แผนเกษียณแบบเกาะบิทคอยกินจนสิ้นชาติ

เกวาเลีย


กราบเรียนคุณหมอสันต์

คุณหมอพอจำได้ไหมครับ เมื่อห้าปีก่อนตอนผมอายุ 70 ภรรยาผมเสียชีวิต ผมเศร้ามาก มึนงงไปหมดทุกอย่างรวมทั้งเรื่องจะดูแลเรื่องเงินทองตัวเองอย่างไรให้อยู่รอดไปจนวันตายได้โดยไม่ต้องรบกวนลูกสาวซึ่งแต่งงานไปอยู่เมืองนอกนานแล้ว เนื่องจากภรรยาเขาเคารพนับถือหมอสันต์มาก เชื่อหมอสันต์มากกว่าเชื่อผมหลายเท่า ผมจึงเขียนมาถามหมอสันต์ว่าสิ่งที่ผมเหลืออยู่มีแต่เงินสด 5 ล้านบาทผมควรจะทำยังไงให้มันพอเลี้ยงดูตัวเองไปจนตาย คุณหมอตอบว่าให้ลดเงินสดเหลือ 5% คือ 250000 บาทก็พอ แล้วเอาเงินที่เหลือไปซื้อทอง 30% ซึ้อที่ดินต่างจังหวัดที่ทำเกษตรได้ 40% และซื้อบิทคอย 5% ผมไม่ได้ทำตามคุณหมอทั้งหมดแต่ที่ได้ทำตามคือเอาเงินส่วนหนึ่งไปซื้อทองและอีกสองแสนห้าไปซื้อบิทคอย  ซึ่งตอนนั้นซื้อได้หนึ่งเหรียญ ตอนนี้ราคามันเพิ่มขึ้นเป็นสามล้านห้า ผมอายุได้ 75 ปี ก็เกิดคำถามต้องรบกวนคุณหมออีกว่าผมควรจะขายบิทคอยเพื่อเอาเงินมาทะยอยกินทะยอยใช้ดีไหมเพราะไหนๆก็ใกล้จะตายแล้ว ขอความเห็นครับ ผมไม่ต้องการฟังความเห็นที่ปรึกษาการเงิน แต่จะฟังคุณหมอครับ 
ขอบพระคุณครับ 
....................................................
ตอบครับ
    มาอีกละ จดหมายกึ่งไร้สาระและมาผิดที่ แต่นี่เป็นลูกค้าเก่าเคยเขียนมาหาเมื่อห้าปีที่แล้ว (https://visitdrsant.blogspot.com/2020/05/70-20.html) ก็ต้องได้รับการอาใจใส่เป็นพิเศษ อีกอย่างหนึ่งเขียนแต่เรื่องสุขภาพก็เบื่อ เขียนนอกเรื่องบ้างก็หนุกดี แต่ทั้งนี้ท่านผู้อ่านต้องใช้วิจารณญาณนะครับ บทความนี้หมอสันต์ตอบคำถามในเรื่องที่ตัวเองไม่มีความรู้ ดังนั้นผิด ถูก ชั่ว ดี ถี่ ห่าง เป็นเรื่องที่ท่านต้องใช้วิจารณาญาณเอาเอง 
    1. ถามว่าอายุ 76 ปี มีเหรียญบิทคอยอยู่หนึ่งเหรียญ จะขายทิ้งเอาเงินมาทะยอยใช้จ่ายได้ไหม ตอบว่าก็ถ้าเงินสดมันหมดเก๊ะยังไงมันก็ต้องขายสมบัติเก่าอื่นๆกินอยู่แล้วแหละครับ ไม่งั้นจะเอาอะไรกินละ แต่ผมแนะนำให้ขายทรัพย์ตามลำดับ ดังนี้ คือ (1) ใช้เงินสดๆที่ฝากแบงค์ไว้ให้จวนหมดก่อน (2) เงินสดจวนหมดแล้วก็ไปขายที่ดิน (ถ้ามีที่ดิน) (3) ขายที่ใช้เงินหมดแล้วก็ไปขายทอง (4) ขายทองใช้เงินหมดแล้วจึงค่อยไปขายบิทคอย 
    2. ในการขายบิทคอยก็ไม่ควรขายโครมเดียวหมดทั้งเหรียญ ทำอย่างนั้นจะโดนภาษี capital gain tax นะ เพราะคุณซื้อขายผ่านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ผมไม่รู้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ รู้แต่ว่าถ้าขายโครมเดียวภาษีจะแยะอยู่ วิธีขายบิทคอยที่ดีคือเฉือนขายทีละนิดๆเท่าที่คุณจำเป็นต้องใช้เงิน คือค่อยๆเฉือนขายแบบหาเช้ากินค่ำ ขายรายวัน หรือขายรายเดือนเลยละ 
    คือคุณอย่าไปมองว่าหนึ่งเหรียญบิทคอยคือหนึ่งหน่วยการเงิน ให้คุณมองว่าหน่วยที่เล็กที่สุดของมันคือซาต (ย่อมาจากซาโตชิ) อุปมาเหมือนเงินหนึ่งบาทมีหน่วยที่เล็กที่สุดคือ 100 สตางค์ บิทคอยหนึ่งเหรียญก็มีหน่วยที่เล็กที่สุดของมัน คือ 100,000,000 ซาต (หนึ่งร้อยล้านซาต) แล้วผมแนะนำว่าในการเฉือนขายในแต่ละครั้งรวมแล้วคุณไม่ควรเฉือนขายมากกว่า 10% ของที่คุณมีในแต่ละปี เช่นรอบแรกตั้งต้นด้วยคุณมีร้อยล้านซาตคุณร้อนเงินมากก็เฉือนขายมากสุดในปีนี้ได้ไม่เกินสิบล้านซาตได้เงินมา 350,000 บาท คุณก็ใช้แค่นี้แหละทั้งปี ด้วยวิธีนี้มูลค่าบิทคอยของคุณจะค่อยๆเพิ่มขึ้นแบบกินไม่หมดจนคุณตาย เพราะการเพิ่มค่าของบิทคอยในอดีตสิบปีที่ผ่านมามันเพิ่มประมาณหนึ่งเท่าตัวในทุกๆปี ในอนาคตมันอาจจะเพิ่มแค่ 20-30% ต่อปี แต่ยังไงมันก็เพิ่มมากกว่าที่คุณจะเฉือนขาย 10% ต่อปี วิธีนี้ก็จะทำให้คุณมีมูลค่าเพิ่มจากเหรียญเหลือกินมากขึ้นๆไปจนตาย 
    3. แผนเกษียณแบบเกาะบิทคอยกินจนสิ้นชาติแบบที่หมอสันต์แนะนำนี้ จะเอาไปใช้กับทรัพย์อย่างอื่นไม่ได้นะครับ เพราะทรัพย์อย่างอื่นมันเป็นทรัพย์ที่มีการด้อยค่าลงไปเรื่อยๆ จะด้วยความเสื่อมของตัวทรัพย์เองหรือจะด้วยเกิดมีทรัพย์ลักษณะเดียวกันเพิ่มเข้ามาเจือจางเรื่อยๆก็แล้วแต่ เช่น ทองคำมีการทำเหมืองทองขุดเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ หุ้นก็มีกำไรมีขาดทุน เงินสดก็เสื่อมราคาเร็วเพราะรัฐบาลสหรัฐฯช่างขยันพิมพ์แบงค์ออกมาใช้มาก เป็นต้น แต่บิทคอยเป็นทรัพย์ที่ทั้งโลกมีอยู่แค่ 21 ล้านเหรียญไม่มีเพิ่ม จึงต้องไปเพิ่มกันที่มูลค่าต่อเหรียญ มันจะเพิ่มขึ้นไปได้ถึงไหนไม่มีใครรู้ ต้องดูทางลมกันไปแบบปีต่อปี ทางลมขณะนี้ค่อนข้างชัดว่ามันจะเพิ่มไปได้อีกนานหลายสิบปี ทั้งนี้ผมเดาเอาจากลางบอกเหตุสองสามอย่าง คือ 
    ลางบอกเหตุ 1. อเมริกาได้ออกกฎหมายรองรับให้ตลาดหลักทรัพย์เอาตั๋วซื้อขายบิทคอยล่วงหน้า (ฺBitcoin Exchange Trading Fund - ETF) เข้าบันทึกเป็นสินทรัพย์ขององค์กรและซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ได้แล้ว 
    ลางบอกเหตุ 2. รัฐบาลทรัมป์คุยโม้ว่าจะโยก federal reserve fund ส่วนหนึ่งมาเก็บไว้ในรูปของบิทคอยและจะทำให้สหรัฐฯเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีคริปโตของโลก หากสหรัฐฯซื้อบิทคอยเก็บจริง ประเทศอื่นรวมทั้งประเทศไทยก็จะต้องซื้อเก็บตามเขาไปแบบเห็นช้างขี้แล้วก็ต้องถูกบังคับให้ขี้ตามช้างมิฉนั้นเงินของตัวเองก็จะไม่มีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับเงินสหรัฐฯ ข้อมูลนับถึงตอนนี้คือทั้งสหรัฐฯและจีนต่างก็แอบมีเหรียญบิทคอยเก็บไว้ประเทศละหลายแสนเหรียญแล้ว 
    ลางบอกเหตุ 3. ในอีกไม่กี่ปีนี้ AI จะครองโลก ผู้ที่จะเอาความเป็น AI ไปรับทำจ๊อบใหญ่น้อยต่างๆมีชื่อเรียกในภาษาบ้านๆตอนนี้ว่าเอเย่น (Agent) ซึ่งเอเย่นเหล่านี้พวกมันจะต้องรับค่าจ้างแบบเก็บเงินก่อนแล้วทำจ๊อบให้ทีหลัง แถมพวกมันยังจะจ้างเหมาช่วงต่อๆไปในหมู่เอเย่นด้วยกันด้วย ทำให้พวกมันจะรับจ่ายเงินกันเป็นเงินคริปโตเป็นส่วนใหญ่เพราะมันทำได้ง่ายและทำได้เร็วโดยไม่ต้องสนหน้าอินหน้าพรหมว่าผู้ว่าจ้างของมันเป็นใครอยู่ที่ไหน ถึงยุคนั้น บิทคอยก็จะกลายเป็นเงินตราหลักของโลก      
   4. ถามว่าสำหรับผู้อ่านทั่วไป ควรจะปฏิบัติตามแผนเกษียณแบบเกาะบิทคอยกินจนสิ้นชาติที่หมอสันต์แนะนำแฟนบล็อกรายนี้ด้วยไหม ตอบว่า.. 
    "การลงทุนมีควาผู้ทุควษามูก่อลน......"
(เป็นสคริปต์โฆษณาขายหุ้นทางวิทยุสมัยก่อนซึ่งพูดแบบเร็วปรื๋อชนิดตั้งใจให้ฟังไม่รู้เรื่อง ว่า "...การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน")
หิ หิ หิ ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

หมอสันต์สวัสดีปีใหม่ 2568 / 2025

หมอสันต์กราบขออภัย และขอเปิดรับสมัคร์แค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเอง (RDBY 33) ใหม่