เบื่องาน อยากไปทำ "ธรรมธุรกิจ"
เรียน อาจารย์ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ตอนนี้อายุ 43 ปี ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเบื่องานที่ทำมาก อยากเปลี่ยนงานทำ ไปทำกับธรรมธุรกิจ ของอาจารย์ … ที่เจริญรอยตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง แต่ก็มีภาระเรื่องค่าใช้จ่ายที่ทำให้ลังเลใจอยู่ว่าควรจะทำงานเป็นพี่เลี้ยงต่อหรือลาออกไปทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เพราะการเป็นพี่เลี้ยงเด็กเมื่อจบเคสก็ไปหาเคสใหม่ต่อวนเวียนไปเรื่อย ๆ แต่ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับธรรมธุรกิจเชื่อว่าอย่างน้อยที่สุดตัวเองจะมีอาวุธทางปัญญาที่จะมีชีวิตที่เป็นสุขและยั่งยืนได้ค่ะ
ขอเรียนปรึกษาอาจารย์ว่าจะทนทำงานต่อที่เดิมเพื่อเงินหรือจะทำตามฝันเพื่อเพิ่มปัญญาดีคะ ตอนนี้ต้องรับผิดชอบคนสองคนค่ะ (แม่และตัวเอง) ไม่มีทุนเหลือเลยค่ะ ทำร้านอาหารเจ๊งไปเมื่อปี 2563 หลังเจอโควิดรอบแรก ต้องหางานทำมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กค่ะ ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเองค่ะ บ้านที่อยู่ปัจจุบันปลูกอยู่บนที่ดินของป้า(พี่สาวแม่) ค่ะ
ขอแสดงความนับถือ
……………………………………………………………………
ตอบครับ
1.. ถามว่าทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กแล้วเบื่อ อยากจะเปลี่ยนไปทำอะไรเกี่ยวกับเกษตรพอเพียงจะดีไหม ตอบว่าดีนั้นดีแน่ แต่ผมขอฉายภาพใหญ่ให้เห็นก่อนว่านี่มันเป็นการเปลี่ยนลู่วิ่งในชีวิตเลยนะ
คือทุกวันนี้คนส่วนใหญ่กำลังวิ่งอยู่ใน “ลู่เงิน” ซึ่งเป็นลู่แข่งขันที่มีเงินเป็นเป้าหมาย ทุกคนเข้าใจกฎกติกาดี ไม่ต้องบรรยายมาก แต่ว่าคุณกำลังจะออกจากการวิ่งในลู่นี้ไปวิ่งในลู่ใหม่ ซึ่งผมเรียกว่า “ลู่ความสุข” ตรงนี้มันเป็นลู่ที่ชื่อไม่คุ้นหู แต่ความจริงมันเป็นลู่เก่าที่คนไทยเชื้อชาติไทยดั้งเดิมในชนบทวิ่งกันมาแต่บรรพบุรุษ เพียงแต่เพิ่งมาสมัยหลังไม่กี่สิบปีมานี้ต่างพากันเปลี่ยนลู่มาวิ่งใน “ลู่เงิน” กับเขาบ้าง เพราะคนไทยในชนบทหันไปเอาอย่างคนจีนในตลาดเนื่องจากเห็นเขาวิ่งในลู่เงินกันแล้วมีทรัพย์ศฤงคารมากกว่า จึงทำตามอย่างเขาบ้าง แต่เนื่องจากคนไทยแท้ในชนบทสันทัดการวิ่งใน “ลู่ความสุข” ซะเคย ไม่เหมือนคนจีนในตลาดที่เขาสันทัดการวิ่งใน “ลู่เงิน” มาแต่ในสายเลือด พอคนไทยมาวิ่งในลู่ที่ตัวเองไม่สันทัดก็สู้เขาไม่ได้ ครั้นจะกลับไปวิ่งใน “ลู่ความสุข” ก็กลับไปไม่ได้ซะแล้ว เรื่องไม่มีที่ดินนั้นก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องใหญ่ก็คือคนไทยพันธ์ไทยแท้ตอนนี้มีใครยังทำเกษตรแบบยั่งยืนอย่างที่บรรพบุรุษทำมา นับหัวเฉพาะที่ยังทำเป็นและยังทำได้ มีเหลืออยู่จริงๆกี่เปอร์เซ็นต์ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้ปรามาสชาวนาชาวไร่ เพราะโคตรเหง้าศักราชของหมอสันต์ก็เป็นชาวนา ตัวหมอสันต์เองก็เรียนจบเกษตรแม่โจ้มา ไร่นาสาโทหมอสันต์ก็ยังทำอยู่จนทุกวันนี้แม้จะทำแบบก๊อกๆแก๊กๆไม่ได้เงินแต่ก็พอรู้ตื้นลึกหนาบางของงานเกษตรกรรมอยู่บ้าง จึงกล้าถามว่าคนไทยพันธ์ไทยแท้ที่ยังทำเกษตรยั่งยืนเป็นมีเหลืออยู่กี่เปอร์เซ็นต์
ที่ฉายภาพใหญ่ให้ดูนี้ไม่ใช่จะให้ท้อถอย แต่จะให้เห็นว่าการคิดเปลี่ยนลู่วิ่งนี้เป็นการสวนกระแสที่ตัวเองเคยไหลตามมานาน ต้องถามใจตัวเองให้ดีว่าจะเอาแน่หรือเปล่าน้อง
2.. ถามว่าไม่มีทุนเหลือเลย ที่ดินก็ไม่มี อาศัยป้าอยู่ อยากจะไปเริ่มชีวิตใหม่แบบธรรมธุรกิจแนวเกษตรพอเพียงของอาจารย์ … จะดีไหม หิ หิ ตอบว่าโดยคอนเซ็พท์นั้นดีแน่ครับ มันมีสองอย่างนะ ผมไม่แน่ใจว่าคุณอยากไปทำอย่างใหน คือ
(1) ไปสมัครเป็นลูกจ้างของบริษัทธรรมธุรกิจจำกัด หรือ
(2) คุณทำอะไรของคุณเองโดยยึดแนวทางหรืออุดมการณ์แบบธรรมธุรกิจ
แบบที่ 1 นั้นง่าย คุณไปเมื่อไหร่ก็ได้ ไปยื่นใบสมัครเป็นพนักงาน ถ้าเขารับ ก็ไปทำงานกับเขา ถามว่าวิธีนี้ดีไหม ตอบว่าดีแน่ครับถ้าคุณเห็นดีเห็นงามกับอุดมการณ์ของเขาและยอมรับค่าจ้างที่อาจจะต่ำลงหน่อยได้ คุณไปได้เลย ไม่มีอะไรจะเสีย มีแต่ได้กับได้
ผมอยากจะคุยถึงกรณีที่ถ้าคุณอยากจะไปทำแบบที่ 2. มากกว่า มันเป็นฝันไกลที่ท้าทายมาก แม้ว่าหากคุณเล่าให้ชาวนาสักคนหนึ่งฟังว่าคุณไม่มีเงิน ไม่มีที่ดิน ไม่เคยทำนา คุณจะมาทำนาแบบพอเพียงแบบธรรมธุรกิจเพื่อพอกพูนปัญญาให้ชีวิต ผมว่าเล่ายังไม่ทันจบชาวนาที่กำลังอ้าปากฟังอยู่นั้นคงจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่จนต้องปล่อยก๊าก..ก ออกมา แต่ถ้าคุณถามผม ผมไม่ปล่อยก๊ากใส่คุณนะ ผมจะตอบว่าดีครับ แต่ว่าคุณต้องฝึกตัวเองไปทีละขั้นๆก่อน
