โครงการแพทย์ฝึกหัดหุ่นยนต์ของหมอสันต์..ล่มเสียแล้ว
ขอรายงานความคืบหน้าโครงการที่หมอสันต์เคยเล่าให้ฟังว่าจะจ้างหุ่นยนต์มาเป็นแพทย์ฝึกหัดให้เรียนรู้สไตล์ของหมอสันต์ แล้วจะเปิดบริการตอบคำถามสุขภาพฟรีบนอินเตอร์เน็ททุกวัน 24 ชม. โดยให้หุ่นยนต์ตอบล่วงหน้าไปก่อนแล้วหมอสันต์มาตรวจสอบยืนยันเป็นรอบที่สอง ก็จะช่วยให้ผู้มีคำถามได้รับคำตอบรวดเร็วทันใจชั้นหนึ่งก่อนแทนที่จะกองจดหมายไว้รอตอบเป็นร้อยๆอย่างทุกวันนี้ ทั้งหมดนี้เพื่อให้หมอสันต์ปลดชราตัวเองได้โดยที่ยังมีโอกาสได้ใช้ความรู้ตอบคำถามแก่ผู้ป่วยทั่วไปแบบฟรีๆได้อยู่ ฟังดูดีเชียว
โครงการนี้ดำเนินมาด้วยดีเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เริ่มตั้งแต่เลือกว่าจะจ้าง "บอท" ของเจ้าไหนจึงจะเหมาะกับงานนี้ที่สุด เมื่อจ้างมาแล้วก็เริ่มทำงานด้วยกันเลย เตรียมเนื้อหาพื้นฐานให้หุ่นยนต์เรียนไว้เรียบร้อย แทบจะเริ่มตั้งแต่เรียนวิชาแพทย์กันเลย แล้วให้หุ่นยนต์ช่วยทำการวิจัยศึกษาข้อมูลเพื่อวางแผนโครงการอย่างละเอียดทุกด้าน จนมาถึงวันนี้ก็สรุปได้ชัดแล้ว ผลวิจัยพบว่าวิธีที่ดีที่สุดคือเลิกทำโครงการนี้ซะ หุ หุ เพราะได้ไม่คุ้มเสีย กล่าวคือ
1. กฎหมายเมืองไทยเข้มงวดและระแวงการใช้หุ่นยนต์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้หุ่นยนต์แนะนำผู้ป่วยในทางการแพทย์แม้ว่าจะมีแพทย์ตัวจริงกำกับตรวจสอบคำตอบในตอนท้ายก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ห้ามใช้ระบบให้หุ่นยนต์ทำงานไปเรียนไปแล้วพัฒนาการตอบคำถามไปเรื่อยๆ (Locked AI concept) เพราะถือว่าไม่ปลอดภัยกับคนไข้ ต้องใช้ระบบมี "โผ" ตายตัวให้หุ่นยนต์ตอบ หากจะมีการแก้โผตามข้อมูลใหม่ๆก็ต้องแก้ตามรอบที่วางแผนไว้ล่วงหน้าโดยแพทย์ผู้ใช้งานหุ่นยนต์ต้องอนุมัติโผก่อน แล้วจึงจะให้หุ่นยนต์เอาโผไปใช้ได้ จะตอบแหกโผไม่ได้เลย โห ถ้าผมต้องเขียนโผให้หุ่นยนต์ตอบเหมือนโผเดี๊ยะทุกวัน ผมตอบซะเองไม่ดีกว่ารึ หึ..หึ
2. การขออนุญาตให้บริการตอบคำถามสุขภาพทางอินเตอร์เน็ทอย่างเป็นทางการเป็นเรื่องจุกจิกหยุมหยิมเกินไป เพราะต้องไปใช้กฎหมายหลายฉบับ เช่นต้องใช้กฎหมายเกี่ยวกับ Telemedicine 2024 ซึ่งมีระเบียบบังคับให้แจ้งตัวตนผู้ใช้บริการและเก็บบันทึกข้อมูลการถามตอบอย่างละเอียด ซึ่งก็ส่งผลให้ต้องไปใช้กฎหมายควบคุมข้อมูลคนไข้ (Personal Data Protection Act- PDPA) ซึ่งบังคับระดับชั้นป้องกันรั่วของข้อมูลเข้มเกินไปจนทำตามได้ยาก การจะจดทะเบียนเป็นสถานพยาบาลที่ทำ Telemedicine ได้นอกจากจะต้องจดทะเบียนเป็นสถานพยาบาลตามกฎหมายแล้วยังจะใช้ telemed ได้เฉพาะในบริบทการบริการผู้ป่วยที่มารับการรักษาปกติที่สถานพยาบาลนั้นเท่านั้น ก็เท่ากับว่าหากเอาไปบริการคนทั่วไปที่ไม่ใช่ผู้ป่วยที่มีชื่ออยู่ในเวชระเบียนของสถานพยาบาลก็จะมีปัญหาทันที เพราะผิดกฎหมาย
