(เรื่องไร้สาระ 25) เรื่องของสว.อยู่ว่างไม่ได้
(ภาพวันนี้: เหลืองอินเดียที่ริมรั้ว ก่อนจะมาเป็น Tarzan Staycation)
วันนี้เข้าสู่กลางเดือนเมษายน แม้อากาศที่มวกเหล็กจะไม่ได้ร้อนขนาดเหมือนกรุงเทพ แต่ก็สัมผัสความแห้งแล้งได้จากหญ้าที่กำลังกลายเป็นสีเขียวอมเหลือง บ่ายแก่ๆผมชวนหมอสมวงศ์ออกเดินเล่น โดยวันนี้เราเปลี่ยนทิศทางเดินลงเนินไปทางทิศเหนือบ้าง เดินผ่านกลุ่มบ้านหลังเล็กหลังน้อยอัดกันอยู่ในแมกไม้สีเขียว ทำให้อยากจะเล่าเรื่องของเพื่อนคนหนึ่งในวันนี้
เธอเป็นเพื่อนสนิทกับครอบครัวผมมาเกินยี่สิบปีแล้ว สมัยหนึ่งเคยทำงานในโรงพยาบาลด้วยกัน เมื่อประมาณสิบปีก่อนเธอเคยมาเยี่ยมผมที่มวกเหล็กวาลเลย์แล้วซื้อที่ดินทิ้งไว้แปลงหนึ่งโดยบอกว่าเกษียณแล้วจะมาอยู่ พอเกษียณจากราชการแล้วเธอก็มาปลูกบ้าน แล้วก็หายเงียบไป ผมจึงเปรยว่า
“ปลูกบ้านแล้วทิ้งไว้ไม่อยู่นี่เป็นการทำให้โลก รกขึ้นนะ”
หลังจากนั้นเธอก็ย้ายมาอยู่ ความที่เป็นหญิงโสดไม่กล้าอยู่คนเดียวจึงชักชวนเพื่อนอีกคนมาอยู่ด้วย และเมื่อมาอยู่จริงๆก็ได้เพื่อนอีกสองตัว เป็นน้องหมาตัวเล็กของเพื่อนบ้านชื่อแจ๊คและมอนเต้
แต่ว่าสำหรับคนที่เคยทำงานแอคทีฟตลอดเวลาพอเกษียณแม้จะอายุหกสิบกว่าแล้วแต่เธอก็คงรู้สึกว่าชีวิตมันยังว่างมากเกินไป วันๆชอบไปตลาดแถบใกล้ๆ ซื้อโน่นซื้อนี่มาเต็มบ้านจนไม่มีที่วาง ซื้อเนื้อซื้อตับมาปรุงอาหารให้น้องหมากินจนน้องหมาจะเป็นโรคอ้วนเอา ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจเช่าที่ตรงที่ผมกำลังเดินผ่านและจะแวะเข้าไปเยี่ยมนี้ มันเป็นกลุ่มบ้านหลังเล็กๆประมาณหกเจ็ดหลังซึ่งเจ้าของเขาเคยใช้เป็นที่พักผ่อนสำหรับพนักงานในบริษัทของเขาแต่ว่าตอนนี้ถูกทิ้งร้างไร้ประโยชน์ ก่อนเช่าเธอเปรยขอความเห็นผม ซึ่งผมตอบว่า
“การทำบ้านร้างให้ใช้ได้เป็นการช่วยทำโลกที่รกให้สะอาดขึ้นนะ“
เพื่อนของผมเธอตัดสินใจเช่าแล้วเข้าไปซ่อมแซมทำความสะอาดและตกแต่งใหม่เพื่อเปิดเป็นบ้านพักผ่อนในวันหยุดแบบโฮมสเตย์สำหรับคนกรุงเทพฯโดยตั้งชื่อว่า Tarzan Staycation ชื่อนี้คงมาจากการที่ในกลุ่มบ้านนี้มีบ้านหลังหนึ่งอยู่บนต้นไม้แบบบ้านทาร์ซาน เห็นเธอเอาจริงเอาจังกับโปรเจ็คนี้แต่ว่าขณะเดียวกันเธอก็แสนจะประหยัดและกระเหม็ดกระแหม่ในการลงทุน เพื่อนๆพากันเอาของเก่ากระจุ๊กกระจิ๊กมาสงเคราะห์ ตัวผมเองไปคุ้ยๆเศษไม้เก่าๆหลังบ้านมาเขียนป้ายบริจาคให้ อย่างน้อยก็คงช่วยให้เธอประหยัดค่าป้ายไปได้หลายร้อยบาทอยู่