ผมเดาเอาว่าคอนเซ็พท์ “ธรรมธุรกิจ” นั้นคงมีความละเอียดลึกซึ้งซ่อนอยู่ในนั้น นับตั้งแต่การมีความสุขกับทุกขณะที่ทำกิจนั้นๆอย่างจดจ่อใส่ใจ การลดการบริโภคลงให้เหลือแค่ที่จำเป็นหรือที่เรียกกันฮิตติดปากว่า “พอเพียง” การลดความยึดถือในตัวตนลงด้วยการแบ่งปัน แค่สามอย่างนี้คุณก็ต้องฝึกซ้อมล่วงหน้าโขอยู่นะก่อนจะไปลงสนามจริง ผมแนะนำว่าคุณเริ่มฝึกซ้อมก่อนตอนนี้เลย ยังไม่ต้องเลิกรับจ้างเป็นพี่เลี้ยงเด็กหรอก เริ่มซ้อมสามอย่างนี้ตอนนี้เลย ย้ำอีกทีนะ
(1) มีความสุขกับทุกขณะที่ทำงานอยู่
(2) ลดการบริโภคลงให้เหลือเท่าที่จำเป็น
(3) ลดความยึดถือในตัวตนลงด้วยการยอมรับคนอื่นและแบ่งปัน
คุณบอกว่าปลูกบ้านอยู่บนที่ของป้า แสดงว่าคุณคงมีที่ว่างอย่างน้อยสองสามตารางวาอยู่แล้ว คุณเริ่มทำเกษตรพอเพียงบนพื้นที่นั้นเลย งานเกษตรมันมีความลึกซึ้งมาก แค่พูดถึงและฟังเขาพูดโดยไม่ได้ลงมือทำเองคุณไม่มีวันเก็ท ทดลองบนพื้นที่สองสามตารางวานั้นด้วยมือตัวเองดูก่อน แล้วคุณจะเก็ท
การลดการบริโภคก็ให้ลองดูตอนนี้เลย มองไปรอบตัว อะไรบ้างที่ไม่จำเป็น เอาให้เหลือน้อยที่สุด แบบว่า minimalism คนเราสิ่งจำเป็นจริงๆในชีวิตมีไม่กี่อย่าง (1) อากาศหายใจ (2) น้ำดื่มน้ำอาบ (3) ที่ซุกหัวนอน (4) เสื้อผ้าอาภรณ์สองสามชุด (5) อาหารบรรเทาหิวมื้อต่อมื้อ แค่เนี้ยะ พอละ คุณลองดูก่อน ลดการบริโภคลงให้เหลือแค่ห้าอย่างนี้ ผูกเรื่องนี้เข้ากับการพึ่งตัวเองในเรื่องอาหารโดยการปลูกอะไรที่เก็บกินเองได้บ้างบนที่สองสามตารางวานั้น
การลดความยึดถือในตัวตนลงด้วยการให้ นี่ก็ต้องฝึกนะ ฝึกเลิกเปรียบเทียบแข่งขัน ฝึกเลิกตัดสินพิพากษา เพราะทั้งหมดนั้นคือกิจกรรมที่เอาอัตตาออกมาเป็นมาตรวัดสิ่งนอกตัว เลิกเปรียบเทียบ เลิกตัดสินพิพากษา หันมายอมรับทุกอย่าง ให้อภัยทุกคน คอยท่องคาถาสี่คำ ขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัย เมตตา ฝึกทำอย่างนี้ไป
ทำได้ทั้งสามอย่างให้ได้ก่อน หลังจากนั้นจะเลิกเป็นพี่เลี้ยงเด็กหรือไม่เลิก จะไปทำเกษตรพอเพียงหรือไม่ทำ ทำสามอย่างนี้ได้แล้วทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องง่ายหมด ทางเดินในชีวิตมันจะเปิดโล่งให้คุณเลือกเดินได้ตามใจชอบ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์