จดจ่อที่กระบวนการกระทำตรงหน้า..อย่าจดจ่อที่เป้า
เมื่อวันเสาร์ก่อนวันคริสต์มาสที่ผ่านมา มีแฟนบล็อกบางท่านพาครอบครัวมาฟังดนตรีและพักค้างคืนที่เวลเนสวีแคร์เซนเตอร์ ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นอากาศเย็นๆสบายๆ ผมได้มีโอกาสนั่งดื่มกาแฟและคุยกับลูกสาวของแฟนบล็อกท่านหนึ่ง เธอเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ปี 1 ผมเรียกเธอว่า "ไพลิน" ก็แล้วกันนะ เรื่องราวที่คุยกันแม้จะใช้เวลาสั้นๆแค่สิบห้านาที แต่ก็มีสาระที่ท่านผู้อ่านอาจเอาไปใช้ประโยชน์ได้
นพ.สันต์
ชีวิตเด็กปีหนึ่งในมหาลัย เป็นอย่างไรบ้าง
ไพลิน
ก็โอเค.ค่ะ
นพ.สันต์
เขาสอนอะไรบ้างครับ นอกจากวิชาทำฟัน มีโอกาสได้ทำกิจกรรมบ้างไหม
ไพลิน
มีคะ มีวิชาทักษะชีวิต ด้วย
นพ.สันต์
อื้อฮื่อ ฟังดูเท่เชียว มันอยู่ในวิชาจิตวิทยาหรือวิชาอะไรหรือ
ไพลิน
อยู่ในวิชาชื่อนี้เลยคะ ทักษะชีวิต (Life Skill) เขาก็ให้เข้ากลุ่มไปทำกิจกรรม พาไปอยู่เกาะเล็กๆซึ่งไม่มีนักท่องเที่ยวไปถึง แล้วแต่ละกลุ่มก็กำหนดเป้าหมายของตัวเอง สร้างโปรเจ็ค และทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมายด้วยกัน ลินก็เพิ่งมีโอกาสได้เห็นชนบทห่างไกลที่ชาวบ้านเขายังลำบากมาก เวลามีคนจะคลอดทีก็ต้องหามกันลุยน้ำมาขึ้นเรือซึ่งจอดอยู่ไกลเพราะท้องเรือติดเข้าใกล้ฝั่งไม่ได้ ไฟฟ้าก็เป็นไฟปั่นซึ่งมีวันละสองสามชั่วโมง หลังจากนั้นก็มืดเหมือนหลับตาเดิน
นพ.สันต์
แล้วโปรเจ็คที่ครูเขาให้ทำ กลุ่มของคุณทำสำเร็จหรืือเปล่า
ไพลิน
ไม่สำเร็จคะ เพราะมันมีอุปสรรคเกี่ยวกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่อยู่นอกเหนือที่เราจะเข้าไปแก้ได้ แต่อาจารย์ก็บอกว่านั่นไม่ใช่เป้าหมายของวิชานี้ วิชานี้ต้องการให้เรารู้จักกันทำงานด้วยกัน เพราะเราจะต้องเรียนด้วยกันอยู่ด้วยกันไปอีกหกปี
นพ.สันต์
นี่อยู่มาจะปีอยู่แล้วนี่ ความเครียดเรื่องรุ่นพี่รุ่นน้องก็คงหมดแล้วมั้ง
ไพลิน
ก็ยังมีความเครียดจากการเรียนการสอบนะแหละคะ เพราะการเรียนที่คณะมันไม่ใช่ว่าเราสอบได้คะแนนสัก 80% แล้วจะผ่าน แต่ใช้วิธีตัดเคิร์ฟเอาจากกลุ่ม ถ้ากลุ่มใหญ่เขาทำคะแนนได้สูง เราได้ 80% ก็อาจจะตก
นพ.สันต์
แล้วมีช่วงเวลาปลอดความคิดกังวลหรือปลอดความเครียดบ้างไหม
ไพลิน
ก็มีตอนสอบเสร็จใหม่ๆ สักหนึ่งหรือสองวัน วันต่อมาก็เริ่มเครียดกับการเตรียมสอบครั้งใหม่อีกละ เพราะการสอบเก็บคะแนนทำบ่อย เสร็จการสอบวันสองวันก็เริ่มกังวลอีกแล้ว ว่าครั้งหน้าคะแนนจะเป็นอย่างไร จะผ่านหรือไม่ผ่าน
นพ.สันต์
นั่นเป็นวิธีที่โฟกัสอยู่ที่เป้าหมาย target oriented ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ไม่มีความสุขตั้งแต่เริ่มลงมือทำจนกว่าผลจะออกมา ถ้าผลดีก็มีความสุขอยู่แป๊บหนึ่ง แล้วก็เริ่มไม่มีความสุขอีกละ เพราะต้องเริ่มลงมือทำอีกละ แต่มันมีวิธีที่ดีกว่านั้นนะ คือไม่โฟกัสที่ target แต่โฟกัสที่ process คือกระบวนการทำ target เป็นอนาคต แต่ process เป็นปัจจุบัน
ผมเคยไปเรียนยิงธนูกับเพื่อนซึ่งเป็นนักธนู เขาเล่าว่าอาจารย์ซึ่งเป็นซามูไรสอนยิงธนูที่ญี่ปุ่น เมื่อน้าวสายธนูตึงได้ที่แล้วหากนักเรียนหันหน้าตาถลนเล็งไปที่เป้าหมายจะถูกอาจารย์ซึ่งเป็นซามูไรแก่ๆอายุมากแล้วตบหน้าดังเพี้ยะทันที เพราะกฏเหล็กของการยิงธนูของครูซามูไรนี้ก็คือ..ห้ามโฟกัสที่เป้า แต่ให้โฟกัสที่กระบวนการยิง อันได้แก่.. ปล่อยความคิดไป หยิบคันธนู กำคันให้กระชับ รับรู้ความรู้สึกของกล้ามเนื้อที่แขน หยิบลูกธนู โหลดลูกธนู เอาลำพาดร่องบนคันธนู ส้นนั่งบนสายธนู ให้ปีกต่างสีของลูกธนูหันเข้าหาผู้ยิง (เพื่อไม่ให้ปีกลูกธนูตีกับคันธนู) สามนิ้วเกี่ยวสายธนู หนีบลูกธนู โดยนิ่้วชี้อยู่สูงกว่าลูกธนู นิ้วกลางและนิ้วนางอยู่ต่ำกว่าลูกธนู แล้วก้าวไปอย่างมีสติ ไปยืนตะแคงหันข้างหาเป้า ตั้งกายตรง ยืดหน้าอก หายใจเข้า ยกธนูชี้ไปบนท้องฟ้าพร้อมน้าวสายพร้อมกับวาดธนูลง เหยียดคันธนูออกไปให้สุดแขน น้าวสายธนูให้สุดสายจนสามนิ้วที่เกี่ยวสายมาอยู่ชิดแก้ม วาดธนูลงมา ชำเลืองเป้าแว้บเดียว แล้วหันมาสนใจร่างกายทั้งร่างกาย รับรู้ความรู้สึกทั่วร่างกาย ค่อยๆผ่อนลมหายใจออก นิ่มๆ ช้าๆ ค่อยๆผ่อนคลายร่างกายไปด้วย พอลมหายใจใกล้หมด ก็ค่อยๆคลายนิ้วทั้งสามเพื่อปล่อยลูกธนูออกจากแหล่งอย่างนุ่มนวล ฟ้าว..ว...ว
ไพลิน
ไม่เล็งแล้วมันจะถูกเป้าได้ไงละคะ
นพ.สันต์
หิ หิ ผมใช้เทคนิคตอนที่วาดคันธนูลงเราก็แอบชำเลืองเป้าไว้แว่บหนึ่งก่อนสิ แล้วจำตำแหน่งมันไว้ว่ามันอยู่ทางนั้นนะ แต่การที่เราโฟกัสที่ร่างกายขณะยิง โฟกัสที่การผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ค่อยผ่อนคลายร่างกายลงก่อนปล่อยลูกธนู มันทำให้การปล่อยลูกธนูมันมีความนิ่งไม่สั่นเทิ้มแกว่งไกว ทำให้มันไม่หนีเป้าที่เราชำเลืองไว้แต่แรกไปไหน และมันเป็นการยิงธนูที่สงบนิ่ง ไม่เครียด เพราะทำใจไว้แต่แรกแล้วว่ามันจะวืดเป้าไปที่ไหนก็ได้ ถ้าเราไปคาดหวังกับเป้ามากนั่นแหละ มันจะวืดตั้งแต่ในมุ้ง เหมือนอย่างที่คำสอนเซ็นสอนว่า
"..นายขมังธนูจะยิงไม่พลาดเลย ถ้าเดิมพันเป็นถั่วลิสงเม็ดเดียว
นายขมังธนูจะยิงเกือบพลาด ถ้าเดิมพันเป็นหญิงขี้ริ้ว
นายขมังธนูจะยิงพลาดอย่างสิ้นเชิง ถ้าเดิมพันเป็นหญิงงาม.."