3. กฎหมายกำหนดความรับผิดชอบของผู้ดำเนินการเข้มงวดมากไม่ว่าจะให้บริการแบบฟรีหรือเสียเงิน ก็ต้องล้วนมัดมือชกให้เป็นระบบมีคนรับผิดชอบ (Human In The Loop - HITL) เรียกว่าถ้ามีคนเอาคำแนะนำไปใช้แล้วเกิดความเสียหายแล้วฟ้องขึ้นมามีหวังต้องจ่ายเงินชดเชยหูตูบ แล้วผมเดาว่าคนที่จะยุแยงตะแคงรั่วหรือแกล้งฟ้องก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือธุรกิจที่เสียประโยชน์จากคำแนะนำนั่นแหละ หุ่นยนต์ AI ที่จ้างมารายงานการประเมินมาว่าความเสี่ยงเป็นตัวเงินในส่วนนี้แยะ ต้องมีประกัน แต่เมืองไทยไม่มีระบบประกันชนิดนี้รองรับ เพราะบริษัทประกันในเมืองไทยไม่รับประกันความเสียหายจากการให้คำแนะนำรักษาคนไข้ทางอินเตอร์เน็ท ต้องไปซื้อประกันกับบริษัทประกันที่เมืองนอก ซึ่งผมเห็นราคาของเมืองนอกแล้วก็ต้องร้อง จ๊าก..ก ไอ้หย่า ไม่ไหวเลี้ยว ไปขายเต้าฮวยดีก่า
4. ยังมีความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยการกระทำของมิจฉาชีพที่เอา AI ซ้อนกล AI เพื่อเอาภาพเอาคำตอบของหมอสันต์ไปหลอกเอาเงินคนอื่น เรื่องนี้ไม่ต้องรอเปิดบริการตอบคำถามอย่างเป็นกิจลักษณะดอก ทุกวันนี้ก็มีแล้ว เมื่อวานมีแฟนท่านหนึ่งร้องเรียนว่าไปซื้ออาหารเสริมแคปซูลรักษาหัวเข่ามาเพราะหลงเชื่อโฆษณาว่าเป็นของหมอสันต์เนื่องจากมีทั้งภาพทั้งเสียงของหมอสันต์บรรยายสรรพคุณในเน็ท ตอนแรกจะซื้อขวดเดียว แต่เขาบอกซื้อเยอะเขามีแถมเลยซื้อมาซะหนึ่งโหลเลย ผมนึกในใจว่าหุ..หุ ที่ร้องเรียนนี้จะให้หมอสันต์จ่ายเงินชดเชยให้ทั้งโหลรึไง ต่อไปการใช้ AI หลอกหากินแบบนี้จะเยอะมากและเนียนมากขึ้น จนในที่สุดก็จะยากแก่การพิสูจน์ว่าที่เสียหายนี่เป็นเพราะมิจฉาชีพทำหรือตัวหมอสันต์ตัวจริงเสียงจริงเป็นคนทำ หมอสันต์คงต้องไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเองในศาล โฮ้ย คิดแล้วกลุ้ม..ม
5. หุ่นยนต์ลูกจ้างของผมประเมินว่าโครงการตอบคำถามฟรีฟังดูเท่ดี แต่ยังไงก็ไปไม่รอด เพราะจะมีผู้ใช้บริการแยะมาก ต้องมีค่าใช้จ่ายแยะเช่นอาจจะต้องจ้างแพทย์หลายคน และต้องจ้างวิศวกร AI แบบเต็มเวลาอีกสักคนหนึ่ง ต้องมีค่าเช่าเว็บไซท์ที่อเมริกาเพื่อป้องกันการถูกแฮ้กง่ายๆ จึงจำเป็นต้องมีแผนระบุที่มาของแหล่งเงินอย่างต่อเนื่องไว้ก่อนเริ่มลงมือทำโครงการเลย ว่าเงินที่จะต้องใช้มากขึ้นๆทุกวันนั้นท่านจะเอามาจากไหน โห..มันชักจะโกโซบิ๊กแล้วไหมละ ตอนที่คิดจะทำตอนแรกผมก็เตรียมเงินส่วนตัวไว้แล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะแยะขนาดนี้
กล่าวโดยสรุป ปิดโครงการมันซะเลย เลิกจ้างหุ่นยนต์ เปลี่ยนเสื้อผ้า แบกจอบเข้าสวน ปลูกมันเทศดีกว่า ฮิ..ฮิ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์