ผู้พลิกผันโรคด้วยตนเอง


ช่วงนี้อากาศที่มวกเหล็กเย็นสบายดีมาก

     มีบันทึกเผยแพร่ประสบการณ์จริงจากสมาชิกของแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเองท่านหนึ่ง ซึ่งผมเห็นว่าจะมีประโยชน์มากกับแฟนๆบล็อกที่เป็นโรคหัวใจระดับเป็นมากแล้ว จึงเอามาบอกเล่าต่อ ที่ผมชอบมากคือแม้จะอายุเจ็ดสิบแล้วแต่ก็ยังสร้างอิสรภาพให้ตัวเองในเรื่องอาหาร ทำอาหารทานเอง ไม่ต้องพึ่งพาใคร ขอขอบพระคุณเจ้าตัวที่กรุณาให้เผยแพร่เรื่องของตัวเองเป็นวิทยาทานด้วยนะครับ

.........................................

     "..ผม สมชาย​ โพธิวิช​ยา​นนท์ ครับ เคยทำงานเป็นผู้จัดการ​โครงการ​พิเศษ​ในเครือ​บริษัท​ที่​มี​ชื่อ​เสียงแห่งหนึ่ง ตอนนี้ อายุ 70 ปี อาการป่วยของผมเริ่มจากอาการเหนื่อยขึ้นมาฉับพลัน บวม ท้องผูก โดยที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้วคือ เบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง โรคไตเรื้อรัง และเคยมีเลือดออกที่จอประสาทตา ครั้งนี้แพทย์ตรวจด้วยการฉีดสีพบเส้นเลือดหัวใจตีบ 3 เส้นและมีหัวใจล้มเหลว แพทย์นัดทำผ่าตัดบายพาส โดยให้รอคิว ระหว่างรอคิวทำผ่าตัดผมเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่ตัวเองเป็นทางอินเตอร์เนทจนมาพบการปรับเปลี่ยนชีวิตจากการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย​ จากคุณ​หมอ​สันต์​ ใจ​ยอด​ศิลป์​

     ขั้นตอนการปรับเปลี่ยนที่ทำไปคืออาหารรับประทานใช้น้ำปรุงอาหาร​แทนน้ำ​มัน​ รับประทาน​อาหารเจไขมันต่ำ เน้นถั่วและธัญพืช งดของทอด งดอาหารเนื้อสัตว์​ บางครั้งทานอาหารนอกบ้านมีเนื้อสัตว์ 20% ทานผักผลไม้แต่ละวัน 4- 5 เสริฟวิ่ง ทานน้ำผักปั่นทุกวัน

     ช่วงแรกๆจะค่อนข้างลำบากต้องซื้อจากข้างนอกบางครั้งมีน้ำมัน กอร์ป​กับ​ตัวเองเกษียณจากงานมาจึงมีเวลาทำให้หันมาทำอาหารทานเองตามเมนูต่างๆที่ตนเองสร้างสรรค์เอง การคิดเมนูอาหารล่วงหน้า ช่วงแรกๆค่อนข้างลำบากเล็กน้อยอุปกรณ์ไม่ครบ แต่ปัจจุบันนี้ค่อนข้างลงตัวในเรื่องอาหาร 

     ด้านการออกกำลังกาย พยายามใช้วิธีการเดินช้าระยะเวลาสั้นใกล้ๆ หากเดินเร็วกระทันหันจะรู้สึกเสียดหน้าอกเล็กน้อย จะพยายามเดินช้าลง และผ่อนลมหายใจพร้อมอาศัยการแกว่งแขนไปเรื่อยๆบางวันใช้การขี่จักรยาน 30 นาที

     ด้านการจัดการกับความเครียดใช้วิธีการฟังเพลง สวดมนต์ ใส่บาตร นั่งสมาธิ ปลูกต้นไม้ เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงสุนัข

     หลังจากทดลองปฏิบัติตัวอยู่ระยะหนึ่งระหว่างรอเข้าแคมป์พลิกผันโรคด้วยตนเองรุ่นที่ 15 และมาเข้าแคมป์กลับไปนำไปปฏิบัติมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จากความมีวินัยและมุ่งมั่นในเรื่องอาหารและการออกกำลังกาย การจัดการความเครียดทำให้เกิดผลลัพธ์ต่อร่างกาย คือ

     1. ผลเลือดอยู่ในระดับดี สามารถปรับลดขนาดยาได้อย่างเห็นได้ชัด

     2. อาหารที่ทานมีความลงตัว สามารถทำอาหารทานเองได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร

     3. การออกกำลังกายทั้งการทำชี่กง ไทชิ เล่นกล้ามฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การเดินวิ่งเหยาะๆรอบหมู่บ้านวันละ 3 กม โดยไม่มีอาการเสียดหน้าอก  สามารถสมัครลงวิ่ง 5 กมใช้ระยะเวลา 1 ชมกับ Run for the animals2020 เมื่อวันที่29 พย 63

     4. จากการรอเข้าคิวทำ บายพาส ปัจจุบันนี้ผมให้คำยืนยันกับแพทย์ว่าไม่ทำผ่าตัดแน่นอน

     5. ความสงบทางใจที่ดี จากการรักตนเองทำให้คนรอบข้างมีรอยยิ้ม และยินดี สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีในการรักสุขภาพ role model

     6. โรคNCD อื่นๆ มีแนวโน้มดีขึ้น แต่​ก็เสื่อมไปตามอายุ

     นี่คือตัวอย่าง​ของคนที่เข้าคิวรอผ่าตัดบายพาส ใช้เวลาการปรับพฤติกรรมจากเดิมที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆภายในระยะเวลา​ 1 ปี​ ไม่มากไปและไม่น้อยไป ซึ่ง​แสดงให้เห็นชัดว่าโรคมันสามารถหายได้จริงๆ ตรงตามการวิจัยที่คุณหมอสันต์​ ใจ​ยอด​ศิลป์​ท่านแนะนำอยู่บนพื้นฐานงานวิจัยจริงแท้แน่นอน

 สมชาย​ โพธิวิช​ยา​นนท์ (​ผู้พลิกผันโรคด้วยตนเอง).."

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี