ผลวิจัยในคนเรื่องเนื้อสัตว์ ถั่ว ผัก กับการเกิดกรดยูริกสูง
![]() |
ยืนบนพื้นชั้น 1 เงยหน้ามองพื้นชั้น 2บ้านไทย สร้างโดยฝรั่ง เห็นเทคนิคการใช้ไม้ชิ้นเล็กๆ ตียันป้องกันคานบิดในแนวราบ..ช่างเข้าใจคิด! |
เรียนคุณหมอสันต์
ผมอายุ 45 ปีเป้นเก้าท์ มีกรดยูริกสูง แต่ไม่ได้กินยาลดกรดยูริก กินแต่ยาแก้ colchicine เวลาปวดข้อ ข้อบวม ผมอ่านที่คุณหมอตอบคำถามในบล็อกว่าเป็นเก้าท์ถ้ากินอาหารแบบ DASH ซึ่งมีพืชผักผลไม้ถั่วนัทมาก โรคจะดีขึ้น แต่ตัวผมเองแค่ผมกินชะอมในไข่ทอดผมก็ปวดข้อแล้ว จึงข้องใจว่าทำไมผมไม่เหมือนในงานวิจัยที่ว่านั้นครับ
................................................
ตอบครับ
1. งานวิจัยในห้องแล็บทำให้เราทราบว่าร่างกายสร้างกรดยูริกขึ้นมาโดยย่อยโมเลกุลตั้งต้นชื่อพิวรีน (purines) ให้เป็นโมเลกุลในกลุ่มนิวคลีโอไซด์แล้วย่อยต่อไปเป็นเบสเช่นไฮโปแซนทีนซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นกรดยูริกโดยเอ็นไซม์แซนทีนดีไฮโดรจีเนส นี่เป็นกลไกหนึ่ง และเป็นเหตุให้แพทย์แนะนำให้คนเป็นเก้าท์หลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูง
แต่มันยังมีอีกหลายกลไกที่นำไปสู่การเพิ่มกรดยูริกทางอ้อมเช่นการเผาผลาญน้ำตาลฟรุคโต้ส การเผาผลาญแอลกอฮอล์ เป็นต้น แล้วก็ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่อธิบายกลไกไม่ได้ เช่น ทำไมกรดยูริกไปสูงสัมพันธ์กับความดันสูง ความอ้วน ไขมันสูง และเบาหวาน เป็นต้น
ดังนั้นบ่อยครั้งมากที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร่างกายคนไม่ได้เป็นไปตามกลไกที่วงการแพทย์ค้นพบ ทั้งนี้เป็นเพราะความรู้แพทย์มันจำกัด มันไม่สามารถอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้หมด และบางครั้งอธิบายได้เกือบหมดแต่ก็อธิบายความแตกต่างในคนสองคนไม่ได้ คือมันมีประเด็นลางเนื้อชอบลางยาอยู่ด้วยอีกต่างหาก
2. การวิจัยทางคลินิกเรื่องการใช้อาหาร DASH รักษาเก้าท์ ไม่เกี่ยวกับงานวิจัยในห้องแล็บ การวิจัยทางคลินิกเป็นการวิจัยในคนจริงๆ ซึ่งบางครั้งผลที่ได้ก็ตรงกันข้ามกับการวิจัยในห้องแล็บเพราะในคนมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้แตกต่างจากห้องแล็บ แม้วงการแพทย์จะถือว่าการวิจัยในคนจริงๆเป็นระดับชั้นที่สูงกว่าเชื่อถือได้มากกว่าการวิจัยในห้องแล็บก็จริง แต่การวิจัยในคนบอกได้แต่ว่ามีโอกาสเกิดเหตุการณฺ์เช่นนั้นมากหรือน้อย ซึ่งข้อสรุปแค่นี้ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องเป็นเช่นนั้นในคนทุกๆคน เช่นหากมีโอกาสเกิด 80% ก็ย่อมจะมีอีก 20% ที่ไม่เกิด เป็นต้น ดังนั้นการนำผลวิจัยในคนไปใช้ก็ต้องระลึกเสมอว่ามันบอกได้แค่โอกาสเกิด มันไม่ได้บอกว่ามันจะต้องเกิดอย่างนั้น
3. ในกรณีความสัมพันธ์ระหว่างการกินผักมากกับการเพิ่มหรือลดกรดยูริกในร่างกายนี้ มีงานวิจัยแบบตัดขวางงานหนึ่งที่น่าสนใจที่พวกนักวิจัยอเมริกันเข้าไปทำที่ประเทศจีน ทำกับประชากรหมื่นกว่าคน ตีพิมพ์ไว้ในวารสาร Nutrients โดยดูอาหารที่กินเทียบกับระดับกรดยูริก ผลวิจัยพบว่าในบรรดาอาหารพิวรีนสูงด้วยกัน เนื้อสัตว์และถั่วสัมพันธ์กับการมีกรดยูริกสูงแบบฉิวเฉียด (p<0.05) ส่วนอาหารพิวรีนสูงในกลุ่มเห็ดและผักต่างๆนั้นไม่สัมพันธ์กับการมีกรดยูริกสูงเลย
งานวิจัยนี้ทำให้เราทราบว่าอย่างน้อยในกลุ่มประชากรชาวจีน โมเลกุลพิวรีนในเนื้อสัตว์และถั่วมีผลต่อการเพิ่มระดับกรดยูริกในเลือดจริง แต่พิวรีนในเห็ดและผักต่างๆไม่มีผลต่อการเพิ่มระดับกรดยูริก ซึ่งข้อมูลนี้ก็เป็นอีกข้อมูลหนึ่งที่เชียร์ให้คนกินผักมากกว่าการกินเนื้อสัตว์เมื่อเป็นเก้าท์ โดยทั้งนี้ต้องระลึกถึงประเด็นลางเนื้อชอบลางยาไว้ด้วย กล่าวคือบางคนกินผักบางอย่างแล้วมีอาการข้ออักเสบทันตาเห็น ก็ต้องหลีกเลี่ยงผักชนิดนั้นเอาเอง
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. Aihemaitijiang S, Zhang Y, Zhang L, Yang J, Ye C, Halimulati M, Zhang W, Zhang Z. The Association between Purine-Rich Food Intake and Hyperuricemia: A Cross-Sectional Study in Chinese Adult Residents. Nutrients. 2020 Dec 15;12(12):3835. doi: 10.3390/nu12123835. PMID: 33334038; PMCID: PMC7765492.
2. Juraschek, S. P., Gelber, A. C., Choi, H. K., Appel, L. J. and Miller, E. R. Effects of the Dietary Approaches To Stop Hypertension (DASH) Diet and Sodium Intake on Serum Uric Acid. J Arthritis & Rheumatology2016. (Accepted Author Manuscript) doi:10.1002/art.39813
3. Choi HK, Curhan G. Soft drinks, fructose consumption, and the risk of gout in men: prospective cohort study. BMJ2008; 336 : 309 doi: 10.1136/bmj.39449.819271.BE