06 กรกฎาคม 2566

คุณสร้างอนาคตของคุณได้นะ ด้วยการเล่นเกมเล็กๆเกมหนึ่ง

(ภาวพวันนี้ / บานบุรี สีม่วงอ่อน)

คุณหมอสันต์ครับ

นับตั้งแต่ผมเป็นมะเร็งผ่าตัดและคีโมแล้ว ได้ทำตามคุณหมอแนะนำ คือเลิกทำงานที่ทำให้เครียด หันเข้าหาธรรมะ แต่กลับพบว่าจิตใจไม่ปลอดโปร่ง มันอึมครึม ไม่แจ่มใส่ เหมือนชีวิตไร้ค่า เป็นเพราะอะไร ในการจะหายจากมะเร็งนี้อะไรที่ผมควรทำมากที่สุด แพทย์ได้ให้ตัวเลขของมะเร็งตับอ่อนที่ผมเป็นว่าผมจะมีอายุเฉลี่ยไปได้อีก 6 เดือน มันช่างเป็นคำทำนายที่แทบไม่บอกอะไรผมเลย ทำอย่างไรผมจะทำนายอนาคตของผมได้อย่างแม่นยำกว่าตัวเลขแบบลุ่นๆของแพทย์

……………………………………………….

ตอบครับ

1.. ถามว่าพอเลิกทำงานที่ทำให้เครียด หันเข้าหาธรรมะ เพื่อจะให้หายจากมะเร็ง แต่กลับพบว่าจิตใจไม่ปลอดโปร่ง มันอึมครึม ไม่แจ่มใส่ เหมือนชีวิตไร้ค่า เป็นเพราะอะไร ตอบว่าเป็นเพราะเราเสพย์ติดชีวิตของเราที่ผ่านมา แม้มันจะไม่ใช่ชีวิตที่เราชื่นชอบมากมายนัก แต่เราก็เสพย์ติดมันไปแล้ว พอจะไม่มีมันจริงๆเข้า เรากลัวการลงแดง (withdrawal symptom)

คนเรามีปกติที่ไม่คุ้นกับการอยู่กับความว่างเปล่าของเดี๋ยวนี้ หากต้องอยู่ที่เดี๋ยวนี้จะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ต้องรีบคว้าโทรศัพท์มือถือหรือไอแพดขึ้นมาจิ้มโน่นจิ้มนี่ เพราะทำอย่างนั้นมันเป็นความคุ้นเคยที่ได้ทำแล้วสบายใจ มันเป็นพื้นที่ที่เรารู้จักคุ้นเคยดี แต่ที่ “เดี๋ยวนี้” ซึ่งมีแต่ความว่างเปล่ามันน่ากลัวยิ่งกว่า คนจึงชอบกระตุ้นให้ตัวเองกังวลไว้เสมอเพราะนั่นมันเป็นความคุ้นเคย นานไปคนเราก็เสพย์ติดความกังวลที่ตัวเองกระตุ้นขึ้นมา ปากก็บอกว่าเราไม่ชอบความกังวลเพราะมันทำให้เราเป็นมะเร็ง แต่แท้จริงเราได้เสพย์ติดความคิดกังวลนั้นไปเรียบร้อยแล้ว และทำท่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หากไม่มีมัน ต้องคอยยืนยันว่าตัวเองยังอยู่ในความคิดกังวลที่คุ้นเคยอยู่หรือเปล่า หากยังอยู่ก็จะได้สบายใจเพราะนี่เป็นพื้นที่ที่รู้จักดี มันเป็นการซ้อมซ้ำๆซากๆเพื่อฝังร่างกายให้คุ้นเคยกับภาวะเครียด นั่นคือสิ่งที่ผมเรียกว่าการเสพย์ติดความคิด ความจริงวิทยาศาสตร์รู้มานานแล้วว่าฮอร์โมนเครียดเป็นสิ่งเสพย์ติด ข้อเสียคือเมื่อบ่มความคิดเดิมซ้ำๆซากๆในหัว ในที่สุดเราจะเผลอเชื่อมันจนมันทำให้เราเป็นไปตามนั้นจริงๆ

2.. ถามว่าการดูแลร่างกายให้หายจากมะเร็งต้องทำอย่างไร ตอบว่าวิชาแพทย์ยังไม่รู้วิธีที่จะทำตัวเองให้หายจากมะเร็งแบบเด็ดๆชงัดๆ แต่ผมแนะนำจากสามัญสำนึกของผมเอง ว่าการใช้ชีวิตที่ผ่านมา (อาหาร การออกกำลังกาย ความเครียด) นำเรามาสู่การเป็นมะเร็ง เราไม่มีทางออกไปจากมะเร็งได้หากเรายังใช้ชีวิตเหมือนเดิมแบบที่ผ่านมา ดังนั้นวิธีของผมคือต้องเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง (total lifestyle modification) เลิกกินของที่เคยกินมากินของที่ไม่เคยกิน เช่นเลิกกินเนื้อสัตว์มากินแต่พืช เลิกทำสิ่งที่เคยทำมาทำสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่นไม่เคยออกกำลังกายก็ออก ไม่เคยนั่งสมาธิก็นั่ง นั่นคือวิธีที่ผมแนะนำครับ ซึ่งไม่มีหลักฐานวิจัยอะไรรองรับดอกว่าทำแล้วมันจะสำเร็จ แต่ผมเชียร์ให้คุณทดลองกับตัวเอง เพราะคุณมีอำนาจจะพิสูจน์ว่ามันจะสำเร็จจริงหรือไม่ด้วยการทดลองปฏิบัติกับตัวเอง คุณศรัทธาวิทยาศาสตร์ไม่ใช่หรือ คุณนั่นแหละเป็นนักวิทยาศาสตร์ ให้คุณทำการทดลองกับตัวเอง

3.. ถามว่าตัวเลขการพยากรณ์โรคของแพทย์ช่างกำกวม ทำอย่างไรเราจึงจะทำนายอนาคตของเราได้แม่นยำกว่าตัวเลขกำกวมของแพทย์ ตอบว่าคุณสามารถทำนายอนาคตของคุณอย่างแม่นยำได้นะ ด้วยการสร้างอนาคตนั้นขึ้นมาด้วยตัวคุณเอง คุณสนใจไหมละ ถ้าคุณสนใจผมจะสอนวิธีเล่นเกมสร้างอนาคตให้

ขั้นที่ 1. ตกลงกันก่อนนะว่าอนาคตในเกมนี้คือชีวิตที่ไม่เหมือนอดีต ซึ่งนำคุณมานั่งอมทุกข์อยู่ที่นี่ ดังนั้นในเกมนี้เราจะไม่คิดอย่างที่เคยคิด เราจะไม่ทำอย่างที่เคยทำ งานวิจัยพบว่าความคิดวันนี้ 90% เหมือนความคิดเมื่อวาน โธ่ถัง พุทธัง ธัมมัง สังคัง คุณคิดแบบเดิม ตัดสินใจเลือกแบบเดิม ทำอะไรแบบเดิม มีอารมณ์แบบเดิม แล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนได้ไหม

ขัั้นที่ 2. ก่อนเล่นเกม คุณนั่งสัมนากับตัวเองก่อน ว่าคุณอยากจะมีอนาคตแบบไหน ร่างกายของคุณจะเปลี่ยนจากแบบไหนไปเป็นแบบไหน บุคลิกของคุณจะเปลี่ยนจากแบบไหนไปเป็นแบบไหน อารมณ์ของคุณจะถูกเปลี่ยนจากแบบไหน ไปเป็นแบบไหน ความคิดของคุณจะถูกเปลี่ยนจากแบบไหนไปเป็นแบบไหน อยากมีความสุข อยากมีสุขภาพดี อยากมีชีวิตที่มีความหมายมีประโยชน์ ก็เอามากำหนดเป็นเป้าหมายของเกม สัมนากับตัวเองให้ลงตัวอย่างดิบดีก่อน

ขั้นที่ 3. คุณจะต้องตื่นเช้าขึ้นมานั่งสมาธิทุกเช้า คือคุณต้องมีเวลาให้กับเกมนี้อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ในการนั่งสมาธิ เมื่อคุณหลับตาลงแล้ว ให้แบ่งการนั่งสมาธิเป็นสองเฟส เฟสแรกคุณหลับตาซ้อมการเป็นคนใหม่ในอนาคตคือวันนี้ในใจ เอาแค่วันนี้วันเดียว วันนี้เป็นวันใหม่ ชีวิตวันนี้เป็นชีวิตใหม่ New day, New life ซ้อมก่อนฝึกสมาธิ ซ้อมว่าเมื่อนั่งสมาธิจบแล้วคุณจะเดินออกจากตรงนี้ไปด้วยบุคลิกท่าทางแบบไหน จะเคลื่อนไหวอย่างไร คิดอย่างไร พูดอย่างไร ซ้อมบทสำคัญที่จะทำไว้ตลอดวัน หมายความว่าซ้อมเฉพาะบทไฮไลท์ บทที่สำคัญ ซ้อมในใจจบแล้วก็ก็เข้าสู่เฟสที่สอง คือนั่งสมาธิจริงๆ เมื่อทั้งหมดครบชั่วโมงแล้วก็ลุกออกไปใช้ชีวิตในวันนั้นตามที่คุณได้ซ้อมไว้

