เจ้าหญิงแห่งแคว้นกาสี The Princess of Kashi

(ภาพวันนี้: The Princess of Kashi)

วันนี้ผมจะเล่าเรื่องเจ้าหญิงแห่งแคว้นกาสี ซึ่งเป็นเรื่องที่เล่าไว้ในหนังสือเวดะ

เรื่องมีอยู่ว่าในยุคที่แคว้นกาสี (คือพาราณสีทุกวันนี้) ยังรุ่งเรือง วันหนึ่งฝ่ายในที่เล่นละครถวายกษัตริย์ได้ตกลงกันจะเล่นละครเรื่องเจ้าหญิงแห่งแคว้นกาสี ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหญิงตัวน้อยน่ารัก แต่มาติดอยู่ที่ไม่มีเด็กคนไหนมีความเหมาะสมน่ารักพอที่จะเป็นเจ้าหญิงแห่งแคว้นกาสีตามบทนั้นได้สักคน พระราชินีจึงตรัสออกไอเดียว่าเราก็จับเจ้าชายแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงสิ เจ้าชายซึ่งตอนนั้นอายุราวเจ็ดขวบก็เลยได้สวมบทบาทเจ้าหญิงแห่งแคว้นกาสีเล่นละคร เป็นละครที่ตรึงตาตรึงใจผู้ชม และพระราชินี้ได้ให้จิตรกรของราชสำนักวาดรูปเจ้าหญิงแห่งแคว้นกาสีไว้เป็นอนุสรณ์

วันเวลาผ่านไปร่วมยี่สิบปี ทุกคนลืมละครเรื่องนี้ไปแล้ว ตัวเจ้าชายเองเติบใหญ่เป็นยุพราชหนุ่มที่เก่งกาจสามารถทั้งบู๊และบุ๋น ผ่านเลยวัยที่สมควรอภิเษกสมรสไปแล้วแต่ก็ยังเป็นโสดอยู่เพราะหาเจ้าหญิงงามจากประเทศไหนมาเสนอก็ไม่ถูกใจพระยุพราชสักคน

วันหนึ่งพระยุพราชเข้าไปค้นสรรพาวุธในโรงเก็บของ ได้พบภาพเขียน “เจ้าหญิงแห่งแคว้นกาสี” เป็นภาพเด็กผู้หญิงที่เห็นแล้วพระยุพราชก็ตกหลุมรักทันที อ่านดูที่กรอบซึ่งระบุวันเวลาที่วาดไว้ก็ทรงคำนวณได้ทันทีว่าอายุอานามของเธอน่าจะใกล้เคียงกับตน จึงยิ่งลุ่มหลง ปักใจว่าจะต้องได้เจ้าหญิงแห่งแคว้นกาสีมาอภิเสกสมรสเป็นพระชายาให้ได้ ย้ำคิดย้ำทำจนไม่เป็นอันกินอันนอน เลิกการศึกษาวิทยายุทธ เลิกการฝึกออกว่าราชการงานเมือง จนกษัตริย์มีความกลัดกลุ้มว่าเจ้าชายเป็นอะไรไปจึงกลายเป็นคนไม่เอาไหนไปเสียแล้ว

ในที่สุดด้วยฝีมือแคะไค้ของราชครู พระยุพราชก็เผยปมความรักที่ฝังตรึงในใจออกมา ราชครูมีความยินดีที่พระยุพราชมีความรักและมีความคิดจะเข้าสู่การอภิเสกสมรส จึงขอให้พาไปดูภาพเขียนของเจ้าหญิงผู้นั้น เมื่อไปเห็นภาพเข้าจริงๆ ราชครูก็..อึ้ง กิม กี่ คิดในใจว่างานเข้าอีกแล้วตู

จึงหาจังหวะเหมาะๆ ลมดีๆ พาเจ้าชายไปนั่งใต้ร่มไม้ แล้วเล่าเรื่องราวเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่พระมารดาจับพระยุพราชซึ่งตอนนั้นเป็นเด็กชายตัวเล็กๆกำลังน่ารักแต่งตัวเป็นเจ้าหญิงแห่งแคว้นกาสีเพื่อเล่นละครถวาย

พระยุพราชเมื่อรู้ว่าเจ้าหญิงที่ตนเองลุ่มหลงนั้นแท้จริงคือตัวเองนั่นเองก็มีความปลื้มปิติ ความอยากได้เจ้าหญิงมาครอบครองปลาสนาการไปสิ้นเพราะเจ้าหญิงก็คือตัวเองนั่นเอง

เรื่องนี้หนังสือเวดะผูกเป็นนิทานขึ้นมาเพื่อสอนถึงกลไกของเข้าถึง “ความเป็นหนึ่งเดียว” (Yoga) ของทุกชีวิตในจักรวาลนี้ หรือการเข้าถึงเมตตาธรรมที่ไม่มีขอบเขตจำกัด ว่าใครก็ตามที่พาจิตเข้าถึงตรงนี้ได้ ชีวิตอื่นทุกชีวิตก็คือตัวเองนั่นเอง ความอยากได้ชีวิตอื่นสิ่งอื่นที่น่ารักน่ายินดีมาครอบครองจะหมดไป เช่นเดียวกันความชิงชังรังเกียจอยากหนึจากชีวิตอื่นสิ่งอื่นที่น่าเกลียดน่าชังก็จะหมดไปด้วย เพราะทั้งหมดนั้นก็คือตัวเองนั่นเอง

เอวัง เรื่องของเจ้าหญิงแห่งแคว้นกาสีก็มีด้วยประการฉะนี้

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี