ป่วยเป็นโควิดทั้งคู่ แต่ทำไมได้รับการรักษาต่างกันมาก
คุณหมอสันต์คะ
ดิฉันอายุ 60 ปี ป่วยเป็นโควิดโดยติดจากสามี ตั้งแต่วันพฤหัสคือประมาณห้าวันแล้ว ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่ฮอสปิเทลโรงพยาบาล … ที่ชลบุรีส่วนสามีอยู่ที่ฮอสปิเทลของโรงพยาบาล … ที่กทม. ขณะนี้อาการมีแค่ไม่สบายเนื้อตัว ไอบ้าง ได้เอ็กซเรย์ปอดไปสองครั้งแล้วหมอบอกว่าปอดเคลียร์ ตัวดิฉันเองได้รับการรักษาด้วยยาเยอะมากมาเป็นห่อใหญ่เยอะจนน่ากลัว สังเกตว่าทุกคนได้ยาห่อใหญ่เหมือนกันหมด เท่าที่ดิฉันพยายามอ่านดูมียา lopinavir และยาเพร็ดนิโซโลน ซึ่งดิฉันไม่กล้ากิน สองวันต่อมาพอหมอรู้ว่าไม่กล้ากินยาก็เอายา favipiravir มาให้อีกนอกจากนั้นยังมียาอมยาแก้ไออีกหลายตัว ขณะที่ข้างสามีที่ไปอยู่อีกฮอสปิเทลหนึ่งไม่ได้ยาอะไรเลย เวลามีไข้ขึ้นไปขอยาพาราเซ็ตตามอลก็ขอยากเย็นกว่าจะได้ แต่ว่าสามีได้เอ็กซเรย์ทุกวันและหมอก็บอกว่าปอดเคลียร์ทุกวัน อยากปรึกษาคุณหมอสันต์ว่าดิฉันควรกินยาเพร็ดนิโซโลนหรือไม่ และควรจะช่วยสามีให้ได้รับยาอย่างไรดี
…………………………………………………………………………
ตอบครับ
1.. ถามว่าสามีเป็นโควิดหมอไม่ให้ยาอะไรเลยเป็นการรักษาที่ถูกต้องแล้วหรือ ตอบว่าน่าจะถูกต้องอยู่นะครับ เพราะหากนับตามหลักฐานวิทยาศาสตร์เท่าที่มีถึงวันนี้ วงการแพทย์ยังไม่รู้วิธีรักษาโรคโควิดให้หายเลย ก็ในเมื่อยังไม่รู้วิธีรักษา แล้วจะให้ยาอะไรดีละครับ ถ้าจะพอนับว่าเริ่มจะมีหลักฐานส่อไปทางว่าจะให้ผลดีอยู่บ้างก็คือฟ้าทลายโจร แต่ว่าหลักฐานมันเพิ่งเริ่มโผล่มา ยังไม่ถึงกับแน่นปึ๊ก วงการแพทย์นี้ต้องมีหลักฐานแน่นปึ๊กก่อน จึงจะยอมรับเป็นมาตรฐานการรักษาได้
2.. ถามว่าสามีเป็นโควิดแล้วไข้ขึ้น ไปขอยาพาราเซ็ตหมอให้มาอย่างยากเย็น อย่างนี้หมายความว่าอย่างไร หิ หิ ผมชมหมอคนนี้นะครับ ถ้าเป็นผมเองผมก็ไม่ให้กินยาลดไข้ เพราะเชื้อโรคโควิดนี้มันไม่ทนไข้ งานวิจัยเชื้อไรวัสซาร์สโควี1ซึ่งเป็นพี่น้องกันพบว่าพวกมันจะตายเรียบในอุณหภูมิที่สูงถึง 38 องศาซี. ดังนั้นเมื่อป่วยเป็นโควิดแล้วเป็นไข้ คุณอย่ากินยาลดไข้ดีที่สุด ให้นอนห่มผ้าปล่อยให้ร้อนเหงื่อแตกพลั่กจนไข้มันลงเองแล้วจึงลุกไปอาบน้ำ นี่น่าจะเป็นวิธีรักษาโควิดที่เข้าท่าที่สุดเท่าที่วิชาความรู้แพทย์มีอยู่ตอนนี้ คำแนะนำของผมอาจจะไม่เหมือนของหมอคนอื่นนะ ให้คุณใช้วิจารณาญาณในการรับฟัง คือผมไม่รักษาแบบมีอาการอะไรโผล่มาให้ยาหมด แต่จะพยายามเข้าใจกลไกการดำเนินของโรคแล้วให้ยาเฉพาะเมื่อจำเป็น
3.. ถามว่าหมอแนะนำให้กินยาให้หมด ควรจะกินยาทั้ง lopinavir และ favipiravir ควบกันไปเลยได้ไหม ตอบว่ายาทั้งสองตัวนั้นเป็นยาในกลุ่มเดียวกันเรียกว่ายาต้านไวรัส ความจริงมีอีกตัวหนึ่งดังกว่าในอเมริกาชื่อ remdesivir ยาทั้งสามตัวนี้ชื่อว่าเป็นยาต้านไวรัสก็จริง แต่มันทำได้แค่ทำให้อาการเบาลงหน่อยเท่านั้น ส่วนตัวชี้วัดสำคัญคือการต้องให้ออกซิเจน การต้องเข้าไอซียู. หรือการตาย ยาทั้งสามตัวนี้ไม่ช่วยอะไรเลย ในกรณีของคุณซึ่งมีอาการเบาไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว ถ้าเป็นผม ผมไม่กินยาพวกนี้หรอกครับ
