COVID-19 บีบให้ผมต้องเลื่อนแค้มป์สุขภาพทุกแค้มป์ที่ WWC ออกไปไม่มีกำหนด

กราฟทำจากสถิติจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ของกระทรวง สธ.

     กราฟนี้ผมทำขึ้นมาจากข้อมูลดิบของกรมควบคุมโรค กระทรวง สธ. เพื่อประกอบการตัดสินใจเรื่องงานของศูนย์เวลเนสวีแคร์ (WWC) ที่ผมดูแลอยู่ เพื่อให้ท่านเข้าใจตารางนี้ ผมขอเล่าหลักวิชาระบาดวิทยาซึ่งมีอยู่ว่าโรคระบาดระดับโลก (pandemic) จะดำเนินไปตามขั้นตอนหรือ phase ดังนี้

     ขั้นที่ 1. Investigation phase ระยะสอบสวนโรค

     ขั้นที่ 2.  Recognition ระยะวินิจฉัยโรค

     ขั้นที่ 3. Initiation ระยะเริ่มการระบาด

     ขั้นที่ 4. Acceleration phases ระยะเร่งการระบาด

     ขั้นที่ 5. Deceleration phase ระยะลดการระบาด

     ในประเทศไทย เราเริ่มทำการสอบสวนโรค COVID-19 นี้ตั้งแต่ต้นเดือนมค. 63 แล้วมาวินิจฉัยโรคเอาเมื่อราววันที่ 22 มค. 63 จากนั้นโรคก็บ่มอยู่ในระยะเริ่มการระบาดอยู่นานเกือบสองเดือน จนมาราวกลางเดือนมีค.นี้เองที่ข้อมูลเริ่มชี้ชัด และผมประเมินของผมเองว่าโรคได้เข้าสู่ระยะเร่งการระบาดแล้ว มันจะอยู่ในระยะนี้ไปอีกนานอย่างน้อยหลายเดือนจนไปพีคสุดๆคือ 40-60% ของคนไทยป่วยเป็นโรคนี้ แล้วมันจึงจะเข้าระยะลด

    ในระยะเร่งการระบาดนี้ มันไม่เหมาะที่จะให้คนเดินทางมาเข้าแค้มป์กินนอนเรียนและทำกิจกรรมอยู่ด้วยกันซึ่งเป็นกิจกรรมหลักที่ผมทำอยู่ที่ศูนย์สุขภาพเวลเนสวีแคร์ (WWC) ดังนั้นผมจึงจำใจต้องขอประกาศเลื่อนคอร์สสุขภาพทุกคอร์สทุกแค้มป์ที่ WWC ที่จัดสำหรับคนทั่วไปที่มีแผนจะจัดตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปออกไปอย่างไม่มีกำหนดยกเว้นเฉพาะแค้มป์ที่จะจัดให้กับองค์กรซึ่งเป็นกิจกรรมร่วมกันของกลุ่มคนซึ่งปกติต้องมาทำงานด้วยกันอยู่แล้วเท่านั้น ผมต้องขอโทษด้วยที่ต้องทำอย่างนี้ทั้งๆที่รู้ว่าหลายท่านมีความจำเป็นต้องมา หลายท่านตั้งตารอที่จะมา บางท่านก็ต้องจองแค้มป์ล่วงหน้ามานานกว่าจะได้เข้า ผมก็ได้แต่โทษโควิด19 แหละครับ ไม่โทษตัวเองหรอก หิ..หิ การจะเปิดแค้มป์ได้อีกเมื่อไหร่ผมจะแจ้งให้ทุกทราบล่วงหน้า ในกรณีที่ท่านประสงค์จะเลิกสิทธิ์ที่จองไว้ให้รู้แล้วรู้รอดก็สามารถทำได้โดยแจ้งกับเจ้าหน้าที่ เงินที่เก็บของท่านมาแล้วนั้นผมไม่คืนให้..อุ๊บ ขอโทษ พูดผิด พูดใหม่ เงินที่เก็บของท่านมาแล้วนั้นผมคืนให้ทุกบาท ทั้งๆที่รู้ว่าภาษี VAT ที่รัฐเอาไปจากผม 7% แล้วนั้นท่านจะไม่คืนให้ผมสักบาท (บ่นเล่นไปงั้นแหละ อย่าถือสาคนแก่เลย)

     ในระหว่างนี้ ครัวปราณาของ WWC ยังเปิดให้บริการอาหารสุขภาพตามปกติโดยกระจายกันไปนั่งตามใต้ต้นหมากรากไม้ และการบริการสั่งและส่งอาหารทางไลน์ก็ยังทำกันอยู่ตามปกติ ตัวห้องพักของ WWC เองจะเปลี่ยนไปเป็นที่ลี้ภัยโควิด19 สำหรับท่านที่ประสงค์จะลี้ภัยจากที่แออัดและมีความเสี่ยงสูงมาอยู่ที่นี่เพื่อกินอาหารสุขภาพ ออกกำลังกาย และอาศัยสภาพแวดล้อมธรรมชาติช่วยฟูมฟักภูมิคุ้มกันโรคของท่านไม่ให้ติดโรคง่าย ก็มาพักที่ WWC ได้แบบขังเดี่ยว เอ๊ย..ไม่ใช่ แบบพักเดี่ยว แต่ท่านที่ป่วยเหน่งๆแล้วไม่ต้องมา เพราะจะมีการคัดกรองก่อนเข้าพักเพื่อไม่ให้ WWC กลายเป็นที่แพร่โรคไปซะอีกแห่ง สำหรับท่านที่อยากจะลี้ภัยแบบปลีกวิเวก 100% ก็มาพักที่ในฟาร์มของเราได้ มีกระท่อมที่พักเล็กติดแอร์แบบแยกต่างหากจากคนอื่นอยู่สี่หลัง แต่ต้องวิเวกได้นะ เพราะไม่มีวิทยุ โทรทัศน์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้นนอกจากที่พักและอาหารมังสวิรัติแถมฟรีวันละสามมื้อ

     จบข่าว..