ประเด็นสำคัญคือโฟกัสที่ process ไม่โฟกัสที่ target ส่วนเป้าหมายนั้นให้ทำใจไว้ก่อนเลยว่าผลลัพท์มันอาจเป็นศูนย์ได้เสมอ zero result ทำใจไว้เลย อย่างการสอบนี่ อย่างเลวที่สุดก็สอบตก ถูกแมะ ตกก็ตก ไม่เห็นเป็นไร ตัวผมเองก็เคยสอบตกได้เอฟมาแล้ว มันก็ไม่ตายนะ
ไพลิน
ที่คณะเขาไม่ใช้ตัว F เขาใช้ตัว E
นพ.สันต์
เออ.. นั่นแหละ ประเด็นคือเราอย่าไปโฟกัสตรงนั้น ตรงนั้นเป็นอนาคต ซึ่งยังไม่ใช่ของที่มีอยู่จริง ถ้ามันมาถึง มันจะมาถึงในรูปของปัจจุบัน เพราะฉนั้นอนาคตไม่มี ไม่เคยมี และจะไม่มี เราโฟกัสที่ตรงนี้ ที่ข้างหน้าเราเดี๋ยวนี้ ที่การลงมือทำ ตรงนี้เป็นปัจจุบัน ตรงนี้เป็นของจริง ลองเอาเทคนิคแบบนี้ไปใช้กับการเรียนดู
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
นพ.สันต์
ชีวิตเด็กปีหนึ่งในมหาลัย เป็นอย่างไรบ้าง
ไพลิน
ก็โอเค.ค่ะ
นพ.สันต์
เขาสอนอะไรบ้างครับ นอกจากวิชาทำฟัน มีโอกาสได้ทำกิจกรรมบ้างไหม
ไพลิน
มีคะ มีวิชาทักษะชีวิต ด้วย
นพ.สันต์
อื้อฮื่อ ฟังดูเท่เชียว มันอยู่ในวิชาจิตวิทยาหรือวิชาอะไรหรือ
ไพลิน
อยู่ในวิชาชื่อนี้เลยคะ ทักษะชีวิต (Life Skill) เขาก็ให้เข้ากลุ่มไปทำกิจกรรม พาไปอยู่เกาะเล็กๆซึ่งไม่มีนักท่องเที่ยวไปถึง แล้วแต่ละกลุ่มก็กำหนดเป้าหมายของตัวเอง สร้างโปรเจ็ค และทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมายด้วยกัน ลินก็เพิ่งมีโอกาสได้เห็นชนบทห่างไกลที่ชาวบ้านเขายังลำบากมาก เวลามีคนจะคลอดทีก็ต้องหามกันลุยน้ำมาขึ้นเรือซึ่งจอดอยู่ไกลเพราะท้องเรือติดเข้าใกล้ฝั่งไม่ได้ ไฟฟ้าก็เป็นไฟปั่นซึ่งมีวันละสองสามชั่วโมง หลังจากนั้นก็มืดเหมือนหลับตาเดิน
นพ.สันต์
แล้วโปรเจ็คที่ครูเขาให้ทำ กลุ่มของคุณทำสำเร็จหรืือเปล่า
ไพลิน
ไม่สำเร็จคะ เพราะมันมีอุปสรรคเกี่ยวกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่อยู่นอกเหนือที่เราจะเข้าไปแก้ได้ แต่อาจารย์ก็บอกว่านั่นไม่ใช่เป้าหมายของวิชานี้ วิชานี้ต้องการให้เรารู้จักกันทำงานด้วยกัน เพราะเราจะต้องเรียนด้วยกันอยู่ด้วยกันไปอีกหกปี
นพ.สันต์
นี่อยู่มาจะปีอยู่แล้วนี่ ความเครียดเรื่องรุ่นพี่รุ่นน้องก็คงหมดแล้วมั้ง
ไพลิน
ก็ยังมีความเครียดจากการเรียนการสอบนะแหละคะ เพราะการเรียนที่คณะมันไม่ใช่ว่าเราสอบได้คะแนนสัก 80% แล้วจะผ่าน แต่ใช้วิธีตัดเคิร์ฟเอาจากกลุ่ม ถ้ากลุ่มใหญ่เขาทำคะแนนได้สูง เราได้ 80% ก็อาจจะตก
นพ.สันต์
แล้วมีช่วงเวลาปลอดความคิดกังวลหรือปลอดความเครียดบ้างไหม
ไพลิน
ก็มีตอนสอบเสร็จใหม่ๆ สักหนึ่งหรือสองวัน วันต่อมาก็เริ่มเครียดกับการเตรียมสอบครั้งใหม่อีกละ เพราะการสอบเก็บคะแนนทำบ่อย เสร็จการสอบวันสองวันก็เริ่มกังวลอีกแล้ว ว่าครั้งหน้าคะแนนจะเป็นอย่างไร จะผ่านหรือไม่ผ่าน
นพ.สันต์
นั่นเป็นวิธีที่โฟกัสอยู่ที่เป้าหมาย target oriented ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ไม่มีความสุขตั้งแต่เริ่มลงมือทำจนกว่าผลจะออกมา ถ้าผลดีก็มีความสุขอยู่แป๊บหนึ่ง แล้วก็เริ่มไม่มีความสุขอีกละ เพราะต้องเริ่มลงมือทำอีกละ แต่มันมีวิธีที่ดีกว่านั้นนะ คือไม่โฟกัสที่ target แต่โฟกัสที่ process คือกระบวนการทำ target เป็นอนาคต แต่ process เป็นปัจจุบัน
ผมเคยไปเรียนยิงธนูกับเพื่อนซึ่งเป็นนักธนู เขาเล่าว่าอาจารย์ซึ่งเป็นซามูไรสอนยิงธนูที่ญี่ปุ่น เมื่อน้าวสายธนูตึงได้ที่แล้วหากนักเรียนหันหน้าตาถลนเล็งไปที่เป้าหมายจะถูกอาจารย์ซึ่งเป็นซามูไรแก่ๆอายุมากแล้วตบหน้าดังเพี้ยะทันที เพราะกฏเหล็กของการยิงธนูของครูซามูไรนี้ก็คือ..ห้ามโฟกัสที่เป้า แต่ให้โฟกัสที่กระบวนการยิง อันได้แก่.. ปล่อยความคิดไป หยิบคันธนู กำคันให้กระชับ รับรู้ความรู้สึกของกล้ามเนื้อที่แขน หยิบลูกธนู โหลดลูกธนู เอาลำพาดร่องบนคันธนู ส้นนั่งบนสายธนู ให้ปีกต่างสีของลูกธนูหันเข้าหาผู้ยิง (เพื่อไม่ให้ปีกลูกธนูตีกับคันธนู) สามนิ้วเกี่ยวสายธนู หนีบลูกธนู โดยนิ่้วชี้อยู่สูงกว่าลูกธนู นิ้วกลางและนิ้วนางอยู่ต่ำกว่าลูกธนู แล้วก้าวไปอย่างมีสติ ไปยืนตะแคงหันข้างหาเป้า ตั้งกายตรง ยืดหน้าอก หายใจเข้า ยกธนูชี้ไปบนท้องฟ้าพร้อมน้าวสายพร้อมกับวาดธนูลง เหยียดคันธนูออกไปให้สุดแขน