ผมแนะนำให้คุณกินฟ้าทลายโจรแทน เพราะอย่างน้อยก็มีหลักฐานว่ามันลดการเกิดปอดอักเสบซึ่งเป็นปากทางไปสู่การต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและการตายได้ (จาก10% เหลือ 0% ในงานวิจัยแบบ RCT) วิธีกินก็คือกินให้ได้แอนโดรกราฟโฟไลด์วันละ 180 มก.ทุกวันติดต่อกัน 5 วัน คุณแอบกินเองไปเลยไม่ต้องไปขอหมอเขาหรอก เพราะหากเขาไม่เห็นด้วยก็จะทะเลาะกันเปล่าๆซึ่งมีแต่เสียกับเสีย ยานี้ยังไม่มีหลักฐานว่าจะตีกับยาต้านไวรัสตัวอื่นไม่ว่าจะเป็นทั้งโลปินอเวียร์หรือฟาวิพิราเวียร์ และที่คนเขาลือกันว่ากินแล้วจะทำให้ตับพังทำให้ไตพังทำให้เป็นอัมพาตนั้นก็ไม่จริง เป็นเรื่องเหลวไหล ไม่เคยมีหลักฐานในคนแม้แต่ชิ้นเดียวที่บ่งชี้ว่าฟ้าทลายโจรจะทำให้ตับไตพังอย่างที่กล่าวกัน
เวลาอ่านฉลากคุณต้องละเอียดละออนะ มันมีคำอยู่สองคำซึ่งไม่เหมือนกัน
คำที่หนึ่ง คือ Andrographis paniculata แปลว่าผงบดฟ้าทลายโจร ซึ่งจะมีขนาด 250-500 มก.ต่อแคปซูล ไม่เกี่ยวอะไรกับแอนโดรกราฟโฟไลด์
คำที่สองคือ Andrographolide ตัวนี้แหละ ที่ใช้เป็นตัวบอกขนาดของยา ส่วนใหญ่หากเป็นสารสกัดหยาบจะมีตัวนี้อยู่ประมาณ 20 มก.ต่อแคปซูล แต่หากเป็นผงบดจะไม่บอก เพราะคนทำขายก็ไม่รู้ว่ามีอยู่กี่มก. จะให้ดีควบหลีกเลี่ยงไปใช้ชนิดที่เขาบอกขนาดแทน หากหาไม่ได้ ให้คุณเดาหรือสมมุติเอาว่ามันคงจะมีเท่าของอภัยภูเบศร คือ 3% หรือแคปซูล 400 มก.ของผงบดมีแอนโดรกราฟโฟไลด์ 12 มก.
4. ถามว่าควรจะกินสะเตียรอยด์ (prednisolone) ไหม ตอบว่าไม่ควรครับ เพราะ steroid ได้ผลดีในการรักษาโรคนี้ในระยะที่มีปฏิกริยาในร่างกายมาก (hyperactive immune reaction) ซึ่งเป็นระยะท้ายของโรคที่มีการใส่เครื่องช่วยหายใจแล้ว งานวิจัยที่ว่าสะเตียรอยด์ได้ผลดีเป็นการวิจัยในคนไข้ที่ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ทั้งหมด ไม่ใช่คนไข้ที่แทบไม่มีอาการอะไรเลยอย่างคุณ การกินสะเตียรอยด์ในจังหวะที่เพิ่มเริ่มติดเชื้อโดยที่ร่างกายยังไม่มีปฏิกริยาภูมิคุ้มกันรุนแรง จะกลับมีผลเสียที่ยาจะไปกดระบบภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายกำจัดเชื้อไวรัสได้ยากขึ้น
ทั้งหมดที่ผมแนะนำนี้เป็นการแนะนำทางไปรษณีย์โดยไม่เห็นตัวไม่ได้ตรวจร่างกายคนไข้ได้แต่รับฟังเรื่องราว คนที่จะรักษาคุณได้ดีที่สุดคือคุณหมอที่ดูแลคุณอยู่ หากท่านฟังปอดแล้วได้ยินเสียงปอดเสียหายมาก เอ็กซเรย์แล้วปอดแย่มาก ท่านก็จะสั่งใช้สะเตียรอยด์ ดังนั้นเรื่องสะเตียรอยด์นี้คุยกับคุณหมอที่รักษาคุณอยู่ดีที่สุดครับ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์