บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม, 2023

แค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเอง (RDBY-28) วันที่ 13-16 กย. 66

(ภาพวันนี้ / เวลเนสวีแคร์ ยืนหยัดเปิดสอนแค้มป์สุขภาพมาได้เกือบสิบปีแล้วนะ) วันนี้ขอประชาสัมพันธ์แค้มป์พลิกผันโรคด้วยตัวเองครั้งที่ 28 (13-16 กย. 66) มีอะไรใหม่ใน RDBY-2 8 นับตั้งแต่ผมหยุดทำคลินิกในโรงพยาบาลมา จะมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มีความต้องการมาหา ซึ่งพอจะจำแนกได้เป็นสี่แบบ คือ บ้างอยากมาหาผมแบบคนไข้หาหมอเช่นกรณีทั่วไป บ้างอ่านหนังสือที่ผมเขียนนำไปปฏิบัติแล้วติดขัดทำต่อไม่ได้อยากมาถามเอากับตัวคนเขียน บ้างมาเข้าแค้มป์แล้วกลับไปลดยาเองหรือไปปฏิบัติทักษะอาหารและการออกกำลังกายเองแต่ก็ยังติดขัดอยากจะกลับมาฝึกทักษะเพิ่ม บ้างถอดใจแล้วว่าทำต่อเองไม่ได้แน่ๆแล้ว (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอาหาร) อยากจะมาอยู่ที่เวลเนสวีแคร์สักพักเพื่อตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่โดยหวังให้เวลเนสวีแคร์จัดพยาบาลประกบดูแลให้เพื่อพลิกผันโรคของตนเองให้สำเร็จ เพื่อช่วยแก้ปัญหานี้โดยที่ไม่ต้องให้ผมกลับไปนั่งตรวจผู้ป่วยที่คลินิกอีกในโรงพยาบาลอีก ผมจึงปรับแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเองให้เป็นคลินิกรักษาโรคเรื้อรังแบบ 100% เสียเลย กล่าวคือผู้ป่วยทุกคนมาที่แค้มป์นี้ถือว่ามาเพื่อให้ตัวผมตรวจประเมินและวางแผนจัดการโรคให้เป็นรายคน เสร็จแล้วก

การพูดคุยแบบสร้างแรงบันดาลใจ (Motivational Interviewing - MI)

(ภาพวันนี้ / ดอกรวงผึ้ง กับลูกค้าที่แห่เข้ามาใช้บริการ) หมอสันต์สอนผู้มาเข้าอบรมแค้มป์โค้ชสุขภาพ (Camp For Coach) ที่เวลเนสวีแคร์ เรื่องการช่วยผู้ป่วยให้เลิกนิสัยเก่าสร้างนิสัยใหม่ การช่วยคนให้เปลี่ยนนิสัยสำเร็จเป็นเรื่องใหญ่และเป็นสาขาหนึ่งของวิชาแพทย์ เรียกว่าเวชศาสตร์การเปลี่ยนนิสัย (Behavior Medicine) มีหลายทฤษฎี หลายวิธี ที่งานวิจัยบ่งชี้ว่าใช้ได้ผลดีมีประมาณสิบทฤษฎีหรือสิบวิธี เราจะค่อยๆเรียนรู้ ค่อยๆทำความรู้จักกับมันไปทีละวิธี วันนี้เราจะเรียนวิธีที่เรียกว่า “การพูดคุยแบบสร้างแรงบันดาลใจ (Motivational Interviewing – MI)” ซึ่งเป็นทฤษฎีใหม่ แต่มีงานวิจัยเปรียบเทียบจำนวนไม่ต่ำกว่า 180 งานรองรับว่าใช้เปลี่ยนนิสัยคนได้ผลดีมาก มีอัตราความสำเร็จเฉลี่ยสูงถึง 63% MI คืออะไร สมัยก่อนเราช่วยผู้ป่วยให้เปลี่ยนนิสัยโดยการ “สอน” หรือ “สั่ง” หรือ “บอก” ให้ทำ ถ้าผู้ป่วยไม่ทำเราก็สรุปเอาดื้อๆว่าผู้ป่วยไม่สนใจ ขาดความบันดาลใจ ไม่ร่วมมือ เสร็จแล้วหลังจากนั้นชีวิตของทั้งสองฝ่ายก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ชีวิตเราในฐานะโค้ชก็สูญเปล่าเพราะเราทำงานแล้วแต่งานไม่สำเร็จ MI เป็นวิธีโค้ชแบบใหม่ที่เกิด

ต่อมลูกหมากโต ฉี่ขัด แต่ยายังเอาอยู่ ควรผ่าตัดดี หรือควรกินยาดี

รูปภาพ
(ภาพวันนี้ / ศิลปะแบบปล่อยปละละเลย) เรียนคุณหมอสันต์ ผมอายุ 63 ปี ปัสสาวะติดขัด ไปหาหมอ หมอใช้นิ้วล้วงทวารหนัก บอกว่าเป็นต่อมลูกหมากโต ให้ยามากิน อาการดีขึ้นเล็กน้อย ตอนหลังหยุดกินยา (กลัวมีผลต่อไต) ประมาณ 4 เดือน จนรู้สึกว่าปัสสาวะติดขัดหนักกว่าก่อนไปหาหมอ คือตอนถ่ายปัสสาวะจะเจ็บปวดมาก ถ่ายไม่ค่อยออก เลยต้องกลับมากินยาอีก ตอนนี้อาการดีขึ้นครับ ถามคุณหมอว่าผมควรจะกินยาไปเรื่อยๆ (น่าจะตลอดชีวิต) หรือผ่าตัดดีครับ หนังสือคัมภีร์สุขภาพดีของหมอสันต์ คลิกภาพดูรายละเอียดได้ ……………………………………. ตอบครับ ประเด็นการวินิจฉัย โรคที่คุณเป็นคือต่อมลูกหมากโตโดยมีอาการปัสสาวะลำบาก (lower urinary tract symptoms – LUTS) ร่วมด้วย อาการนั้นคุมอยู่ได้ด้วยยา ประเด็นการรักษา ถามว่า ควรกินยาเรื่อยไปหรือผ่าตัดดี ตอบว่า ตราบใดที่ยายังคุมอาการได้ดีอยู่ ก็ควรกินยาต่อไป ยี่สิบปีสามสิบปีไม่ซีเรียส แต่ถ้ายาเอาไม่อยู่ก็ต้องทำการรักษาแบบรุกล้ำ (ผ่าตัด) ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง แต่หากยาคุมอาการได้ไม่มีใครแนะนำให้ผ่าตัดหรอกครับ ตัวหมอเองเมื่อเป็นก็ไม่ยอมผ่าตัด ผมเคยเห็นหมอศัลยกรรมปัสสาวะที่เป็นโรคนี้มีอาการมากจนนั่งประชุมอยู่คร

หมอสันต์ให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องการสร้างแพทย์รุ่นใหม่เพื่อมาทำงานทางด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต

รูปภาพ
(ภาพวันนี้ / ท้องฟ้าสีแปลกก่อนฝนมา) นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ให้สัมภาษณ์สื่อ เรื่องการวางพื้นฐานสร้างทิศทางอนาคตให้ “เวชศาสตร์วิถีชีวิต” ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 กค. 66 “..ผมเริ่มมองเห็นมาตั้งหลายสิบปีแล้วว่าทิศทางที่วงการแพทย์เรามุ่งหน้าไปด้วยการมุ่งให้การรักษา ให้ยาผ่าตัด โดยเอาโรงพยาบาลเป็นฐานที่มั่นที่ตั้งรับนั้นมันไปไม่รอดดอก เพราะมันเป็นระบบที่กินทรัพยากรณ์ระดับล้างผลาญเลยทีเดียวแต่ก็ยังแก้ปัญหาโรคเรื้อรังซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพหลักของยุคสมัยนี้ไม่ได้ ตอนนั้นผมเองก็คิดไม่ออกว่าจะเอาวิธีไหนมาแก้ปัญหาโลกแตกนี้ คัมภีร์สุขภาพดี หนังสือเล่มใหม่ของหมอสันต์ สนใจคลิกดูในภาพได้ จนกระทั่งเมื่อราวสิบห้าปีก่อนเมื่อตัวผมเองป่วยเป็นโรคหัวใจเสียเอง แล้วประสบความสำเร็จจากการรักษาโรคของตัวเองด้วยการเปลี่ยนวิธิกินอาหารและวิธีใช้ชีวิต ประกอบกับหลักฐานวิจัยสนับสนุนเริ่มทะยอยออกมามากขึ้นๆว่าการเปลี่ยนวิถีชีวิตสามารถป้องกันและรักษาโรคเรื้อรังได้ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน โรคสมองเสื่อม โรคมะเร็ง เป็นต้น ผมจึงมั่นใจว่าแนวทางเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) ซึ่งมุ่งสอนให้ผู้ป่วยและคนทั่วไปให้เ

