ปัสสาวะแสบขัดอั้นไม่อยู่..ขมิบ แขม่ว กระดก หนีบ ผ่อน
(ภาพวันนี้: เจดีย์ทรุดแบบเท่ๆ ที่แม่น้ำเจ้าพระยาตรงหัวเกาะเกร็ด นนทบุรี วันไปหาซื้อไก่และไข่ปลอมแถวนั้น)
กราบสวัสดีคุณหมอครับ
ขณะนี้ผมได้ย้ายมาอยู่ประเทศอเมริกาเป็นเวลา 6 ปีแล้วครับ ผมตั้งใจเขียนมาขอบพระคุณและเล่าประสบการ์ณที่ได้ความรู้จากคุณหมอช่วยไว้จากอาการปัสสาวะแสบเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วครับ
ตอนที่ย้ายมาอยู่ถาวรในวัย40กว่า ก็มีความเครียดกับการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม หน้าที่การงาน สังคม ค่อนข้างพอสมควรครับและรู้สึกไม่สบายตัวมากๆกับอากาศหนาว 3 ปีที่แล้วในช่วงหน้าหนาวประมาณมกราคม ที่อยู่ๆก็รู้สึกมีอาการแสบตอนปัสสาวะ ก็นึกว่ากระเพาะปัสสาวะอักเสบเพราะอั้นก็พยายามกินน้ำ กินแครนเบอรี่ กินยาแก้อักเสบ ก็ไม่หายตอนนั้นก็เริ่มเครียดครับ พยายามหาอ่านข้อมูลต่างๆนานาก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องอื่นนอกจากการอักเสบ จนถึงวันที่กังวลมากเลยตัดสินใจไป ER ตรวจไม่พบเชื้อแบคทีเรียในปัสสาวะครับ แต่ก็ได้ยาแก้อักเสบมาก็ไม่หาย จ่ายค่า ER ไปพันกว่าเหรียญ จากนั้นนัดไปหาหมอคลำตรวจต่อมลูกหมาก ไปทำ CT scan ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ได้รับคำวินิจฉัยว่า ไม่ทราบเหตุผลที่ปัสสาวะแสบ ไม่มีแนวทางรักษา เกือบสามเดือนที่แสบตอนปัสสาวะทุกครั้ง ด้วยความทุกข์ใจรายวันกลัวเป็นโรคร้ายแรง ผมก็ลุยอ่านกูเกิ้ลเรื่องนี้ไปเรื่อยๆส่วนใหญ่ภาษาอังกฤษ ไม่เจอข้อมูลจนมีกลุ่มฟอรั่มพูดคุยกลุ่มหนึ่งที่มีคนบอกบอกว่ามีคอร์สที่สอนคล้ายๆฝึกสมาธิและทำกิจกรรมผ่อนคลายเพื่อรักษาอาการแสบปัสสาวะแต่ได้ผลน้อยก็เริ่มตะหงิดใจ
จนจำได้ว่าวันหนึ่งเจอบทความคุณหมอ เท่าที่จำเนื้อหาได้คุณหมอพูดอาการปัสสาวะแสบเพราะกล้ามเนื้อ Pelvic เกร็งตัว คล้ายกับเวลาสุนัขเครียดจะเกร็งบริเวณส่วนโคนหางจนหางชี้เพื่อเตรียมรับมือกับสถาณการณ์ มนุษย์เองก็มีพัฒนาการมาตรงนี้เพื่อเตรียมหนีภัย กล้ามเนื้อ Pelvic อาจจะหดเกร็งไปจนกระทบกับระบบประสาทตอนปัสสาวะทำให้แสบ อ่านบทความคุณหมอแล้ว ความรู้สึกเหมือนฟ้าเปิดโล่งเห็นแสงแห่งความหวังหลังจากมืดมนมา 3 เดือนครับ ปรกติผมฝึกนั่งสมาธิจนได้ความสงบระดับนึงมาตั้งแต่อยู่ไทย แต่พอมาอเมริกาปล่อยให้ความยุ่งทำให้ละเลย แถมตอนกังวลก็ไม่ได้นั่งสมาธิเพราะมัวแต่หาทางรักษา
หลังจากนั้นด้วยความเข้าใจว่ากล้ามเนื้อ pelvic เกร็งตัวผมก็พยายามนั่งสมาธิวิปัสนาครั้งละชั่วโมง วันละหลายๆครั้ง บางครั้งก็เพ่งที่บริเวณนั้นและกำหนดว่ากล้ามเนื้อผ่อนคลายหนอภายใน 5 วันอาการแสบปัสสาวะลดลงจนหายไปหมดเลยครับ สามปีแล้วไม่เป็นอีกเลย แฟนงงมากว่าจากวุ่นวายอยู่ 3 เดือนอยู่ๆก็หาย ทุกวันนี้เล่าไปคนยังฟังแบบงงๆคุยต่อไม่ถูกครับ
ผมเลยอยากกราบขอบพระคุณคุณหมอเป็นอย่างสูงมาณ.ที่นี้ครับผม
ขอบพระคุณครับ
Sent from Yahoo Mail on Android
…………………………………………………………………………………….
ตอบครับ
แฟนท่านนี้ไม่ได้ถามอะไรผมจึงไม่ต้องตอบท่าน ได้แต่ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์มาเป็นวิทยาทานให้แฟนบล็อกท่านอื่น จดหมายของท่านไฮไลท์ความสำคัญของระบบประสาทอัตโนมัติและการผ่อนคลาย (relaxation) ในการแก้ปัญหาที่เรียกรวมๆแบบบ้านๆว่าโรค “ประสาทปัสสาวะ”
แต่ไหนๆท่านเขียนมาแล้วผมจึงขอถือโอกาสนี้พูดถึงการแก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่ายปัสสาวะซึ่งมักจะมาเป็นชุดของอาการมากบ้างน้อยบ้าง ตั้งแต่ แสบ ขัด เล็ด ฉี่บ่อย และฉี่ฉุกเฉิน คำว่าฉี่ฉุกเฉินนี้ผมหมายความว่าถ้าไม่เห็นห้องน้ำก็ไม่เป็นไร แต่เห็นห้องน้ำเป็นไม่ได้ต้องรีบรี่เข้าไป ยิ่งใกล้ห้องน้ำยิ่งอาการรุนแรง พอถึงประตูเข้าห้องน้ำก็ฉี่ราดเลย ยังไม่ทันคลายซิปกางเกงหรือจัดกระโปรงให้เรียบร้อยด้วยซ้ำ ปัญหานี้พบมากในผู้สูงอายุทั้งชายและหญิง แต่พอมีผ้าอ้อมแพมเพิร์สผู้สูงอายุออกมาขายความสนใจที่จะแก้ปัญหาก็ลดความจริงจังลงไป เพราะจะออกจากบ้านก็ใส่แพมเพอร์สเสียหมดเรื่องกันไป นานมาแล้วผมดูหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งซึ่งคนแก่สามคนมีความเซ็งมะก้องด้องในชีวิตวัยเกษียณ วันๆมันมีแต่ “เฉา” เพราะไม่รู้จะทำอะไรดีนอกจากการรอวันเป็นปุ๋ย จึงชวนกันไปปล้นแบงค์ แล้วขณะปฏิบัติการ คนหนึ่งเกิดฉี่ราดขึ้นมา เพื่อนก็ดุว่า
“แล้วทำไมเอ็งไม่ใส่แพมเพิร์สซะก่อนมาละวะ”
แต่ผมจะบอกผู้สูงวัยทุกท่านว่าแพมเพิร์สไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าให้มา สิ่งที่พระเจ้าให้มาคือระบบกล้ามเนื้อกระบังล่าง (pelvic floor) ซึ่งเป็นชุดกล้ามเนื้อที่เล็กแต่แรง ถ้าเราฝึกมันดีมันจะรับใช้เราไปได้จนวันสุดท้ายของชีวิตไม่ว่าหญิงหรือชาย การฝึกก็ประกอบด้วยการสั่งให้หดตัว และสั่งให้ผ่อนคลาย สลับกันไป วันนี้ผมจะแนะนำวิธีฝึกกล้ามเนื้อกระบังล่างตามแบบของคีเกล (Kegel) คือให้หากระบังล่างให้เจอก่อน ด้วยวิธีหัด “ขมิบหน้า” เพื่ออั้นฉี่ปึ๊ดกลางลำขณะกำลังฉี่โจ๊กๆอยู่ ถ้าอั้นได้สำเร็จละก็นั่นแหละ สั่งการถูกที่แล้ว นั่นคือกล้ามเนื้อกระบังหน้า ต้องรู้จักกระบังหน้านะ เดี๋ยวไปอั้นผิดเอากระบังหลังเข้า เพราะกระบังหลังหมายถึงกล้ามเนื้ออั้นอึ พอรู้จักว่าอันไหนคือกระบังหน้าแล้ว หลังจากนั้นก็ฉี่ทิ้งให้หมดกระเพาะ แล้วนอนหงายขมิบหน้า ปึ๊ด ปึ๊ด ปึ๊ด ปึ๊ด แล้วผ่อนคลายสักห้าวิ แล้วเอาอีก ปึ๊ด ปึ๊ด ปึ๊ด ปึ๊ด แต่ละปึ๊ดให้นานสักสิบวิ สลับกับพักสิบวิ อย่าไปยุ่งกับกล้ามเนื้อหน้าท้อง หน้าขา หรือก้นนะ จะเสียโฟคัส และให้ใช้หลักแบบเดียวกับการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทั่วไป คือมีสติ ตั้งใจหายใจเข้าออกช้าๆ ขมิบคาไว้แล้วนับในใจ จบแล้วก็ปล่อยลมหายใจออกแบบผ่อนคลาย มีสติ พร้อมๆกับคลายกล้ามเนื้อกระบังล่าง ถ้าเป็นคนขี้เกียจเป้าหมายคือฝึกให้ได้วันละสักสามครั้ง แต่ละครั้งทำสักสามเซ็ท แต่ละเซ็ทให้ขมิบได้สักสิบปึ๊ด (10 repetitions) ถ้าเป็นคนขยันให้ทำวันละ 100 เซ็ท ทำทุกวัน ติดต่อกันสามเดือน ทำน้อยได้ผลน้อย ทำมากได้ผลมาก
กล้ามเนื้อกระบังล่างนี้มันมีความสำคัญตรงที่เป็นจุดเชื่อมโยงของกล้ามเนื้อกระดูกสันหลัง สะโพก ขา และลำตัวด้วย จึงมีผลต่อการทรงตัวของผู้สูงอายุอย่างมาก ตอนที่ผมป่วยหลังหักสะโพกหักนอนแบ็บเดี้ยงอยู่บนเตียง ทำได้ท่าเดียวคือนอนหงายกระดิกมือกระดิกเท้า แค่พลิกตัวก็ไม่ได้แล้ว ผมก็เริ่มแผนที่จะลุกออกจากเตียงให้ได้ด้วยการฝึกกล้ามเนื้อกระบังล่างนี้ก่อนเพื่อน เพื่อจะให้มันไปทำงานประสานกับกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อหลัง และกล้ามเนื้อขา ซึ่งผมเคยเล่าไว้เป็นวิดิโอยูทูป (https://www.youtube.com/watch?v=tqKqTjH3PWc) วิธีที่ผมทำโดยสรุปก็คือ ขมิบ-แขม่ว-กระดก-หนีบ-ผ่อน หมายความว่านอนหงายชันเข่าอยู่บนเตียงเอาหมอนเสียบไว้ระหว่างหัวเข่าสองข้าง ขมิบหน้าและหลังแน่วแน่ไว้ แล้วแขม่วกล้ามเนื้อหน้าท้อง แล้วกระดกก้นกบขึ้นให้หลังส่วนล่างแอ่นลงไปชนพื้นเตียง แล้วเอาหัวเข่าสองข้างหนีบหมอนให้แบนไปเลย ทั้งขมิบ แขม่ว กระดก หนีบ อยู่แน่นไม่ยอมคลาย หายใจเข้าออกช้าๆจนจวนเจียนจะหมดแรงแล้วจึงปล่อยทุกอย่างลงไป หายใจเข้าออกตามสบาย เลิกขมิบเลิกแขม่ว ปล่อยหน้าท้องให้พองยุบตามลมหายใจแบบปรกติ พอหายเหนื่อยก็เริ่มรอบต่อไปอีก ทำอย่างนี้ให้ได้วันละสัก 5 รอบ แล้วท่านจะเป็นผู้สูงอายุที่ทั้งอั้นอยู่และทั้งมีบุคลิกดีหลังตรงคล่องแคล่วในการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวทรงตัว ถ้าไม่เชื่อหมอสันต์ก็ให้ลองทำดูเพื่อพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยตัวเองก่อน อย่าเพิ่งรีบสรุปเอาจากความคิดตัวเองว่าจริงหรือไม่จริง
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์