผ่าน booking.com หรือ AirB&B เปิดรับนักท่องเที่ยวมาอยู่กับคุณ แล้วค่อยๆย้ายกลุ่มลูกค้าเป็นผู้สูงวัยที่มาอยู่กับคุณเพื่อให้คุณช่วยเป็นโค้ชเปลี่ยนนิสัยการกินการอยู่ให้เขาหายจากโรคเรื้อรัง คุณตั้งใจช่วยให้เขาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์จนเขาหายจากโรคได้ คุณก็จะดังจากที่ลูกค้าเขาบอกต่อ แป๊บเดียวคุณก็จะมีเงิน
นี่ผมจะเล่าให้ฟัง หลายปีมาแล้วผมไปขับรถเที่ยวทางตอนเหนือของอังกฤษ ไปกัน 6-7 คน ยายแก่เจ้าของบ้านอายุ 76 ปีคนเดียว ทั้งจัดห้องหับปูที่หลับที่นอนและทำอาหารเช้าให้พวกเรากิน คนเดียวเอาอยู่หมด"
ลูกน้อง
"อย่างนี้ก็ต้องกลับไปเรียนภาษาอังกฤษก่อนสิจารย์" อีกคนว่า
"ทำไมเราต้องสุดโต่งไปทั้งสองข้างละจารย์ หนูทำไม่ได้ทั้งสองอย่าง"
หมอสันต์
"คุณจะเอาแบบกลางๆก็ได้ คือทำทั้งสองแบบ กลางตรงไหนหรือค่อนไปทางไหนเหมาะกับคุณ คุณก็เลือกเอาตรงนั้น"
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์