เจาะลึกปัญหาคนหนุ่มสาวที่เรียนก็ไม่เรียน ทำงานก็ไม่ทำ (NEETs)

รูปภาพ
(ภาพวันนี้ / คนซื้อหลอก..เอ๊ย บอกว่าเป็นทารากอน แต่ปลูกตอนมันเป็นโควิด คือไม่มีกลิ่น หิ..หิ) คุณหมอครับ ปัญหาที่อยากปรึกษาขณะนี้ คือผมเป็นลูกคนที่ 1 ในบรรดาลูก 3 คน น้องสาวและน้องชายอีก 2 คน อายุ 33 และ 32 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาโทและตรี แต่มีอาการของ ฮิคิโคโมริ (ความผิดปกติทางจิต มีพฤติกรรมแยกตัวออกจากสังคม) มีอาการ OCD ล้างมือบ่อยครั้ง คนนึงเป็นแบบซึม นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 16 ชั่วโมง อีกคนนึงเป็นแบบจ่าคลั่ง ทำลายล้าง โดยสรุป ผมเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นคนเดียวที่หาเงินเลี้ยงแม่ ซึ่งผมให้เงินเลี้ยงในระดับสุขสบายตามอัตภาพ แต่แม่ไม่สามารถตัดลูกที่เป็นฮิคิโคโมริ และไซโคพาธได้ และไม่สามารถรักษาอาการของทั้ง 2 คนได้ คัมภีร์สุขภาพดี หนังสือเล่มใหม่ของหมอสันต์ สนใจคลิกที่ตัวภาพ ผมอยากขอคำแนะนำจากอาจารย์สันต์ครับ ………………………………………………………………………. ตอบครับ นีทส์ (NEETs) คืออะไร ก่อนอื่น เพื่อให้ท่านผู้อ่านทั่วไปตามทัน เรามาทำความรู้จักกับคำว่านีทส์ (NEETs) ก่อน คำนี้ย่อมาจาก Not in Education, Employment or Training ผมแปลว่า “เรียนก็ไม่เรียน ทำงานก็ไม่ทำ ฝึกอบรมก็ไม่ฝึก” เป็นคำที่ใช้เจาะจงเรียกเยา

รู้สึกว่าชีวิตไม่มีทางออก

รูปภาพ
(ภาพวันนี้ / ดอกแก้วมังกร) หนังสือคัมภีร์สุขภาพดี ของหมอสันต์ สนใจคลิกดูรายละเอียดได้ อาจารย์คะ หนูทำงานเป็นแพทย์มา10 ปี อดทนทำงานหนักมากมานาน จนรู้สึกว่าที่ผ่านมามันว่างเปล่า ตอนนี้คิดแต่อยากลาออก แต่ไม่รู้จะไปไหน ทำอะไรต่อ รู้สึกเค้วงมากคะ แต่งานที่ทำตอนนี้รู้สึกไม่ไหวแล้วคะ งานหนักมากขึ้นมาก เหนื่อยทั้งกายใจ  จนต้องร้องไห้บ่อยๆ อาจารย์ช่วยแนะนำหนูทีคะว่าหนูควรทำอย่างไรต่อ ……………………………………………… ตอบครับ ในชีพหนึ่งของการเกิดมาเป็นคนนี้ เมื่อใดก็ตามที่สามสหายวัฒนะมาพบกัน คือ      (1) หมดอารมณ์      (2) ทำอะไรก็ไม่สำเร็จดั่งใจหมาย และ      (3) ตัวตนแตกแยก (depersonalization)      เมื่อนั้น สิทธิการิยะท่านว่ามันเป็นอาการของโรคเบิร์นเอ้าท์ (burn out) ซึ่งผมขอแปลว่าโรค “เอียนการทำงาน” ทั้งนี้อย่าสับสนกับอีกคำหนึ่งคือ bore out ซึ่งผมแปลว่าโรค “เอียนการไม่ได้ทำอะไร” เพราะทั้งสองเรื่องนี้สาเหตุตรงกันข้ามแต่ให้อาการป่วยที่เหมือนกัน แล้วคุณหมอไม่ต้องไปค้นหาโรคนี้ในระบบจำแนกโรคทางจิตเวช (DSM 5) นะครับ เพราะมันไม่มี แต่มีอยู่ในระบบการจำแนกโรคทั่วไป (ICD10) เราสามารถวินิจฉัยภาวะนี้ได้โดยใช้ชื่อ “ปัญหา

อาการลิ้นแปร่งๆและเท้าซ่าๆขณะกินยาต้านไวรัสตับอักเสบบี. (Entecavir)

รูปภาพ
(ภาพวันนี้ ; แมลงอะไรเอ่ย) เรียน​ คุณหมอสันต์ ดิฉันอายุ69ปีน้ำหนัก51กก.สูง164ซม.ปัจจุบันรับยาไวรัสตับอักเสบบี(Entecavir0.5mg)​ตั้งแต่อายุ55ปี(ยาเปลี่ยนมารอบที่4แล้วค่ะ)​ ช่วง3-4เดือน​มีความรู้สึกมีรสแปร่งๆที่ปลายลิ้น(ไม่ใช่รสขม, หวาน, เปรี้ยว)​ลองหาข้อมูลใน​googleก็ไม่มีข้อมูลใดลักษณะแบบดิฉัน จึงสังเกตตัวเอง​ พบว่าน่าจะแพ้สารเคมีทุกชนิดจากสบู่, ยาสระ, แป้ง​ ทั้งๆที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนสุดและจากธรรมชาติที่ขายกัน เมื่อวานนี้เด็กถูพื้นดิฉันเดินเท้าเปล่ารู้สึกทันที​ ขณะกำลังถามคุณหมอลิ้นดิฉันยังมีความรู้สึกรสแปร่งๆ ขอคำแนะนำ​ และควรหาหมอสาขาไหนค่ะ​ (อดีตเป็น​ ขรก.ที่​ … ค่ะ) ด้วยความเคารพ …………………………………………………………. หนังสือคัมภีร์สุขภาพดี ของหมอสันต์ (สนใจคลิกที่ภาพดูได้ครับ) ตอบครับ 1.. ถามว่าอาการรู้สึกรสแปลกๆที่ปลายลิ้น และมีความรู้สึกแปลกๆมากกว่าปกติเมื่อเท้าสัมผัสพื้น เป็นอาการอะไร ตอบว่าเป็นอาการผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลายที่ทำหน้าที่รับความรู้สึกขาเข้า (sensory neuropathy) ในกรณีที่เป็นกับเส้นประสาทหลายเส้นอย่างของคุณนี้ก็เรียกว่า polyneuropathy ภาษาบ้านๆเรียกง่ายๆว่า “ปลายประสาทอักเสบ”

คัมภีร์สุขภาพดี Healthy Life Bible โดย นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ /พญ.ดร.พิจิกา วัชราภิชาต