น้าวสายธนูให้สุดสายจนสามนิ้วที่เกี่ยวสายมาอยู่ชิดแก้ม วาดธนูลงมา ชำเลืองเป้าแว้บเดียว แล้วหันมาสนใจร่างกายทั้งร่างกาย รับรู้ความรู้สึกทั่วร่างกาย ค่อยๆผ่อนลมหายใจออก นิ่มๆ ช้าๆ ค่อยๆผ่อนคลายร่างกายไปด้วย พอลมหายใจใกล้หมด ก็ค่อยๆคลายนิ้วทั้งสามเพื่อปล่อยลูกธนูออกจากแหล่งอย่างนุ่มนวล ฟ้าว..ว...ว
ไพลิน
ไม่เล็งแล้วมันจะถูกเป้าได้ไงละคะ
นพ.สันต์
หิ หิ ผมใช้เทคนิคตอนที่วาดคันธนูลงเราก็แอบชำเลืองเป้าไว้แว่บหนึ่งก่อนสิ แล้วจำตำแหน่งมันไว้ว่ามันอยู่ทางนั้นนะ แต่การที่เราโฟกัสที่ร่างกายขณะยิง โฟกัสที่การผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ค่อยผ่อนคลายร่างกายลงก่อนปล่อยลูกธนู มันทำให้การปล่อยลูกธนูมันมีความนิ่งไม่สั่นเทิ้มแกว่งไกว ทำให้มันไม่หนีเป้าที่เราชำเลืองไว้แต่แรกไปไหน และมันเป็นการยิงธนูที่สงบนิ่ง ไม่เครียด เพราะทำใจไว้แต่แรกแล้วว่ามันจะวืดเป้าไปที่ไหนก็ได้ ถ้าเราไปคาดหวังกับเป้ามากนั่นแหละ มันจะวืดตั้งแต่ในมุ้ง เหมือนอย่างที่คำสอนเซ็นสอนว่า
"..นายขมังธนูจะยิงไม่พลาดเลย ถ้าเดิมพันเป็นถั่วลิสงเม็ดเดียว
นายขมังธนูจะยิงเกือบพลาด ถ้าเดิมพันเป็นหญิงขี้ริ้ว
นายขมังธนูจะยิงพลาดอย่างสิ้นเชิง ถ้าเดิมพันเป็นหญิงงาม.."
ประเด็นสำคัญคือโฟกัสที่ process ไม่โฟกัสที่ target ส่วนเป้าหมายนั้นให้ทำใจไว้ก่อนเลยว่าผลลัพท์มันอาจเป็นศูนย์ได้เสมอ zero result ทำใจไว้เลย อย่างการสอบนี่ อย่างเลวที่สุดก็สอบตก ถูกแมะ ตกก็ตก ไม่เห็นเป็นไร ตัวผมเองก็เคยสอบตกได้เอฟมาแล้ว มันก็ไม่ตายนะ
ไพลิน
ที่คณะเขาไม่ใช้ตัว F เขาใช้ตัว E
นพ.สันต์
เออ.. นั่นแหละ ประเด็นคือเราอย่าไปโฟกัสตรงนั้น ตรงนั้นเป็นอนาคต ซึ่งยังไม่ใช่ของที่มีอยู่จริง ถ้ามันมาถึง มันจะมาถึงในรูปของปัจจุบัน เพราะฉนั้นอนาคตไม่มี ไม่เคยมี และจะไม่มี เราโฟกัสที่ตรงนี้ ที่ข้างหน้าเราเดี๋ยวนี้ ที่การลงมือทำ ตรงนี้เป็นปัจจุบัน ตรงนี้เป็นของจริง ลองเอาเทคนิคแบบนี้ไปใช้กับการเรียนดู
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์