รักษามะเร็งด้วยตนเองได้อย่างไร
(ภาพวันนี้: สวนมินิ ของสว.มินิ)
แฟนบล็อกและสมาชิกแค้มป์ CR ของหมอสันต์ท่านหนึ่ง ดร. … ได้ส่งบทคัดย่อสั้นๆหนังสือของดร.เทอร์เนอร์ (Dr. Kelly A. Turner) มาให้ ผมเห็นว่ามีประโยชน์ในแง่ที่เป็นหลักฐานระดับ anecdote หรือเรื่องเล่า (ดร.เทอร์เนอร์ทำวิจัยติดตามดูผู้ป่วยมะเร็งที่หายราว 1500 คนแล้วเขียนหนังสือนี้) ผมจึงขออนุญาตท่านนำมาลงให้แฟนๆบล็อกได้อ่าน
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
…………………………………………
สวัสดีค่ะ
ช่วงโควิด หนูกึ่งแปลกึ่งสรุปหนังสือ Dr Turner เผื่อจะเป็นประโยชน์ค่ะ เอาลงบล็อกได้ตามสบายนะคะ หนูไม่ยึดติด เพื่อนๆ ทยอยเป็นมะเร็งค่ะ ล่าสุด อายุ40ต้นๆก็เป็นค่ะ หนูรายงานตัวค่ะ ครบห้าปีแล้วค่ะ ไม่ได้กินยาเลยค่ะ คุมน้ำตาลด้วยการทำ IF ตอนนี้เริ่ม กินมื้อเดียวค่ะ…Take care
รอดตายจากมะเร็งแบบแหกคอก (Dr Turner)
1.. เปลี่ยนอาหาร
กินเหมือนหมอสันต์พากินค่ะ จินนี่เป็นมะเร็งเต้านมระยะสาม ไม่ผ่าตัด ตัดสินใจเปลี่ยนอาหาร ทีแรกกลัวว่าจะกินผิด เลยอดอาหาร น้ำหนักลดไป 20 โล ในสองเดือน แล้วค่อยเริ่มกินอาหารแนวใหม่ คือได้ทำ Fasting โดยบังเอิญ นอกจากนี้ เดินออกกำลังกายทุกวันด้วย
หมอบอกต้องตัด คีโม ฉายแสง อยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี เธอโกรธมากกกก เลยหาวิธีของตัวเอง เพราะมีเพื่อนเธอคนนึง หายด้วยการเปลี่ยนอาหารค่ะ เธอเลยเลือกทางนี้ ก้อนมะเร็งยุบหมดทั้งที่นมและต่อมน้ำเหลือง อยู่ปกติมาเกิน 5 ปีแล้วค่ะ
2 รับข้อมูลรอบด้าน เลือกวิธีรักษาตนเอง
ชินเป็นคนญี่ปุ่น ตอนวัยรุ่นชินชอบเล่นเชลโล่ โตมาทำงานหนักมาก ไม่มีเวลาเล่นดนตรี อายุ 46 เป็นมะเร็งไต ตัดไตออกข้างนึง ใช้เวลา 5 เดือนนอนรพ. เพื่อรับคีโม และตามด้วยฉายแสง หลังการรักษา มะเร็งลามไปปอดและลำไส้ใหญ่ท่อนปลายสุด (ไส้ตรง) หมอบอกเมียเค้าว่า อยู่ได้อีกไม่กี่เดือน
วันนึงชินเหม็นห้องที่รพมาก เลยขึ้นไปดาดฟ้าเพื่อรับอากาศ พยาบาลตกใจนึกว่าเค้าจะโดดตึก ฟ้องหมอ หมอโกรธมาก เลิกรักษา ให้กลับไปตายที่บ้าน พอกลับบ้าน ชินเปลี่ยนน้ำดื่มเป็นดื่มน้ำแร่ ทุกเช้าที่ยังหายใจ ชินรู้สึกขอบคุณ ชินขึ้นไปดาดฟ้าทุกวันเพื่อรับความอบอุ่นของแสงอรุณ ต่อมาผสานการหายใจแบบโยคะ ตามด้วยการชาร์จจักระทั้ง7
ชินพยายามหาสาเหตุของมะเร็ง พบว่าเป็นเพราะทำงานหนักและไม่ได้พักผ่อน เค้าคิดว่ามะเร็งคือลูกของเค้า ลูกที่ป่วย เค้าจับที่ไตแล้วพูดกับมะเร็ง ลูกพ่อ พ่อรักลูก ชินส่งความรักให้มะเร็งตั้งแต่เช้ายันเย็น ต่อมาชินกลับมาเล่นเชลโล่ เค้าบอกว่าเชลโล่เป็นยา ชินกินอาหารแนวทางแมคโครไบโอติกบ้าง แต่ไม่เข้มงวด เค้ายังคงดื่มกาแฟ ทุกเดือนต้องไปฟื้นฟูที่สถานฟื้นฟูในเขา1สัปดาห์ ได้แช่น้ำพุร้อน ได้อากาศบริสุทธิ์ ทานอาหารออแกนิก ชินรอดมาได้ถึงสามปี หมอของเค้าทึ่งมาก ทำ CT scan พบว่ามะเร็งยังอยู่
ชินได้รับเชิญไปพูดและบำบัดที่สกอตแลนด์ 1เดือน ที่นั่นเค้าได้รับความรักความอบอุ่น จากการสวมกอดทั้งวัน
กลับมาโตเกียว ผล CT scan ไม่มีมะเร็งหลงเหลือ เค้ามีชีวิตอยู่ต่อมามากกว่า 25 ปี นับจากวันแรกที่กลับบ้าน
3 เชื่อและทำตามปัญญาญาณของตน
ซูซานเป็นมะเร็งตับอ่อนที่ลามไปปอด หมอบอกถึงรักษาก็อยู่ได้ 1-2 ปี ขณะที่ฟังหมอ เสียงในหัวห้ามเธอรับการรักษา เธอเชื่อ สามีและลูกๆก็ตามใจและอยู่เคียงข้างเธอ เธอขอลดงานเหลือสองวัน ใช้สามวันค้นหาข้อมูลในห้องสมุด โดยปรึกษาเสียงในหัว เธอเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนอาหาร กินอาหารที่เป็นด่าง เช่นผักผลไม้ เธอศึกษาแพทย์แผนจีน เชื่อว่า ก้อนมะเร็งเกิดจากการอุดอั้นพลังงาน การอั้นนี้เกิดจากอารมณ์ต่างๆ เช่นมะเร็งไตเกิดจากความกลัวเกิน มะเร็งปอดเกิดจากการจมอยู่กับความเศร้าโศก ต่อมาเธอเลิกทำงาน รักษาด้วยไคโรแพรคติก เพื่อสลายการปิดกั้นพลังงาน แล้วยังฝึกฝนการบำบัดพลังงานด้วยวิธี Matrix energetic นอกจากนี้ซูซานเดิน1ชั่วโมงทุกเช้า เธอรอดมาเกิน 5 ปี อาการต่างๆหายไปหมด เธอรู้สึกแข็งแรงและเป็นสุขมากขึ้น
4 ใช้พืชสมุนไพรและอาหารเสริม
เจนนี่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะ4 เมื่ออายุ51 เธอปรึกษาแพทย์ถึงสามแห่ง หมอแห่งที่สามบอกว่ายังไม่ต้องรีบรักษาด้วยคีโม ให้ลองเปลี่ยนอาหาร กินอาหารสด เสริมด้วยผักผลไม้ ภูมิคุ้มกันน่าจะดีขึ้น เธอจึงเลือกทางนี้
เจนนี่เปลี่ยนอาหาร ผักผลไม้สด ถั่วและธัญพืชไม่ขัดสี ดื่มผักปั่นทุกเช้า เลิกกาแฟ ดื่มชาเขียว เลิกน้ำตาล
กินอาหารเสริมวันละ 40 เม็ด เจนนี่ออกกำลังกายทุกวัน นอกจากนี้เธอยังฝึกสมาธิและสื่อสารกับพระเจ้าทุกวัน
7เดือนผ่านไป ไม่พบมะเร็งหลงเหลือ
5 ปลดปล่อยอารมณ์ขุ่นมัวที่ค้างคาในใจ
โจเติบโตในครอบครัวแคทอลิคที่เคร่งครัด แต่เค้าเป็นเกย์ บาปมาก เลยรู้สึกว่าพระเจ้าเกลียดเค้า อยากฆ่าตัวตาย ก็กลัวตกนรกนิรันดร์ อายุ 40 โจเลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพ แต่หมอยังได้กลิ่นบุหรี่ เลยขอตรวจ CT scan พบจุดที่ปอดเป็นโหลและต่อมน้ำเหลืองโต โจเป็นมะเร็งปอดพันธุ์ดุ รักษาแล้ว 50% ตายภายในสองปี ถ้าไม่รักษาก็อยู่ได้ 1-2 ปี
โจขอหมอไปเที่ยวก่อนเพราะเพี่อนชวนไปเที่ยวเมืองไทย ขณะเดินอยู่เมืองไทย มีหมอดูคนหนึ่งพยายามหยุดโจ เค้าทักว่า ถึงคุณจะดูแข็งแรงมาก แต่หมอได้บอกคุณว่าคุณป่วยมาก ใกล้ตาย แต่อย่าเชื่อหมอนะ ผมเห็นว่าคุณจะอยู่ได้ถึง 88 ปี
โจทึ่งมากเลยยอมดูหมอ เค้าบอกเรื่องในอดีตได้ถูกต้องทุกเรื่อง จบลงด้วยคำทำนายว่า คุณจะเจอผู้หญิงผมแดงช่วยนำไปสู่ทางที่จะหายจากโรค
กลับจากเที่ยว โจเล่าเรื่องหมอดูให้เพื่อนร่วมงานฟัง เค้าเอานามบัตรของนักพลังงานบำบัดที่มีชื่อเสียงแถวนั้นให้ โจส่งเมลไป เล่าเรื่องหมอดูแล้วถามว่าคุณผมแดงมั้ย เธอตอบ ใช่ค่ะ โจเลยไปรักษา
สัปดาห์ต่อมาโจไปรับคีโม หมอขอทำ CT scan ก่อน ทุกคนแปลกใจ ก้อนมะเร็งเล็กลง โจเลยขอหมอเลื่อนคีโมไปอีก 6 เดือน หมอไม่ยินดีนัก และเตือนว่าถ้าไม่รักษาจะตายภายใน 1 ปี
เค้ายังคงรักษากับนักบำบัดผมแดง และลองตามเพื่อนแนะ เช่น Reiki ทุกอาทิตย์เค้าชอบมาก ยังรับวิตามินซีปริมาณสูง ดื่มชากัมบูชา
เค้ายังไปบำบัดกับแพทย์ทางเลือกซึ่งแนะว่าการเก็บกดอารมณ์ขุ่นมัวส่งผลทางกายเค้าจึงพยายามปล่อยวาง
6เดือนผ่านไปผล CT scan ก้อนมะเร็งยุบลง โจจึงขอเลื่อนคีโมไปอีก 6 เดือน
หลังจากอ่านหนังสือเรื่องจิตวิญญาณ โจเริ่มฝึกสมาธิ และได้เข้าปฏิบัติธรรมของพุทธหลักสูตร 10 วัน
ต้องตื่นตี 4:30 และนั่งสมาธิหลายชั่วโมง วันแรกๆมันทรมานมากเค้าเห็นแต่ความโกรธ วันนี้ 6 ความโกรธจางไป โจได้สัมผัสความสงบเย็นสิบวินาที โจเลิกแบกโลก ปล่อยวางความขุ่นเคืองใดๆ อยู่กับปัจจุบัน
โจตรวจ CT scan ทุก6เดือน ก้อนมะเร็งยังอยู่แต่หดเล็กลงบ้าง ขนาดอยู่คงที่บ้าง เค้ารอดชีวิตมาเกิน 5 ปีแล้ว
6 สร้างความคิดบวกและอารมณ์บวก
ตอนซารานเน่อายุ 29 เป็นมะเร็งเต้านมระยะ 4 ลามไปที่คอและสันหลัง ช่วงที่รอพบหมอมะเร็ง เธอคิดถึงอารมณ์ขันบำบัดที่เคยได้ยินมา เธอเช่าเทปตลกมาดูทั้งคืน เธอตกลงกับลูกสาว 6 ขวบ ทุกเช้าและเย็นจะหาอะไรตลกๆทำ จะได้หัวเราะกัน หลังผ่าตัด เธอต้องไปรับคีโมครั้งแรก เธอตั้งใจจะจัดคีโมปาตี้ขำๆ หลังจากรับคีโมครบ 6 ชม แทบทุกคนร่วมสนุกกับปาตี้ ทั้งหมอ พยาบาล คนไข้ ญาติ แม้กระทั่งดีเทลยา เธอสนุกมาก
การบำบัดของเธอคือ การจัดการกับความผิดหวัง กลัว และขจัดผู้คนแย่ๆออกไปจากชีวิต และเธอเริ่มสื่อสารกับพระเจ้า
เป็นเวลาสามปีที่เธอวนเวียนอยู่กับการผ่าตัด คีโม ฉายแสง และแพทย์ทางเลือก ขณะเธอรอจะผ่าตัดครั้งที่ 4
เธอรับการรักษากับหมอของท่าน ดาไลลามะ โดยใช้สมุนไพร สมุนไพรนี้ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน เธอรอดมาได้เกิน 16 ปีแล้ว
7 เปิดรับความเกื้อกูลทางสังคมจากคนอื่น
แคทเธอรีน อายุ 63 พบมะเร็งปอดระยะ 3B เธอยังไม่อยากตาย เธออยากเลิกทำงาน เพื่อเอาเวลามารักษา แต่เธอตัวคนเดียวและไม่มีเงินเก็บเลย พอเพื่อนๆและคนในชุมชนโดยเฉพาะโบสถ์ที่เธอเคยช่วยระดมทุนทราบเรื่อง ต่างก็ยื่นมือมาช่วยเหลือเธอ มีรายหนึ่งยินดีจ่ายค่าเช่าบ้านให้เธอตลอดไป การได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นทำให้เธอซาบซึ้งถึงความเกื้อกูลของเพื่อนมนุษย์ รู้สึกว่าเป็นที่รัก คำแนะนำต่างๆหลั่งไหลเข้ามา เช่นอาหารเสริม และกินอาหารพืชเป็นหลัก ไม่ขัดสี ใช้พลังงานบำบัด เช่น ฝังเข็มทุกสัปดาห์
เธอได้ข้อมูลว่า การผ่าตัด คีโม ฉายแสง ช่วยได้ระยะหนึ่ง เธอจึงขอเลื่อนหมอ เธอยังได้รักษาโดยวิธี Life Vessel ที่อริโซน่า เพียงแค่ครั้งแรก เธอก็รู้สึกดีขึ้นมาก แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก เธอต้องบินไปทำที่อริโซน่าทุกเดือน เพื่อนๆและทางโบสถ์ระดมทุนจนเธอได้รับการรักษาต่อเนื่อง
บางคนอาจจะไม่สบายใจในการรับความช่วยเหลือ เธอมองว่า มีคนมากมายที่มีความสุขในการให้ การรับความช่วยเหลือ ก็เป็นการส่งเสริมให้คนได้ให้
18 เดือนผ่านไป เธอรับการผ่าตัดเมื่อเปิดออกมาหมอพบว่า ไม่มีมะเร็งที่ตับ แต่มีเนื้อร้ายห้อยอยู่ข้างตับ แค่ตัดออกก็จบ ศัลยแพทย์บอกเธอว่า ผมไม่รู้ว่าคุณไปทำอะไรมา ทำต่อไปนะครับ
เธอรอดมาเกิน 7 ปีแล้ว
8 กลับไปหารากเหง้าทางจิตวิญญาณของตน
แมทธิวพึ่งจบมหาลัย เป็นมะเร็งสมองพันธุ์ดุที่สุด ระยะ 4 ก้อนมะเร็งอยู่ในตำแหน่งที่ผ่าตัดเอาออกไม่ได้ หมอได้แค่ระบายของเหลวเพื่อลดอาการปวดหัว ตามด้วยฉายแสง หลังฉายแสงก้อนโตช้าลง หมอบอกว่ามีโอกาสเพียง 1-2% ที่เค้าจะอยู่ได้เกิน 16 สัปดาห์ และแนะนำให้เค้าย้ายไปอยู่ใกล้ครอบครัว
แมทธิวโกรธหมอมาก มึงเป็นใคร กูจะเป็นสอง%นั้น มึงคอยดู เค้าย้ายกลับไปหาครอบครัวและใกล้ชิดเพื่อนๆ
กำลังใจและคำแนะนำมากมายหลั่งไหลมา เค้าลองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฝังเข็มหรือพลังงานบำบัด หมอให้คีโมแบบเม็ด แมทธิวกินได้สองสัปดาห์ก็โยนลงถังขยะ มันทำให้ลิ้นเค้าไม่รู้รส แม้กินเกลือทั้งกะปุกก็ไม่รู้สึก
ซึ่งเค้ารับไม่ได้ แมทธิวไปบราซิลเพื่อรับการบำบัดฟรีผ่านร่างทรง ชื่อ John of God มีวิญญาณมากกว่า 30 ดวงที่มาช่วยรักษา ตรงตามโรคที่ป่วย เค้าเลือกที่นี่เพราะมันฟรี เค้าคิดว่าคนที่รักษาฟรีน่าจะต้องการให้หายจริงๆ
เค้าถังแตก แต่มีผู้หญิงคนนึงที่รักษาที่นี่แล้วหายจากมะเร็งเต้านม ได้ออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ เธอบอกให้เค้าคืนเธอเมื่อพร้อม
แมทธิวนั่งสมาธิสัปดาห์ละสามวันที่ห้องบำบัด และรับพลังงานจาก John of God สม่ำเสมอ กินสมุนไพรทุกวัน
ใช้เวลาที่เหลือจีบสาวบราซิล 1 ปีผ่านไป ทั้งสองแต่งงานกัน สองปีผ่านไปเค้าทำ MRI พบว่าก้อนเนื้อร้ายไม่มีเหลือ เค้าอยู่เป็นอาสาสมัครที่นั่นต่ออีกสองปี แมทธิวสุขภาพแข็งแรง มีความสุขกับเมียและลูกสอง
9 หนักแน่นว่าต้องอยู่เพื่ออะไร
ดอนน่าผู้ซึ่งมองโลกในแง่ดี อายุ 58 ปี เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะ 3 เธอตั้งใจที่จะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อได้ใกล้ชิดและเห็นการเติบโตของหลานๆ หลังผ่าตัดเธอมีถุงอึอยู่ที่หน้าท้อง หลังจากรับคีโมทุกวันอยู่ 5 วัน เธอต้องเข้า ICU เพราะร่างกายหยุดผลิตเม็ดเลือดขาว หมอบอกว่าให้เธอไปพักที่บ้านก่อน แล้วจะนัดภายหลัง
ผลจากคีโม ดอนน่าผมร่วงทั้งหมด หน้าร่วงโรยเหมือนอายุ 105 เพื่อนของเธอแนะนำว่าเธอควรจะไปดีทอกซ์คีโมออก
ดอนน่าลากสังขารอันอ่อนแอเข้ารับการบำบัด 10 วันที่สถานบำบัด นอกจากจะฝังเข็มทุกวัน ยังได้กินอาหารพืชหลากสีสันเป็นหลักมีปลาเล็กน้อย ไม่มีน้ำตาลและนม ทั้งยังใช้ Rife machine และ magnetic pulser รวมทั้งกิจกรรมกลุ่มบำบัด หลังการบำบัดเธอแข็งแรงขึ้นมาก จากเดินแทบไม่ไหว เธอเดินได้วันละเกือบสองโล
หน้าตาสดใส มีเลือดฝาด ดอนน่าเปลี่ยนอาหารและยังเข้าอบรมการทำอาหารมังสวิรัติ ฝังเข็มทุกวัน เดินออกกำลังกายทุกวัน กินอาหารเสริมเพิ่มภูมิคุ้มกัน และทำสมาธิทุกวัน
สองปีผ่านไปหมอผ่าตัดให้เธอกลับมาขับถ่ายได้ปกติ นับจากวันที่ออกจาก ICU เธออยู่มาเกิน 8 ปีแล้ว และตั้งใจจะอยู่ต่อไปอีก 20 ปี
………………………………………..