HIPEC การผ่าตัดแล้วใส่ยาต้มเข้าไปในช่องท้อง
ส่งจาก iPhone ของฉัน
เรียนคุณหมอสันต์คุณแม่อายุ 87 ปี เริ่มมีอาการท้องโตประมาณปลาย ปี 64 ไม่มีอาการปวด ทำ ซีทีสแกน รพ.เอกชนใกล้บ้านพบความผิดปกติบ
-ควรจะผ่าตัดไหมค่ะ กลัวผลข้างเคียงหลังการผ่าตัดมา
-ถ้าไม่ผ่าตัดรักษาตามอาการต้อง
ขอบคุณคุณหมออย่างสูงค่ะ
...........................................................
ตอบครับ
ก่อนตอบคำถามขอนิยามศัพท์คำว่า HIPEC เพื่อให้ท่านผู้อ่านทั่วไปตามทันเสียหน่อย มันย่อมาจาก hyperthermic intra pertoneal chemotherapy แปลว่าการรักษาเนื้องอกที่ลุกลามในช่องท้องชนิดตัดยังไงก็ไม่หมด โดยผ่าตัดเอาส่วนที่ตัดได้ออกให้เกลี้ยง แล้วเอาน้ำยาเคมีบำบัดที่ต้มให้ร้อนระดับน้ำออนเซ็นญี่ปุ่น (43 องศา) ใส่เข้าไปในช่องท้อง ขังไว้สักพักใหญ่ ก่อนจะระบายออกแล้วเย็บปิดเผลผ่าตัด
เอาละคราวนี้มาตอบคำถาม
1. ถามว่าคุณแม่อายุ 87 เป็นมะเร็งเต็มช่องท้องระดับตัดไม่หมดมีอาการท้องมานและขาดอาหาร ควรจะยอมผ่าตัดแบบยกยวงแล้วรักษาโดยใส่ยาต้มร้อนๆเข้าช่องท้องไหม ตอบว่าอ้าว มาถามอะไรหมอสันต์ละครับ ของอย่างนี้ก็ต้องถามคุณแม่ดูสิครับ ความจริงท่านก็ได้ตอบคุณแล้ว ว่าท่านกลัวจนต้องเลื่อนการผ่าตัดออกไปไม่มีกำหนด แปลว่าท่านไม่เอา เมื่อท่านไม่เอาก็คือไม่เอา มันเป็นชีวิตของท่านที่ท่านมีอำนาจตัดสินใจ ไม่ใช่กงการอะไรของเราในฐานะลูกหลานจะไปบังคับให้ท่านเอา
2. ถามว่าการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกแบบยกยวงแล้วใส่ยาต้มเข้าช่องท้องจะมีประโยชน์คุ้มความเสี่ยงไหม ตอบว่าในแง่ของการทำให้มะเร็งหายเลยนั้น ยากส์..ส์ (มีเติมเอสด้วยนะ แปลว่ายากมาก) ส่วนในแง่ของการบรรเทาอาการ อันนี้สถิติก็ยังสรุปได้ไม่ชัด จึงพูดได้แค่ว่ามันเป็นทางเลือกการรักษาที่ประโยชน์และความเสี่ยงในภาพรวมยังบอกไม่ได้ เพราะยังไม่มีงานวิจัยเปรียบเทียบที่มีกลุ่มใหญ่พอจะพิสูจน์ตรงนี้ได้ จึงต้องได้แต่คอยลุ้นกันเป็นรายๆไปครับ แบบว่าตาดีได้ ตาร้ายเสีย
3. ถามว่าถ้าไม่ทำผ่าตัดแล้วจะทำไงกับอาการหลงลืม ขาดสารอาหาร และโลหิตจาง ตอบว่าถึงทำผ่าตัดก็ใช่ว่าทั้งสามปัญหานี้จะหายไปแบบปลิดทิ้ง กล่าวคือหากการผ่าตัดประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาลำไส้อุดตันก็จะบรรเทาอาการทั้งสามซึ่งสัมพันธ์กับการขาดสารอาหารได้ชั่วระยะหนึ่งจนกว่ามะเร็งจะโตขึ้นมาคับท้องอีก แต่หากการผ่าตัดไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาการอุดตันของลำไส้ อาการทั้งสามก็จะยิ่งหนักกว่าเดิมหรือไม่ก็พาล..เด๊ดสะมอเร่ไปเพราะการผ่าตัดเดี๋ยวนั้นเลย เพราะตัวการผ่าตัดเองเป็นตัวใช้พลังงานสำรองของผู้ป่วยซะหมดเกลี้ยง
ดังนั้นหากเลือกทางผ่าตัดก็ต้อง "นั่งลุ้น" หากเลือกทางไม่ผ่าตัดก็ต้อง "ยอมรับ" ว่าต่อจากนี้ไปก็คือการขาดสารอาหารแรงขึ้นๆ โลหิตจางลงๆ แล้วจบลงด้วยการเสียชีวิต ซึ่งก็ไม่ใช่ของแปลกอะไรสำหรับคนวัย 87 ปี ซึ่งอีกไม่กี่ปีก็จะขึ้นเลข 9 อันเป็นวัยที่โฉลกคำเมืองเหนือโบราณว่าไว้ว่า...
"..ไข้ก็ตาย ไม่ไข้ก็ตาย"
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์