ขั้นที่ 4. พอวันรุ่งขึ้นก็เริ่มวันใหม่ด้วยการสัมนากับตัวเองก่อนฝึกสมาธิอีก ว่าเมื่อวานนี้การเล่นเกมในชีวิตจริงมันผิดแผกไปจากที่ซ้อมไว้ขณะนั่งสมาธิตรงไหนบ้าง มันไม่สำเร็จตรงไหน มันหลุดไปตรงไหน วันนี้จะแก้ไขมันอย่างไร หรือจะยืดหยุ่นเปลี่ยนกลยุทธ์หรือเป้าหมายอย่างไร ทำตัวเป็นนักกอล์ฟที่ฉายวิดิโอตัวเองกำลังเหวี่ยงวงสวิงดูอย่างจดจ่อเพื่อแก้ไขความบกพร่อง สัมนากับตัวเองให้จบก่อน ให้ได้แนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมก่อน แล้วจึงนั่งหลับตาซ้อมการใช้ชีวิตในวันใหม่นี้อีกครั้ง ซ้อมจบแล้วค่อยฝึกสมาธิ จบจากชั่วโมงสมาธิก็ลุกไปใช้ชีวิตจริงตามนั้น ให้พยายามไปให้ได้มากกว่าวันก่อนๆ

ในการนี้ให้ลืมอดีตไปซะ (unlearning) หันมาโรม้านซ์กับอนาคต (relearning) เอาชีวิตเป็นเครื่องทดลอง มองหาความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆในชีวิตเมื่อเริ่มทดลอง นี่เป็นความสนุกของเกมนี้ เลิกโทษคนอื่นและสิ่งรอบตัวเสียด้วย บอกตัวเองว่าฉันเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นผู้ทำให้เกิดอารมณ์และความคิดของฉันเองแต่เพียงผู้เดียว คนอื่นไม่เกี่ยว เมื่อรู้ว่าคุณเป็นผู้สร้างทุกออย่างขึ้นในชีวิตของคุณเอง คุณก็ต้องตั้งใจอย่างแรง ใส่อารมณ์เต็มที่ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกวัน สาธิตชีวิตใหม่ในสมาธิเช้านั้น แล้วเอาไปใช้ในชีวิตจริงวันนั้น

การเปลี่ยนแปลงหมายความว่าเราจะคิดจะพูดจะทำไม่เหมือนเมื่อวานนี้ ในการเล่นเกมแบบนี้คุณเตรียมตัวได้เลยนะ มันจะมีความอึดอัดต่อต้านจากร่างกายและความคิดหรืออัตตาของคุณ มันต่อต้านสิ่งไม่คุ้นเคย มันอยากกลับไปสู่ความคุ้นเคยเดิมๆ ร่างกายจะเริ่มมีอิทธิพลต่อความคิด ความคิดจะพาคุณกลับไปสู่การคิดเดิมๆ พูดเดิมๆ ทำเดิมๆ แล้วคุณก็จะแพ้เกม..ระวัง!

แต่หากคุณชนะเกม ได้เข้าไปสู่พื้นที่ที่คุณไม่เคยไม่รู้จัก มีพลังงานไหลเข้ามา มีความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์แวดล้อมภายนอก นั่นคือคุณเป็นอิสระต่อสิ่งแวดล้อมได้แล้ว นั่นคือคุณทำนายอนาคตในวันนี้ได้อย่างแม่นยำแล้ว เพราะคุณเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง ส่วนอนาคตที่พ้นไปจากหนึ่งวัน อย่าไปพูดถึงมันเลย เพราะอย่างไรมันก็ไม่ใช่ของจริงอยู่แล้ว หากคิดจะคบกับผมให้คุณถือว่า…

หนึ่งวัน คือชั่วชีวิต

One day, One lifetime

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์