วันที่เราเดินเข้ามาเยี่ยมสำรวจนี้เจ้าของไม่อยู่และเข้าใจว่าเธอเพิ่งเริ่มเปิดดำเนินการเพราะเห็นมีรถเก๋งแขกจอดอยู่ แดดร้อนแต่ภายในพื้นที่เล็กๆประมาณสามไร่นี้ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้เหมือนโอเอซีสอยู่กลางทะเลทราย มีสระเล็กๆอยู่ใต้แมกไม้ มีลำธารหินซึ่งมีน้ำใสไหลริน เข้าใจว่าเป็นน้ำที่ไหลเพราะการสูบหมุนเวียน แต่ก็ทำให้รู้สึกดีในหน้าร้อนอย่างนี้ มีบ่อน้ำตื้นแบบชนบทก่อเป็นวงกลมด้วยหินทรายอยู่สองบ่อ ชะโงกดูเห็นมีน้ำลึกเอาเรื่อง มีทางเดินภายในลดเลี้ยวหลากหลายตามแมกไม้ ตรงชายทุ่งหรือชายสนามมีอยู่หลังหนึ่งรูปทรงแปลกๆออกแนวบาหลี ส่วนบ้านหลังอื่นๆเป็นแนวฝรั่งทั้งหมด ทุกหลังมีขนาดเล็กกระป๊อกกระแป๊ก มีอยู่สองหลังที่มีปล่องควันเตาผิงด้วย มีอยู่หลังหนึ่งหลังคามุงด้วยกระเบื้องชิงเกิ้ลโดยมีต้นไม้ใหญ่แทงทะลุหลังคาดูเท่เชียว
ต้นหมากรากไม้ในกลุ่มบ้านนี้มีความหลากหลายทั้งชนิดและขนาด ผมจำได้ว่าที่ริมรั้วด้านข้างมีต้นเหลืองอินเดียหลายต้นซึ่งพอถึงเดือนกุมภาจะออกดอกเหลืองอร่ามหล่นเกลื่อนพื้น ผมเคยถ่ายรูปหมอสมวงศ์นั่งริมรั้วตรงนี้โดยมีดอกเหลืองอร่ามเป็นแบคกราวด์ไว้ด้วยเมื่อปีก่อน
ถึงจะเป็นรีสอร์ทหรือโฮมสเตย์ขนาดเล็กเธอก็ยังอุตส่าห์เอาหลังใหญ่ที่สุดทำ common house ผมแอบถ่ายรูปจากหน้าต่างให้ดู มองออกจากห้องคอมมอนนี้เห็นวิวภูเขา เข้าใจว่าคงมีไว้สำหรับผู้มาพักที่ไม่อยากจุมปุกอยู่ในห้องเล็กๆทั้งวันได้ออกมานั่งดื่มกาแฟหรือสังสรรค์กับบ้านอื่นบ้าง ตรงหน้าคอมมอนเฮ้าส์นี้เป็นลานหญ้ากลมๆมีม้านั่่งขอนไม้โดยรอบและมีที่ก่อกองไฟอยู่ตรงกลาง มองดูลานกองไฟกลางเดือนเมษาอย่างนี้มันขนลุกพิกล..ร้อน..น
เดินมาจวนถึงประตูออกด้านข้าง มีอาคารหลังเล็กแบบทรงเท่ๆอยู่สองหลัง ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นบ้านพัก แต่แท้จริงแล้วเป็นห้องสุขาแยกชายหญิง แต่ก็ยังอุตสาห์ทำบันไดวนให้ขึ้นไปหาห้องนอนแบบซำเหมาที่เป็นห้องเล่าเต๊งสำหรับคนนอนเฝ้าอยู่ข้างบน เราเดินสำรวจไปถึงด้านหลังของบ้านกลุ่มนี้ เป็นสวนผักของชาวไร่ข้างเคียงมีผักสีเขียวหลายชนิดกำลังเหี่ยวเพราะแดดเดือนเมษาแผดเผา แต่มองจากสวนผักและเล้าเป็ดของชาวไร่นี้เห็นบ้านหลังเล็กๆแบบฝรั่งของ Tarzan Staycation เป็นแบคกราวด์ก็เท่ไปอีกแบบ
ผมเคยถามเธอว่าจะคิดค่ามานอนค้างอ้างแรมกับแขกอย่างไร เธอบอกว่ามีตั้งแต่ห้าหกร้อยบาทไปจนถึงพันห้าร้อยบาทต่อหลังต่อคืน เข้าใจว่าขึ้นอยู่กับความซำเหมาของแต่ละหลัง ผมเดาเอาว่าหลังที่ต้องปีนต้นไม้ขึ้นไปนอนคงจะถูกกว่าเขาเพื่อน กรณีนอนเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนเธอบอกว่าก็อีกราคาหนึ่ง ส่วนอาหารไม่มีให้ แต่ว่าตรงนี้อยู่ในมวกเหล็กวาลเลย์ซึ่งห้องครัวของเวลเนสวีแคร์บริการส่งอาหารให้ถึงที่ทุกมื้อทั่วมวกเหล็กวาลเลย์อยู่แล้ว เรื่องการกินจึงไม่ลำบากสำหรับผู้ที่คิดจะมาพักผ่อนในวันหยุด ดีเสียอีกจะได้หัดกินอาหารแบบ plant-based เพื่อสุขภาพไปด้วย
ท่านที่สนใจจะใช้บริการของเธอก็ลองโทรศัพท์หาตัวเธอหรือพรรคพวกของเธอเอาเองนะครับ ผมเข้าใจว่าเบอร์นี้จะใช้ได้ 065 586 2660
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์