หิด ต้องซักรูดมหาราช แต่ไม่ต้องซักหมาและแมวด้วย

เรียนคุณหมอสันต์
          หนูเป็นภูมิแพ้และมีผื่นคันที่ข้อมือ (ส่งรูปมาด้วย) คันมาก ยิ่งหนาวยิ่งนอนไม่ได้เลย ไปหาหมอผิวหนัง ท่านแรกบอกว่าหนูแพ้สร้อยข้อมือ กินยาแก้แพ้และทายาสเตียรอยด์ก็ไม่หาย ไปหาหมออีกที่รพ.เดิมแต่หมอผิวหนังคนละคน เธอบอกว่าหนูเป็นหิด และให้หนูใช้ยา Lindane เหมือนจะหาย แต่ผ่านไปสามสัปดาห์ก็เป็นอีก คราวนี้ที่ใหม่ คือที่ขาหนีบ (ขอโทษค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปมา) กลับไปหาหมอบอกว่าเป็นเพราะหนูไม่ได้ขนเสื้อผ้าของทุกคนทั้งบ้านออกไปต้มไปซักตามที่หมอแนะนำ แต่หนูสงสัยว่ามันดื้อยาหรือเปล่า หนูอยากปรึกษาคุณหมอว่าการวินิจฉัยหิดนี้มันมีวิธีวินิจฉัยยืนยันอย่างไร ตามภาพที่ส่งมาหนูเป็นหิดจริงไหม หนูเป็นคนรักความสอาดมากจะติดหิดมาจากทางไหน และหนูต้องทำการกวาดล้างทั้งบ้านซักซักทั้งต้มเสื้อผ้าของทุกๆคนในบ้านเลยหรือเพราะมันจะเดือดร้อนคนอื่นมากๆ นอกจากนี้หนูยังมีแมวสองตัว น้องหมาอีกสาม ต้องซักด้วยหรือเปล่า

..........................................

ตอบครับ

     1. ถามว่าจากภาพที่คุณส่งมาให้นั้นคุณเป็นหิดหรืือเปล่า ตอบว่าผมไม่ได้เอาภาพขึ้นบล็อกและไม่ยอมตอบคำถามข้อนี้ให้คุณด้วย การวินิจฉัยโรคทางไปรษณีย์แบบนี้มันผิดพลาดง่าย อีกอย่างหนึ่งคุณให้หมอโรคผิิวหนังดูด้วยตาจะจะแล้วนั่นเป็นวิธีวินิจฉัยที่ดีที่สุดแล้ว คุณเอามาให้ผมซึ่งเป็นหมอทั่วไปดูจากภาพส่งมาทางอีเมลอีกต่างหาก มันจะไปดีกว่ากันไปได้อย่างไรละครับ ส่วนประเด็นที่ว่าหมอโรคผิวหนังสองคนวินิจฉัยไม่เหมือนกันนั้น นั่นเป็นเรื่องของคุณ เอ๊ย..ไม่ใช่ เป็นเรื่องของการใช้ดุลพินิจของคุณในฐานะผู้ป่วยว่าจะเลือกเชื่อความเห็นไหน คือคุณต้องเข้าใจการแสวงหาความเห็นที่สองนะ ว่าเมืื่อความเห็นที่สองไม่เหมือนกับความเห็นที่หนึ่ง เป็นหน้าที่ของคุณที่จะเลือกเชื่อข้างไหนเอาเอง ไม่ใช่มาเอะอะโวยวายว่าทำไมหมอพูดไม่เหมือนกัน เพราะวิชาแพทย์เป็นการใช้ดุลพินิจ แถมเขาเป็นคนคนละคนกันจะให้เขาพูดเหมือนกันเพะๆได้อย่างไรละครับ ผมเห็นคนไข้บางคนแก้ปัญหานี้โดยการหาความเห็นที่สามเพื่อให้ครบองค์ประชุม แล้วเอามติจากเสียงข้างมาก เออ.. หิ หิ ถ้าคุณจะเอาแบบนั้นนั่นก็เรื่องของคุณ อุ๊บ..(ขอโทษ ปากเสียอีกละ)

     2. ถามว่าการวินิจฉัยโรคหิดวินิจฉัยจากอะไร ตอบว่าการวินิจฉัยมันมีสามก๊อก

     ก๊อกที่ 1. ถ้าเป็นหมอทั่วไปอย่างหมอสันต์นี้ การวินิจฉัยก็ใช้วิธีดูโหงวเฮ้งอย่างเดียว หมายความว่าดูลักษณะของผื่นว่าระหว่างตุ่มน้ำใสมีอุโมง (burrow) เป็นเส้นแดงๆยาวสัก 2-15 มิล ทีี่หิดตัวเมียขุดไปตามชั้นบนของผิวหนังเพื่อเที่ยววางไข่หรือเปล่า ถ้ามีก็ ฮั่นแน่ หิด ชัวร์ป๊าด..ฟันธง

     ข้อมูลอาการวิทยาก็ช่วยวินิจฉัยได้ กล่าวคือหิดนี้มีเอกลักษณ์ว่าจะ (1) แผ่พื้นที่ลุกลามออกไปเรื่อยๆ (2) ยิ่งตกกลางคืนยิ่งคัน (3) มันมักไม่เป็นที่แผ่นหลังและศีรษะ มักชอบเฉพาะตามข้อพับมากกว่า