     แต่ไหนๆก็พาดพิงถึงโควิด19 ว่าเข้าระยะเร่งการระบาดแล้ว มาคุยกันแถมท้ายซะหน่อยก็ดีนะ ว่าชีวิตในระยะต่อไปนี้ควรจะดำเนินไปอย่างไรดี การจะป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อนั้นผมขอไม่พูดถึง เพราะรู้ว่าแฟนๆบล็อกทุกท่านถูกกรอกหูโดยสื่อมาซะจนหูชาแล้ว แต่ผมจะขอพูดถึงประเด็นที่ว่านี่น่าจะเป็นโอกาสอันดีแล้วที่จะหันมามองและยอมรับชีวิตตามธรรมชาติที่แท้จริงของมัน ว่าหากมองออกไปจากสำนึกว่าเป็นบุคคล สิ่งเดียวที่แน่นอนในชีวิตคือความไม่แน่นอนของสรรพสิ่ง สิ่งที่เราอยากให้มันนิ่ง มันไม่เคยนิ่ง แต่สิ่งที่เราอยากจะให้ไปให้พ้นๆมันกลับไม่ไป ผมหมายถึงความตาย เราอยากให้มันไปไกลๆ แต่มันไม่ไปไหนหรอก เพราะเราทุกคนเมื่อเกิดมา ล้วนมี expire date หรือวันหมดอายุปั๊มติดข้างกล่องมาตั้งแต่เกิดแล้ว เมื่อถึงเวลาตาย เราก็ต้องตาย ไม่มีแปรผันเป็นอื่นไปได้

     ทั้งหมดนั้นเป็นมุมมองออกไปจากสำนึกว่าเป็นบุคคลนะ แต่อย่าลืมว่าสำนึกว่าเป็นบุคคลไม่ใช่ตัวชีวิตที่แท้จริง สำนึกว่าเป็นบุคคลเป็นเพียงความคิด ชีวิตมีองค์ประกอบหากแยกให้ละเอียดก็มีถึงห้าส่วน คือ
(1) ร่างกาย (body)
(2) พลังงานชีวิต (life energy)
(3) ความจำ (memory)
(4) ความคิด (thought)
(5) ความรู้ตัว (awareness)

     สี่อย่างแรกเป็นของชั่วคราว แต่ความรู้ตัวเป็นชีวิตที่แท้จริงและเป็นของถาวร ถ้าท่านมองชีวิตออกไปจากมุมของความรู้ตัวซึ่งก็คือ "เดี๋ยวนี้" ชีวิตนี้ไม่มีอะไรให้ต้องทุกข์ยากเดือดร้อนใจเลย เพราะความรู้ตัวนี้เป็นเสมือนความว่างอันกว้างใหญ่ที่ทั้งร่างกาย พลังงานของชีวิต ความจำ ความคิด ล้วนเกิดขึ้นและแผ่วหายไปในความว่างอันกว้างใหญ่ของความรู้ตัวนี้ โดยที่ความรู้ตัวไม่ได้ไปมีเอี่ยวหรือทุกข์ร้อนแปดเปื้อนอะไรด้วยกับสิ่งเหล่านั้นเลย เหมือนแสงอาทิตย์ที่ไม่ไปทุกร้อนแปดเปื้อนทุกสรรพสิ่งที่มันสาดส่องลูบไล้

     นี่เป็นโอกาสอันดีแล้ว ที่ท่านจะวางสำนึกว่าเป็นบุคคลลงแล้วหันกลับเข้าสู่ข้างในไปเป็น "ความรู้ตัว" อันเป็นชีวิตที่แท้จริงที่มีธรรมชาติสงบเย็นและเบิกบาน ไปเป็น "เดี๋ยวนี้" ที่มองเหตการณ์ในชีวิตที่ผ่านเข้ามาที่ละขณะ ทีละขณะ เหมือนท้องฟ้าที่มองก้อนเมฆก้อนแล้วก้อนเล่าที่ก่อตัวขึ้นมา เปลี่ยนแปลง แล้วก็ฝ่อหายหรือกลายไปเป็นน้ำฝน โดยที่ท้องฟ้าไม่ได้มีเอี่ยวอะไรด้วย

     การมีชีวิตอยู่กับความรู้ตัวที่เดี๋ยวนี้ เป็นวิธีเดียวที่หมอสันต์แนะนำให้ท่านใช้รับมือกับ COVID-19

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ 

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

วิตามินดีเกิน 150 หมอบอกมากเกินไป ท้ังๆที่ไม่ได้ทานวิตามินดี

Life Skill Camp for Kids แค้มป์ทักษะชีวิตเยาวชนที่มิวเซียมสยาม 16 พย. 67

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี