กลัวตัวเองแก่แล้วจะไม่มีใครดูดำดูดี
(ภาพวันนี้: ดอกชวนชม)
กำลังดูแลคุณแม่ 91 ปีและติดเตียง ปวดหัวมากกับผู้อนุบาลผู้สูงอายุ ปีเดียวเปลี่ยนสี่คน ส่วนใหญ่อยู่ไม่ทน หาผ่านศูนย์บริบาลก็แล้ว หาผ่านคนรู้จักก็แล้ว ให้เงินเดือนถึง 24000 ก็ยังไม่อยู่ ทำให้นึกถึงสังคมไทยที่จะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด นี่ขนาดคุณแม่มีตัวดิฉันเองเป็นเจ้ากี้เจ้าการให้ เงินก็มี ยังหาคนมาดูแลลำบากขนาดนี้ พอถึงตาตัวเราเองเป็นคนแก่ติดเตียงบ้างจะหาคนที่ไหนมาดูแล แล้วถ้าหาผู้อนุบาลผู้สูงอายุไม่ได้ เราจะทำอย่างไร
คุณหมอช่วยชี้ทางหน่อยว่ามันจะมีทางออกอย่างไร
…………………………………………………………………………………………….
ตอบครับ
1.. ถามว่าสังคมไทยต่อไปมีแต่คนแก่แล้วจะอยู่กันอย่างไร จะไปหาคนอนุบาลผู้สูงอายุมาจากไหน ตอบว่าผมไม่รู้หรอกครับ เพราะวิชาแพทย์หากินกับข้อมูลความจริงเก่าๆที่เกิดขึ้นมาแล้ว เอาข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์วิจัยเชิงสถิติแล้วออกคำแนะนำว่าเรื่องนี้ต้องแก้แบบไหนจึงจะดีที่สุด แต่ปัญหาคนแก่จะล้นโลกยังไม่เคยเกิดขึ้นจริง ข้อมูลยังไม่มี วิชาแพทย์จึงยังไม่มีความรู้นี้ครับ ที่มีแพทย์พูดว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ทางทีวีนั้นล้วนเดาเอาเองทั้งนั้น
2.. ถามว่าในอนาคตถ้าหาผู้ดูแลไม่ได้จะเอาใครมาดูแลคนแก่ติดเตียง ตอบว่าคุณไม่ต้องวิตกให้มากไปดอกครับ โลกใบนี้ยังไงมันก็ลงตัวของมันจนได้ ผมตอบแบบเดาเอานะ ว่ามันก็ยังมีทางออกอีกหลายวิธี เช่น
วิธีที่ 1. ถ้าตัวคนแก่ทั้งหลายเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตจากการทำตัวเป็นคนแก่ขี้งอนคอยแต่จะทะเลาะกับลูกหลานมาเป็นคนแก่ที่เน้นการฝึกดูแลสุขภาพตัวเองด้วยตัวเองไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ไม่มีแผนหรือความตั้งใจที่จะเป็นคนแก่ติดเตียงแม้แต่น้อย ทุกคนขยันลุกขึ้นมาฟื้นฟูตัวเองเคลื่อนไหวเดินไปมาได้จนวันสุดท้ายของชีวิต คนแก่ติดเตียงก็จะไม่มี
วิธีที่ 2. ถ้าเกิดมีคนแก่ติดเตียงขึ้นมามากจริงๆก็ไม่ยาก แค่ให้มหาลัยหรือวิทยาลัยทางด้านวิศวกรรมผลิตหุ่นยนต์มาดูแลคนแก่ติดเตียง สมัยนี้เนอร์สซิ่งโฮมฝรั่งก็เริ่มเอาออกมาใช้กันแล้ว ผมเคยไปดูแห่งหนึ่งที่เท็กซัส เวลาเอาคนแก่ไปอาบน้ำช่างเหมือนกับการฉีดน้ำล้างวัวในคอกสมัยที่ผมเรียนเกษตรแม่โจ้ หิ หิ สถานที่ดูแลคนแก่ติดเตียงก็ไม่ต้องห่วง ศาลาวัดหรือไม่ก็โรงเรียนนั่นไง สมัยนี้โรงเรียนเราไม่ค่อยได้ใช้แล้วเพราะเด็กไม่มี ศาลาวัดก็ไม่ค่อยได้ใช้เพราะคนไม่เข้าวัด เราจะได้ใช้ประโยชน์จากวัดและโรงเรียนกันก็คราวนี้แหละ
วิธีที่ 3. ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขได้แก้กฎหมายซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว กฎหมายนี้เปิดช่องให้พยาบาลหรือใครก็ตามที่เรียนจบป.ตรีมาทางด้านการแพทย์หรือสาธารณสุขให้เข้าฝีกอบรมร้อยกว่าชั่วโมงแล้วตั้งบ้านพักผู้สูงของตัวเองได้ แปลไทยให้เป็นไทยได้ว่าไม่ต้องกลัวว่ากฎหมายสถานพยาบาลที่มีความเข้มงวดมากแบบว่าต้องมีหมออย่างต่ำกี่คนมีพยาบาลอย่างต่ำกี่คนจะเป็นอุปสรรคต่อการเปิดสถานดูแลคนแก่ติดเตียงในอนาคต เพราะต่อไปพยาบาลหรือนักวิชาชีพด้านนี้เพียงคนเดียวก็เปิดสถานดูผู้สูงอายุส่วนตัวของเธอเองได้
แต่ตราบใดที่ความเชื่อเกี่ยวกับระยะสุดท้ายของชีวิตในปัจจุบันยังถือกันว่าการตายที่ดีต้องเป็นการตายในห้องไอซียู.ของโรงพยาบาลที่ทันสมัย มีเครื่องช่วยหายใจและเครื่องช่วยต่างๆฉีกฉักๆ มีสายให้ยาให้อาหารระโยงระยางเพื่อช่วยยืดการตายออกไปให้นานที่สุด กฎหมายใหม่ฉบับนี้ก็จะยังไม่มีประโยชน์อะไร เพราะไม่มีพยาบาลหรือนักวิชาชีพคนไหนคนเดียวจะมีปัญญาทำบ้านดูแลผู้สูงอายุติดเตียงแบบมีสาระพัดอุปกรณ์อย่างนั้นได้
กฎหมายใหม่นี้จะมีประโยชน์หากวัฒนธรรมและความเชื่อเรื่องการตายเปลี่ยนจากเดิมๆที่ว่าการตายกับเครื่องช่วยหายใจเป็นการตายที่ดีไปเป็นการตายตามธรรมชาติในบรรยากาศบ้านๆไม่ต้องอาศัยเครื่องช่วยพิศดารอะไรเป็นการตายที่ดี กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน หายใจไม่ออกนั่นก็คือถึงเวลาที่จะยอมรับว่าลมหายใจจะหมดแล้ว เมื่อใดที่คอนเซ็พท์การตายแบบโบราณแบบนี้กลับมาเป็นที่ยอมรับ เมื่อนั้นกฎหมายใหม่นี้จึงจะมีประโยชน์ และผู้สูงอายุที่ติดเตียงก็จะมีทางเลือกที่อาจจะดีกว่าการไปนอนในศาลาวัดให้หุ่นยนต์ฉีดน้ำล้างอึให้
3.. ข้อนี้คุณไม่ได้ถาม ผมแถมให้ ในการเป็นผู้สูงอายุนี้ คุณอย่าไปกลัวอนาคต น่าเสียดายมากที่ผู้สูงอายุที่ผมรู้จักซึ่งเกือบทั้งหมดมีการศึกษาดีมีเงินมีทองใช้ยังล้วนตกอยู่ในความกลัวอนาคตอยู่ตลอดเวลา กลัวเงินจะไม่พอใช้ กลัวจะตายยากตายเย็น กลัวจะเจ็บจะปวด ผมจะบอกความจริงของชีวิตให้คุณอย่างหนึ่งนะ ชีวิตของคนแก่ไทยคนใดคนหนึ่งทุกวันนี้มันเป็นชีวิตที่สุดยอดจะมั่นคงปลอดภัยเลยนะจะบอกให้ ผมเคยไปนั่งคุยกับคนสูงอายุท่านหนึ่งในชนบท ถามท่านว่าเงินเดือนๆละพันกว่าบาทที่รัฐบาลให้พอใช้ไหม เธอพยักหน้าตอบว่าพอ ผมเห็นหน้าเธอแล้วนึกสงสารคนรู้จักของผมหลายคนที่มีเงินเก็บร่วมสิบล้านแล้วยังกล้วแก่แล้วจะไม่มีเงินใช้
อีกอย่างหนึ่งในการมีชีวิตอยู่นี้คุณอย่าไปเอาแต่คิดว่าคุณจะไม่ได้อะไร คุณจะเสียอะไร คิดอย่างนั้นคุณจะเป็นทุกข์ทั้งชาติ คุณต้องหัดคิดว่าในการมีชีวิตอยู่นี้คุณจะใช้ศักยภาพของคุณช่วยเหลือชีวิตอื่นหรือช่วยโลกนี้ได้อย่างไร ชีวิตในแต่ละวันที่ผ่านไปมันจึงจะเป็นชีวิตที่สดใสเต็มไปด้วยพลังจนไม่มีเวลามานั่งกังวลว่าอนาคตตัวคุณจะได้อะไรจะเสียอะไร
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
………………………………………………………………
ปล. สำหรับท่านที่จะจองแค้มป์สุขภาพกรุณาลงทะเบียนหรือสอบถามข้อมูลได้ที่
เวลเนสวีแคร์ โทร : 063-6394003 หรือ
Line ID : @wellnesswecare หรือ