รูปภาพ
ในที่สุดผมก็เขียนหนังสือที่ผมอยากจะเขียนมาชั่วชีวิตได้สำเร็จ คือผมอยากจะเขียนหนังสือที่ใช้เป็นหมอประจำบ้านของท่านแทนตัวผมเองได้ ให้หนังสือสามารถช่วยท่านป้องกันและพลิกผันโรคเรื้อรังได้ด้วยตัวท่านเอง ช่วยท่านแก้ปัญหาสุขภาพทั้งเรื่องฉุกเฉินและไม่ฉุกเฉินด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุด และช่วยตอบคำถามทางการแพทย์ทุกด้านให้ท่านได้มากที่สุด ผมตั้งชื่อหนังสือว่า “คัมภีร์สุขภาพดี” เป็นหนังสือขนาดใหญ่หน่อย (19 x26 ซม.) หนา 423 หน้า พิมพ์สี่สีเพราะมีภาพประกอบแยะ พิมพ์ด้วยอักษรตัวโต แต่ก็คุมน้ำหนักไว้ที่ 750 กรัมเพื่อให้ผู้สูงวัยถือนอนอ่านได้ ขายในราคาเล่มละ 495 บาท ส่งให้ฟรี หนังสือนี้ต้องซื้อกับหมอสมวงศ์ทางไลน์ “หนังสือหมอสันต์” โดยพิมพ์ Line ID ชื่อ @healthylife (โปรดสังเกตว่ามีตัว @ ด้วย และใช้อักษรตัวเล็กเขียนติดกันหมด) ไม่วางตามร้านหนังสือเพราะจะทำให้ราคาหนังสือสูงขึ้น กรณีไลน์มีปัญหาให้โทรศัพท์หาหมอสมวงศ์ (0868882521) หรือเขียนอีเมลหา (somwong10@gmail.com) หรือติดต่อทางเฟซบุ้คเพจ (นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์) แต่ไม่ว่าจะติดต่อเข้ามาทางไหน ท้ายที่สุดก็ยังต้องไปซื้อขายกันที่ไลน์ที่เดียว เพราะโครงการนี้เป็น

โรคขี้กังวลในนักศึกษา (generalized anxiety disorder - GAD)

(ภาพวันนี้ / ต้อยติ่งในดง) สวัสดีครับ ผมอยากขอความกรุณาหน่อยครับ ตอนนี้ผมอายุ 19 เรียนคณะพยาบาลอยู่ปี2 ผมเป็นคนนึงที่คิดมากครับ แต่ก็พยายามจะไม่คิดมาก ฝึกนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ แต่งานก็เยอะด้วยครับกับการเรียนคณะนี้ ผมชอบมีอาการปวดหัวตรงขมับบ่อยมาก เป็นๆหายๆ ทุกวัน พอมีวิธีช่วยไหมครับคุณหมอ ขอบคุณมากครับ …………………………………………………….. ตอบครับ คนที่กำลังเรียนหนังสือ จะต้องมีช่วงหนึ่งหลายๆช่วงในชีวิต ที่รู้สึกว่านี่มันจะไม่ไหวแล้วนะ มันสุดทนแล้วนะ เรื่องที่จะต้องอ่านต้องทำความเข้าใจต้องจำเพื่อไปสอบมีแยะ เวลามีไม่พอ ที่สำคัญพลังชีวิตหดหายไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง มีแต่อาการผิดปกติบนร่างกายเต็มไปหมดแทบทุกระบบ เช่น ระบบประสาทอัตโนมัติ (ใจสั่น เหงื่อแตก ความดันขึ้น) ระบบกล้ามเนื้อกระดูก (เปลี้ยล้า ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ) ระบบทางเดินอาหาร (คลื่นไส้ ท้องร่วง) ระบบหายใจ (หายใจไม่อิ่ม หอบหืด) จิตประสาท (กลัวเกินเหตุ คิดกังวลซ้ำซาก ตั้งสติไม่ได้ หงุดหงิดโมโหง่าย นอนไม่หลับ ซึมเศร้า) ทำอะไรก็ไม่ค่อยสำเร็จ มองทุกอย่างเป็นปัญหาใหญ่ไปหมด มีปัญหาสลึงเดียวก็มองเห็นเป็นปัญหาสิบบาทร้อยบาท ถ้าจะว่ากันตามเกณฑ์วินิจฉัยทางก

ความว่างเปล่า (Space) ความเงียบ (Silence) และเวลา ณ ปัจจุบันขณะ (Now)

