ชีวิตมาก่อน สารัตถะของชีวิตมาทีหลัง (Existence Precedes Essence)

ไปตัดแว่นที่ชลบุรี แล้วแวะดูตู้ปลาที่บางแสน


กราบเรียนคุณหมอสันต์

หนูเรียน ... ที่มหาลัย .. หนูเป็นแฟนคุณหมอเพราะทั้งคุณพ่อคุณแม่เปิดคลิปวิดิโอของคุณหมอประจำ หนูมีความสงสัยเมื่อเรียนปรัชญา existentialism แล้วไม่เข้าใจ หนูว่าอาจารย์ที่สอนเขาสอนแบบที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ พอหนูไปอ่านหนังสือตำราไทยที่เขียนโดย .. ก็ไม่เข้าใจ เปิดเน็ทให้ AI อธิบายให้ก็ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ หนูว่า AI ยังไม่เข้าใจวิชาปรัชญา หนูเดาเอาว่าคุณหมอต้องเข้าใจ เพราะคุณหมอผ่านโลกมามากและรู้จักชีวิตด้านที่ AI ไม่รู้จักด้วย หนูขอรบกวนคุณหมออธิบาย existentialism อย่างย่อและอย่างเข้าใจง่ายให้หนูด้วย
ขอบพระคุณค่ะ

.............................................................. 

ตอบครับ

    มาผิดที่ซะละกระมัง หนูจ๋า

    โปรดสังเกตนะว่าเด็กสมัยนี้เขาตัดสินเอาตั้งแต่เริ่มนั่งเรียนกับครูแล้วว่าครูไม่รู้เรื่อง โห.. โชคดีนะที่ผมไม่ต้องมีอาชีพเป็นครู ไม่งั้นผมคงต้องเปลี่ยนอาชีพไปขายเต้าฮวยแน่นอน
    ปกติผมไม่ตอบจดหมายแนวไร้สาระ แต่เอาเถอะ เขียนมาแล้วก็ตอบให้ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ ได้คุยกับเด็กบ้าง

    เอาตรงๆก็คือ Existentialism เป็นแนวคิดไม่เอาพระไม่เอาเจ้า ล้มล้างความเชื่อที่ปลูกฝังโดยศาสนาและสังคมที่พร่ำสอนกันมาแต่โบร่ำโบราณ แก่นกลางของแนวคิดนี้มีประมาณนี้

    1. Existence precedes essence ซึ่งหมอสันต์แปลว่า "ชีวิตมาก่อน สารัตถะของชีวิตมาทีหลัง" หมายความว่าคนเกิดมามีชีวิต ตื่น รู้ตัว หายใจได้ก่อน ส่วนกฎกติกามารยาทสังคมหรือคุณค่าและความหมายของชีวิตนั้นเกิดขึ้นทีหลัง พูดง่ายๆว่าของที่เกิดก่อนเป็นของจริง ของเกิดทีหลังเป็นของปลอม

    2. Freedom & responsibility แปลว่ามนุษย์เกิดมามีอิสระเสรี อยากได้อยากทำอยากเชื่ออะไรก็เลือกเอาเลือกทำเลือกเชื่อเองเถิด เลือกแล้วก็รับผลสุขทุกข์เอาเองด้วยนะอย่าไปโทษใคร อย่าไปอ้อนวอนขออะไรจากใคร อย่าไปสนคำชี้แนะสำเร็จรูปของศาสนาหรือพวกปั้นพระเจ้าขายซึ่งไร้สาระ 

    3. Authenticity vs Bad Faith ในการใช้ชีวิตต้องเลือกว่าจะไปข้างไหน ข้างเป็นตัวของตัวเอง (authenticity) ซึ่งคือการใช้ชีวิตไปตามคุณค่าที่ตัวเองเลือกและรับผิดชอบต่อผลของมันแบบเต็ม ๆ คนเดียว โดยไม่ต้องสนการชี้นำหรือแรงกดดันสังคมหรือศาสนา ขณะที่สุดโต่งอีกด้านหนึ่งก็คือ bad faith หรือการหลับหูหลับตาใช้ความศรัทธาระดับโฮ่..ฮม..ฮาย นำทางชีวิตไปดุ่ย ดุ่ย ดุ่ย 

    4. Dizziness of freedom เสรีภาพนี้ดูเผินๆเป็นของดี แต่พอจะหยิบฉวยใช้ประโยชน์เข้าจริงแล้วจะพบว่ามันทำให้เกิด "ความกลัวเสรีภาพ" ขึ้นมา คนที่ฝ่าความกลัวนี้ไม่ไหวก็ต้องกลับเข้าไปมุดอยู่ในกรงของความศรัทธาในพระในเจ้าหรือศรัทธาในรัฐบาลเหมือนเดิมต่อไป

    5. Absurdity การที่คนส่วนใหญ่พากันหลับหูหลับตาเสาะหาคุณค่าและความหมายของชีวิตไปตามที่พวกผู้นำศาสนาและผู้นำสังคมสั่งสอนต่อๆกันมานั้นช่างเป็นเรื่องงี่เง่าอย่างน่าขัน สาธุชนพึงเอาชนะความงีเง่านี้ด้วยความกล้าหาญเถิด แทนที่จะสิ้นหวังกับมัน

    6. Facticity เสรีภาพไม่ใช่การปฏิเสธทุกอย่างที่มีอยู่ที่เป็นอยู่ไปเสียตะพึด เพราะบางอย่างมันเป็นสิ่งที่ได้มาเรียบร้อยแล้วจะเป็นอื่นไปไม่ได้ ก็ต้องยอมรับมัน เช่น เพศ ชาติกำเนิด สีผิว ร่างกายสูงต่ำดำขาว ถิ่นประเทศที่ตัวเองเกิดมา เป็นต้น

    ทั้งหมดนี้คือสาระประมาณ 90% ของ existentialism เท่าที่หมอสันต์คิดทบทวนขึ้นมาได้ คุณอ่านให้เข้าใจและเข้าถึงมันก็อาจจะใช้ประโยชน์จากมันได้อยู่นะ แต่ถ้าเอาไปตอบข้อสอบของอาจารย์แล้วอาจารย์ให้คุณสอบตกผมไม่รู้ด้วย หิ..หิ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์


โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

ทะเลาะกันเรื่องฝุ่น PM 2.5 บ้าจี้ เพ้อเจ้อ หรือว่าไม่รับผิดชอบ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

แจ้งข่าวด่วน หมอสันต์ตัวปลอมกำลังระบาดหนัก

เลิกเสียทีได้ไหม ชีวิตที่ต้องมีอะไรมาจ่อคิวต่อรอให้ทำอยู่ตลอดเวลา

ไปเที่ยวเมืองจีนขึ้นที่สูงแล้วกลับมาป่วยยาว (โรค HAPE)

หมอสันต์สวัสดีปีใหม่ 2568 / 2025

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

"ลู่ความสุข" กับ "ลู่เงิน"