เป็นสว.แต่ติดใจเรื่องบิทคอย

เรียนคุณหมอสันต์ที่นับถือ

ฉันเป็นแฟนประจำ อายุ 76 ตั้งแต่ได้อ่านบทความของคุณหมอเรื่องคนอายุ 70 ที่เมียตายแล้วถามว่าจะเก็บเงินไว้ใช้อย่างไร ฉันก็สนใจบิทคอยแต่ไม่กล้าซื้อ ได้แต่แอบตามดู ตอนที่คุณหมอแนะนำผู้อ่านท่านนั้นให้เก็บเงิน 5% ไว้ในรูปของบิทคอย ราคามันเหรียญละ 280,000 บาท ตอนนี้มันเหรียญละราว 1 ล้านบาท ฉันเลยสนใจอยากซื้อ แต่ก็อยากถามคุณหมออีกทีว่ายังยืนยันแนะนำอย่างนั้นอยู่หรือเปล่าค่ะ

…………………………………………….

ตอบครับ

โห บาปกรรมหรือเปล่าเนี่ย คุณอ่านบทความของผมให้ดีนะ ไม่งั้นคุณจะถูกหมอสันต์หลอกให้เสียเงิน ในบทความเก่านั้น แฟนบล็อกท่านหนึ่งเขียนมาถามว่าถ้าหากมีชีวิตต่อไปอีก 20 ปี จะจัดการการเงินให้เมื่อยี่สิบปีผ่านไปแล้วจะมีเงินพอใช้ได้อย่างไร คุณจับประเด็นให้ดีนะ เขาถามถึงการเก็บเงินเอาไว้ใช้ใน 20 ปีข้างหน้า ไม่ใช่ปีนี้ปีหน้า ซึ่งผมตอบไปว่าเขาถามมาผิดที่ แต่ผมก็ให้ความเห็นไป โดยย้ำว่ามันเป็นการให้ความเห็นแบบคนไม่รู้ โดยผมให้ความเห็นว่าให้เก็บเป็นเงินสดไว้ใช้พอไม่ให้ขาดมือแค่ 5% เป็นทองคำแท่ง 30% พอเงินสดหมดก็ทะยอยเปลี่ยนทองคำแท่งเป็นเงินสดแค่พอใช้จับจ่ายซื้อข้าวของเป็นปีๆไป ที่เหลือเก็บเป็นที่ดินที่ทำเกษตรได้ซะ 40% เป็นหุ้น 20% และเป็นเงินคริปโตเคอเรนซี่เช่นบิทคอยเสีย 5% ย้ำอีกทีนะว่าในบทความนั้นเราคุยกันถึงการเก็บทรัพย์ไว้ใช้ในอีก 20 ปีข้างหน้า เป็นการคุยกันถึงการเก็บทรัพย์ไว้ในระยะยาวในลักษณะที่มีการประกันในภาพรวมว่ามันจะไม่เสื่อมค่า (hedging)

แต่ของคุณยาย..เอ๊ย ไม่ใช่ ขอโทษ ของคุณพี่นี่ มันคนละมู้ดคนละโทนกันนะ ของคุณพี่นี่คือการอยากซื้อขายเอากำไร ไอ้นั่นเขาว่าดี เฮ้ย มันขึ้นราคามาแล้ว ซื้อซะดีแมะ ดังนั้นคุณพี่ถามผมว่าบิทคอยขึ้นราคาแล้ว ซื้อดีแมะ ผมตอบว่าปูนนี้แล้วคุณพี่อยู่ห่างๆการซื้อขายเก็งกำไรไว้ดีกว่า อย่าไปยุ่งกับมันเลย เพราะการเก็งกำไรบางครั้งมันกลายเป็นการ “เกร็ง” คือฮาร์ทแอทแทค ดังนั้นเอาเวลาไปแสวงหาโมกขธรรมดีกว่า หิ หิ

ตอบคำถามจบแล้วนะ แต่ไหนๆคุณพี่เขียนมาชวนคุยถึงเรื่องนี้แล้ว ผมขอพล่ามต่ออีกสักหน่อย ในสองประเด็น

ประเด็นที่ 1. ทรัพย์ทุกอย่างมันมีการเปลี่ยนราคาในระยะสั้น (หมายถึงไม่เกินปี)กับระยะยาว (หมายถึง 5-10 ปีขึ้นไป) สำหรับคนสูงอายุที่คิดจะเก็บทรัพย์ส่วนเกินจากที่กินที่ใช้ในวันนี้ไว้กินตอนแก่ ควรให้ความสนใจกับทรัพย์ที่จะไม่ด้อยค่าลงในระยะยาว ส่วนการที่มันจะเพิ่มหรือลดค่าในระยะสั้นแบบฟันเลื่อยขึ้นๆลงๆนั้น มันเป็นเรื่องที่นักเก็งกำไรเขาสนใจกัน แต่ผู้สูงวัยอย่างพวกเราอย่าไปสนใจมันเลย

ประเด็นที่ 2. ของที่มีค่าแท้จริงในตัวของมันเองสำหรับคนเราคืออาหาร อากาศ น้ำ ที่ดินทำกิน บ้านที่อยู่อาศัย และการมีสุขภาพดี ส่วนเงินทองนั้นเป็นมายา ไม่ได้มีค่าที่แท้จริงในตัวของมันเอง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเงินอะไรมันก็ล้วนเป็นมายาทั้งสิ้นราคามันจึงขึ้นกับการเฮโลของผู้คน เดี๋ยวผู้คนเฮโลไปชอบกันแบบนั้น เดี๋ยวเฮโลชอบกันแบบนี้ มูลค่าของมันจึงต้องมีขึ้นมีลงเป็นธรรมชาติ แต่หากเราลองคิดเล่นๆดูว่าอีกยี่สิบปีข้างหน้าคนทั่วโลกเขาจะใช้เงินชนิดใช้ง่ายๆบนโทรศัพท์มือถือกดจึ๊งเดียวซื้อขายกันได้ หรือจะใช้แบงค์กระดาษที่ต้องเอาไปล้างน้ำใส่ไมโครเวฟฆ่าเชื้อโรคก่อนอย่างทุกวันนี้กันละ อีกอย่างหนึ่งหากเปรียบเทียบกันระหว่างเงินกระดาษที่ทั่วโลกปั๊มออกมาเพิ่มกันโครมๆ กับเงินคริปโตที่เพิ่มจำนวนได้อย่างจำกัดจำเขี่ย อย่างไหนมันจะเสื่อมค่าเร็วกว่ากันละ ดังนั้นเมื่อเราคิดจะเก็บทรัพย์ไว้ในรูปของเงินบ้างเพื่อเอาไว้ใช้ในระยะยาว เราควรจะเก็บเงินแบบไหน โดยคอมมอนเซ็นส์เราก็ต้องเดาเอาแล้วเลือกเก็บเงินชนิดที่เราเดาว่าอีกยี่สิบปีข้างหน้าค่ามันจะไม่เสื่อมลงไปมากถูกไหมครับ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี