ปริมาณอุจจาระมาก ผิดปกติไหม
(ภาพวันนี้: กล่ำปลีแดง แข่งกับแมลงหลังฝน ยังไม่รู้ใครจะชนะ)
สวัสดีค่ะอ.หมอสันต์
หนูมีประเด็นทั้งอยากถามและแนะนำผู้ที่ขับถ่ายยาก คือว่า แต่ก่อนที่หนูยังทานเนื้อสัตว์จะมีปัญหาถ่ายยาก บางที 2-3 วันถ่ายที และถ่ายลำบาก ก้อนอุจจาระแข็ง และเป็นริดสีดวงตามมา ไม่ได้รักษาหรือผ่าตัดใดๆ
แต่พอมาเริ่มทานมังสวิรัติ การขับถ่ายดีมาก คือทุกวันและไม่ต้องเบ่งมาก วันละครั้ง ริดสีดวงก็หายไป ที่ดีไปกว่านั้นอีกคือ ทานมังฯค่อนไปทางวีแกน และอาหารเช้า เป็นพวกผลไม้ ผักเล็กน้อย เช่น กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล แครอท แตงกวา เป็นหลัก นอกนั้นก็ผลไม้ตามฤดูกาล ส่วนกลางวันเป็นวีแกนมื้อใหญ่ เย็นก็เบาๆ ทำให้การขับถ่าย ยิ่งไหลลื่นกว่าเดิม คือมากกว่าหนึ่งครั้งต่อวัน บางวัน3-4ครั้ง หนูสังเกตว่า แม้จะถ่ายช่วงเช้ามีดไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่พอทานผักผลไม้ตอนเช้า บางวันยังตามมาติดๆอีกเป็นสองหรือสามครั้ง แต่texture อ่อนกว่าครั้งแรก แต่ปริมาณยังมากอยู่ เป็นไปได้อย่างไรที่ร่างกายเรายังกักเก็บอุจจาระในปริมาณมากทั้งๆที่ถ่ายออกไปหนึ่งครั้งแล้ว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หรือจะจริงอย่างที่การรักษาทางเลือกมักจะให้กำจัดของเสียทางการขับถ่ายออกให้เยอะเข้าไว้ คือยิ่งถ่ายมากยิ่งดี(ถ้าไม่ใช่ท้องเสีย) และตั้งแต่ที่เริ่มทานผักผลไม้เป็นอาหารเช้า ก็ยังไม่มีโรคภัยแม้แต่หวัดมารบกวน เพิ่งเปลี่ยนอาหารเช้าเป็นพวกผักผลไม้ โดยไม่ทานข้าวเช้าเลยมา5 เดือน อาจจะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าดีจริง แต่เรื่องขับถ่ายดีแน่ ไม่ต้องสวนอุจจาระด้วย เพราะแพทย์ทางเลือกมักจะมีข้อแนะนำเวลาเจ็บป่วยว่าให้ลองสวนอุจจาระดู เพื่อระบายของเสียออกจากร่างกายให้มากที่สุด แล้วแต่ก่อนเมื่อหนูมีไข้ ก็จะสวนอุจจาระเอง ไข้จะลงฮวบอย่างเห็นได้ชัด ก็แปลกดี(แต่จริง) อย่างที่เล่าข้างต้น อาจารย์คิดว่าถ่ายอุจจาระบ่อยที่ไม่ใช่ท้องเสียดีจริงหรือไม่ และที่น่าแปลกคือ ทำไมถ่ายครั้งแรกตอนเช้าว่าเยอะแล้ว แต่ปริมาณในครั้งที่สองหรือสามก็ไม่แพ้กัน แล้วอย่างนี้คนที่ถ่ายครั้งเดียวต่อวัน ก็ยังมีอุจจาระคั่งค้างในท้องต่อไปอีกหนึ่งวันหรืออย่างไร
แถมอีกนิดเรื่องจิตวิญญาณคือหนูฝึกสมาธิตามแบบดร.โจ ดิสเพนซ่าอยู่ ยังไม่มีอะไรหวือหวาเป็นรูปธรรม แต่ก็รู้สึกสงบ และความอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นลดลง แต่ก็รู้ว่าเขาให้โฟกัสไปที่อนาคต คิดบวก ใช้ความคิดมารักษาตัวเอง(ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า) แต่ก็ยังดีกว่าไม่นั่งสมาธิเลย และบางครั้ง จะมีแรงบันดาลใจดีๆเกิดขึ้นในด้านบวก ก็คิดไปเองว่าคงเริ่มตระหนักรู้ในระดับหนึ่ง ก็จะพากเพียรต่อไป หรืออาจารย์จะมีข้อแนะนำอย่างไรก็ขอน้อมรับมาปรับใช้ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
…………………………………………………………….
ตอบครับ
1.. ถามว่าเปลี่ยนอาหารมากินมังสวิรัติแล้วปริมาณอุจจาระมาก บางครั้งต้องขับถ่าย 3-4 ครั้ง โดยท้องไม่เสีย ผิดปกติไหม ตอบว่าไม่ผิดปกติครับ สมัยก่อนนานมาแล้วหมออังกฤษคนหนึ่งชื่อดร.เบอร์กิตไปทำงานที่อูกันดา เขาเห็นว่าคนที่นั่นไม่เป็นโรคหัวใจหลอดเลือดและไม่เป็นมะเร็งสำไส้ใหญ่เลย แถมยังขับถ่ายอุจจาระวันละ 5 ครั้ง เขาเห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาดจึงรายงานไว้ในวารสารการแพทย์ BMJ แต่สมัยนี้เรารู้กันทั่วแล้วว่าความปกติของการขับถ่ายคือมีของเสียแค่ไหนก็ขับออกมาอย่างเป็นธรรมชาติให้หมด ไม่มีมาตรฐานดอกว่าวันละกี่ครั้งหรือวันละกี่กรัมจึงจะปกติ
2.. ถามว่าถ้าคนกินมังสวิรัติขับถ่ายอุจจาระออกมามากขนาดนี้แล้วคนกินเนื้อสัตว์ที่สองวันถ่ายทีเขาเอาอุจจาระไปซ่อนไว้ที่ไหน ตอบว่าเขาไม่ได้เอาไปซ่อนไว้ที่ไหนดอกเพียงแต่ปริมาณอุจจาระของเขามีน้อยเพราะปริมาณอุจจาระมันขึ้นอยู่กับว่าใครมีแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่มากกว่ากัน งานวิจัยที่อังกฤษซึ่งเอาอุจจาระของคนที่กินอาหารทั่วไปทั้งพืชและสัตว์มาวิเคราะห์ดูพบว่าประมาณ 50% ของน้ำหนักอุจจาระเป็นตัวแบคทีเรีย การกินอาหารพืชอย่างเดียวยิ่งทำให้ปริมาณแบคทีเรียทั้งปริมาณและความหลากหลายมากขึ้นจนกลายเป็นมวลส่วนใหญ่ของอุจจาระ ผมบอกเปอร์เซ็นต์แน่นอนไม่ได้เพราะยังไม่เคยมีงานวิจัยวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์แบคทีเรียในอุจจาระของคนกินมังสวิรัติ ผมเดาเอาว่าน่าจะประมาณ 75% ของน้ำหนักอุจจาระทั้งหมด ดังนั้นคนกินมังสวิรัติมีปริมาณอุจจาระมากเพราะปริมาณแบคทีเรียนี่เอง
พูดถึงเรื่องขับถ่ายมากโดยท้องไม่เสีย สมัยผมป่วยใหม่ๆเมื่อ 15 ปีก่อน ผมไปซื้อเครื่องปั่นผักผลไม้ความเร็วสูงมาปั่นผักผลไม้กินเพราะขี้เกียจเคี้ยว คนขายเครื่องเขาแถมหนังสือมาให้เล่มหนึ่งคนเขียนเป็นหมอทางเลือกแผนจีนหากินอยู่ในอเมริกาชื่อดร.อู๋ เขาเล่าว่าเวลารักษาคนไข้เขาจะถามคนไข้ว่าวันหนึ่งเข้าห้องน้ำขับถ่ายอุจจาระกี่ครั้ง ถ้าคนไข้ตอบว่าน้อยกว่า 3 ครั้งเขาจะยังไม่รักษาแต่ไล่ให้ไปกินผักผลไม้เพิ่มขึ้นจนเข้าห้องน้ำได้วันละ 3 ครั้งค่อยกลับมาหาเขาใหม่ นี่แสดงว่าแพทย์แผนจีนอย่างน้อยก็ดร.อู๋คนนี้มองว่าการขับถ่ายวันละ 3 ครั้งเป็นเรื่องปกติ
3.. ถามว่าได้ฝึกสมาธิตามแบบ Dr. Joe Dispenza แล้วใจสงบดี หมอสันต์มีอะไรจะแนะนำเพิ่มเติมไหม ตอบว่าไม่มีครับ เมื่อลองทางนั้นไปได้ดีแล้วก็เดินหน้าต่อไปทางนั้นแหละ เพราะไม่ว่าจะเดินเข้าทางไหน ท้ายที่สุดมันไปโผล่ที่ที่เดียวกัน
สำหรับท่านผู้อ่านทั่วไปที่ไม่รู้จัก Dr. Joe Dispenza ผมขอเล่าแทรกไว้ตรงนี้นิดหนึ่งเผื่อเป็นความรู้ประดับกาย เขาเป็นหมอจัดกระดูกที่เรียนจบปริญญาเอกทางด้านประสาทวิทยาด้วย แต่มามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะครูสอนทางจิตวิญญาณคนดังคนหนึ่งของอเมริกา สอนโดยการเปิดคอร์สเก็บค่าลงทะเบียนเรียน หลักการสอนของเขาคือเอาหลักฮินดูนิกายเวดานตะ (non-dualism) มาพูดในภาษาวิทยาศาสตร์ จุดเน้นของเขาคือให้กล้าก้าวจากสิ่งที่รู้ไปสู่สิ่งที่ไม่รู้ (step from known to unknown) กล้าทิ้งตัวตนเดิมไปเป็นตัวตนใหม่ (change identity) และเน้นการลงมือทำ (be a doer) เช่นเขาสอนว่าทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาให้ถามตัวเองว่า (1) วันนี้มีอะไรที่ขวางกั้นระหว่างฉันกับความหลุดพ้น (2) อะไรที่ฉันเลิกคิด เลิกพูด เลิกทำ แล้วจะหลุดพ้น (3) อะไรที่ฉันเริ่มทำ แล้วจะหลุดพ้น เป็นต้น ส่วนที่ลึกที่สุดของคำสอนของเขาเป็นการชี้นำและเร่งเร้าให้ปฏิบัติเพื่อเข้าถึงปรมาตมันซึ่งเขาเรียกว่า unified field of unknown โดยวิธีการเข้าถึงที่เขาแนะนำก็คือตัดความเชื่อมต่อกับอายตนะทั้งหกเสียให้หมด (disconnect from all sense organs) ซึ่งก็หมายถึงการฝึกสมาธิเข้าฌาณนั่นแหละ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์