ชายกำลังอยากจะมี ม. หญิงกำลังอยากจะมี ผ. ท่านว่า..ห้ามขัดขวาง
(ภาพวันนี้: Tarzan Stacation ในมวกเหล็กวาลเลย์)
กราบเรียน อ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ที่เคารพรักอย่างสูง
ชื่อ … ค่ะ อายุ 40 ปี โสด อาชีพ … เคยไปเข้าแคมป์ Spiritual retreat รุ่นที่ … เลยศรัทธาและนับถืออาจารย์เป็นผู้นำจิตวิญญาณค่ะ
ประเด็นที่จะรบกวนขอความเห็น อ.คือ (นับว่าเป็นเรื่องไร้สาระมากๆ ที่ไม่น่านำมาถาม อ.จริง ๆค่ะ) มีผู้ชาย 1 คนมาจีบค่ะ เป็นแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดกระดูก อยู่ที่สิงคโปร์ แล้วเขาก็ดูจริงจังถึงขนาดชวนเป็น my wife แต่ประเด็นคือ หนูมีความฝันอยากทำ Depression Hub ในเมืองไทย แล้วเชื่อในเรื่องควรอยู่เป็นโสดมากที่สุด เพื่อจะได้มีเวลาและพลังงานได้เหลือเฟือ หนูให้ความสำคัญกับ Passion มากกว่าการสร้างครอบครัวค่ะ (The power of ALONE from sadghuru) แต่แพทย์คนนั้นเขาเห็นต่าง เนื่องจากตัวเขาเองก็มีความมุ่งหวังจะสร้าง รพ.เล็กๆ เพื่อผ่าตัดให้กับผู้มีรายได้น้อย อะไรประมาณนี้ค่ะ คือแนว ๆ เคยทำงาน WHO มาก่อน เขาบอกว่า “มันควรเป็นทีมแบบครอบครัวสิ ถึงจะสร้างเรื่องยิ่งใหญ่ได้” คราวนี้เลยไปไม่ถูกกับแนวคิดค่ะ
หนูต้องการไปถึง enlightenment ความสัมพันธ์แบบครอบครัวแบบนี้ มีผลต่อการไปถึงมั้ยคะ หรือเป็นอุปสรรคทำให้ถึงได้ช้าลงค่ะ
ขอบพระคุณ อ.สันต์ มากค่ะ หากไม่มองเป็นเรื่องไร้สาระจนเกินไป
…………………………………………………………….
ตอบครับ
โบราณของประเทศไหนก็จำไม่ได้แล้ว สอนว่าคนกำลังปวดอึ หรือชายกำลังอยากจะมี ม. หรือหญิงกำลังอยากจะมี ผ. ท่านว่าห้ามขัดขวาง แต่ผมหยิบจดหมายของคุณขึ้นมาตอบเพราะกำลังมึนจากการเตรียมบรรยายให้ฝรั่งฟัง จึงอยากทำเรื่องไร้สาระสลับฉากบ้าง
1.. ถามว่าอยากจะบรรลุความหลุดพ้น แล้วการจะมี ผ. จะเป็นอุปสรรคไหม ตอบว่ามันเป็นอุปสรรคแหงอยู่แล้วแม่คุณ!
2.. ถามว่าหมอสันต์สนับสนุนการแต่งงานไหม ตอบว่าไม่สนับสนุนเลย ไม่ว่าคุณหรือใครๆ นี่อาจเป็นความเห็นที่ขวางโลกอยู่คนเดียว ผมไม่สนับสนุนการแต่งงานเพราะเป้าหมายที่แท้จริงของการแต่งงานสมัยนี้มีอย่างเดียวคือเพื่อทำลูก ผมไม่สนับสนุนการทำลูกเพราะตอนนี้พลเมืองโลกมีมากเกินไปแล้วและโลกในวันที่คนรุ่นใหม่เกิดมามันจะไม่ได้อยู่ได้ง่ายๆอย่างทุกวันนี้ อย่าให้ผมพรรณาในรายละเอียดเลยนะ ส่วนการจะทำเรื่องอื่นร่วมกันเช่นการจะมีเซ็กซ์ จะทำธุรกิจ จะเป็นบัดดี้หรือเพื่อนซี้กัน สมัยนี้คุณย้ายไปนอนด้วยกันวันนี้ได้เลยโดยไม่ต้องแต่งงานเป็นสามีภรรยากันดอก เวลาจะชิ่งหนีออกจากกันด้วยเหตุใดก็ดีจะได้ไม่ต้องไปหย่ากันที่อำเภอให้ยุ่งยาก อย่าไปคิดว่าการเป็นบัตดี้กับใครแล้วเราจะผูกติดกันไปทั้งชาติ เพราะท่านย่อมว่า
“…ไม้ท่อนหนึ่งลอยมาพบกับไม้อีกท่อนหนึ่งกลางมหาสมุทรแล้วแยกจากกันไปฉันใด
การมาพบกันของผู้เกิดมา ก็ฉันนั้น..”
3.. ถามว่าถ้าไปอยู่ด้วยกันเพื่อเป็นบัดดี้เพื่อนคู่คิดยังจะเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุความหลุดพ้นไหม ตอบว่ายังเป็นอุปสรรคถ้าคุณอยู่คนเดียวด้วยตัวเองยังไม่ได้แล้วไปอยู่กับคนอื่นเพื่ออิงเขา แต่ไม่เป็นอุปสรรคถ้าคุณอยู่ของคุณคนเดียวได้เองก่อนแล้วไปอยู่กับคนอื่นทีหลัง
การบรรลุความหลุดพ้นเป็น verb to be นะ ไม่ใช่ verb to do ต้องเป็นเอง ไม่สามารถเอาใครมาช่วยทำได้ หมายความว่าการอยู่นิ่งๆเฉยๆคนเดียวเป็นวันๆโดยไม่คิดอะไรไม่ทำอะไรแล้วก็ยังสุขสงบอยู่ได้นั่นแหละคุณหลุดพ้นแล้ว แก่นกลางของความเป็นมนุษย์เรา (human being) นี้เข้าถึงด้วยการ “เป็น” หรือ “be” เพราะพัฒนาการของมนุษย์เรานี้ พวกที่อยู่แถวหน้าได้พัฒนามาถึงระดับที่พัฒนากันที่ความรู้ตัวหรือ consciousness ซึ่งพัฒนาได้แม้ขณะนั่งอยู่เฉยๆแล้ว ส่วนแถวหลังซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่นั้นก็ยังง่วนอยู่กับการทำกิจกรรมพื้นฐานอย่างการกิน นอน ขับถ่าย สืบพันธ์ และต่อสู้เพื่อปกป้อง identity ที่ตัวเองปั้นขึ้นมาเองอยู่
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์