(ภาพวันนี้ / ตื่นจากนอนเล่น มองออกไปนอกประตู) (หมอสันต์พูดกับสมาชิกที่มาเข้า Spiritual Retreat) สมมุติว่าเรายืนมองเสาประตูฟุตบอลสองต้นซ้ายขวา ระหว่างเสาทั้งสองต้นนั้นคือช่องว่างหรือความว่างเปล่า ทั้งๆที่เราก็กำลังมองดูช่องว่างนั้นอยู่ แต่มันไม่มีอะไรให้มองเห็น พูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่าช่องว่าง (space) หรือความว่างเปล่า ก็คือความรู้ตัว (consciousness) ที่ดำรงอยู่โดยไม่มีการสนองตอบของใจเราต่อสิ่งที่เห็น จะด้วยไม่มีภาพให้ดู หรือด้วยเราจงใจไม่สนองตอบก็แล้วแต่ สมมุติว่าเรากำลังฟังเสียงนก เสียงนกตัวที่หนึ่งร้องดังขึ้น เบาลง แล้วเงียบไป อีกสักครู่นกตัวที่สองก็ร้องดังขึ้น ช่องว่างระหว่างเสียงของนกตัวที่ 1 และเสียงของนกตัวที่ 2 เป็นความเงียบ (silence) ทั้งๆที่เราก็เปิดหูรับฟังอยู่ แต่มันไม่มีอะไรให้ได้ยิน พูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่าความเงียบก็คือความรู้ตัวที่ดำรงอยู่โดยไม่มีการสนองตอบต่อเสียง (หรือไม่สนใจเสียง) สมมุติว่าเรามีความคิดที่ 1 โผล่ขึ้นมาในใจ สมมุติว่าเป็นเรื่องงานที่เจ้านายเร่งรัดจะรีบเอา สักพักหนึ่งความคิดนั้นหมดไป ครู่หนึ่งต่อมาก็มีความคิดที่ 2 โผล่ขึ้นมาในใจอีก คราวนี้สมมุติว่าเป็นเรื่องท

เจ็บหน้าอก ตีบ 1, 2, 3 เส้น ตีบเท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ็นต์ และตีบที่ LM นิดหน่อย

(ภาพวันนี้ / ดอกเข้าพรรษา) สวัสดีค่ะ คุณหมอสันต์ คุณพ่อไปตรวจหัวใจที่ รพ. เนื่องจากมีอาการแน่นหน้าอกระหว่างยกน้ำหนักออกกำลังกายที่ฟิตเนสค่ะ แต่แน่นไม่นาน อาจจะเนื่องจากฝืนยกน้ำหนักเกินกำลัง  แต่กิจวัตรประจำวันก็ปกติไม่ได้เจ็บหน้าอกอะไร ผลการตรวจฉีดสีออกมาว่า หลอดเลือดตีบ 3 เส้นและมีอยู่หนึ่งเส้นที่ค่อนข้างจะตีบมาก ประมาณ 90% ..  คุณหมอที่ รพ.จึงแนะนำให้ผ่าทำบายพาส  แต่พอได้ดูคลิปของคุณหมอพูดเรื่องรักษาหัวใจขาดเลือดด้วยตนเอง ก็เลยสนใจ …  คุณพ่อจึงอยากขอปรึกษาคุณหมอให้แนะนำเป็นการส่วนตัวได้มั้ยคะ  เพราะสอบถามโปรแกรมของศูนย์ wellnesswecare  จะมีคอร์สว่างที่คุณหมออบรมอีกที 12-14 สิงหาคมเลยค่ะ รบกวนคุณหมอช่วยพิจารณาด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ …….. …………………………………………………………. ตอบครับ 1.. ถามว่าจะขอปรึกษาหมอสันต์เป็นการส่วนตัวได้ไหม ตอบว่าผมไม่ตรวจรักษาผู้ป่วยที่โรงพยาบาลแล้วครับเนื่องจากอายุมากแล้ว แต่ยังรักษาและให้คำแนะนำผู้ป่วยเป็นรายคนอยู่ โดยผู้ป่วยต้องมาเข้าแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตัวเอง (RDBY – Reverse Disease By Yourself) ซึ่งจัดประมาณทุกสองเดือน ครั้งถัดไปจะจัดในวันที่ 13-16 กย. 66 ครับ เหตุที่ผ