     ก๊อกที่ 2. ถ้าเป็นหมอโรคผิวหนัง ก็มักยืนยันการวินิจฉัยโดยการขูดเอาขุยบนผื่นผิวหนังมาส่องกล้องจุลทรรศน์ดูแล้วมองหาตัวหิด (Sarcoptes scabiei) ซึ่งถ้ามีตัวอยู่ แค่ดูด้วยหัวขยายต่ำก็จะเห็นตัวสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่เท่าบ้าน ถ้าไม่เห็นตััวก็มองหาไข่หิด หรือขี้หิด

     ก๊อกที่ 3. คือการเอาขุยผื่นผิวหนังที่ขูดออกมาไปตรวจแลบหาดีเอ็นเอ.ของหิดด้วยวิธี PCR

    2. ถามว่าหนูสะอาดจนดมได้อย่างนี้จะติดหิดมาจากใครที่ไหนได้อย่างไร ตอบว่าคุณติดจากใครหมอสันต์ไม่กล้ารับประกัน แต่ว่าติดผ่านมาจากทางไหนพอบอกได้ เพราะหิดนี้เป็นสัตว์ประเภทเหา ไร โลน ซึ่งร่อนเร่จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งผ่านการคลุกคลีสัมผัสและเสื้อผ้า ซึ่งรวมไปถึงผ้าห่ม ฟูก หมอน ผ้าปูที่นอน ที่ใช้ร่วมกัน แม้แต่เราไปใช้ของพวกนี้ในในโรงแรมจิ้งหรีดที่เก็บค่าบริการไม่พอค่าซักรีดผ้าปูุที่นอนทุกวันก็อาจได้หิดเป็นของแถมมาได้ เมื่อหิดมาถึงผิวหนังของเราแล้ว มันก็ขุดอุโมงค์แล้วฝังตัวอยู่บนร่องของผิวหนังโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามซอก เช่นซอกนิ้วมือ นิ้วเท้า ซอกพับที่ศอก ที่เข่า รักแร้ ขาหนีบ ที่เอว หรือแม้กระทั่งในที่ลับสุดยอด แล้ววางไข่ที่นั่น ตัวหิดนี้อายุยืนระดับเดือนสองเดือนเชียวนะ ก่อนตายก็วางไข่ไว้เป็นลูกหิดสืบเพื่อสืบทอดภารกิจสร้างความคันกันต่อไป

      3. ถามว่ายาลินเดน (Lindane หรืิอ benzene hexachloride) นี้หิดมันดื้อได้บ้างหรือเปล่า ตอบว่าดื้อได้ โดยมีอัตราการดื้ออยู่ประมาณ 14% อีกอย่างหนึ่งไหนๆก็พูดถึงยาลินเดนแล้วท่านผู้อ่านทั่วไปอย่าลืมว่ายานี้ไม่ปลอดภัยต่อเด็กเล็กนะ เขาจึงห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่าสองขวบเพราะมันมีพิษต่อระบบประสาทกลางและไขกระดูก

     ไหนๆก็พูดถึงยาหิดแล้ว อีกตัวที่ใช้กันมากในเมืองไทยคือ 25% benzyl benzoate มีอัตราการหาย 51% อีกตัวหนึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้านคือขี้ผึ้งกำมะถัน ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ยาตัวสุดท้ายนี้ยังไม่เคยมีมีผลวิจัยไว้ว่ามีอัตราการหายกี่เปอร์เซ็นต์

    แต่ยาที่เด็ดสะระตี่มีอัตราหายถึง 95% คือยาเพอร์เมทริน (permethrin) ซึ่งเป็นครีมความเข้มข้น 5% และเป็นยาที่ปลอดภัยดีมาก แต่เมืองไทยผมเข้าใจว่ายานี้สำหรับใช้ในคนไม่มีขาย เพราะหลายปีก่อนผมหาให้คนไข้แต่ไม่มีขาย มีแต่สำหรับหยดหลังสุนัขเพื่อรักษาเห็บหมัด ถ้าหายาคนไม่ได้คุณก็ต้องไปร้านขายยาสัตว์แล้วซื้อเพอร์เมทรินชนิดสารละลาย 0.5% มาทาผิวหนังเอาเองโดยไม่ต้องรอใบสั่งหมอ เพราะไม่มีแพทย์คนที่ไหนสั่งให้ใช้ยาสัตว์มาทากับคนอย่างแน่นอน

     4. ถามว่าการรักษาหิดจำเป็นต้องซักต้องต้มเสื้อผ้ากันทั้งบ้านไหม ตอบว่าจำเป็นครับ คือต้องซักผ้า ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้าที่ทุกคนสวมใส่และใช้งานในห้าวันที่ผ่านมาให้หมดแล้วตากแดดให้แห้งสนิทหรืออบให้แห้งในเครื่องอบด้วยอุณหภูมิค่อนไปทางสูง ถ้าคนไข้เป็นเด็กก็ต้องซักตุ๊กตุ่นตุ๊กตาที่กอดเล่นประจำให้หมด อะไรที่ซักไม่ได้ก็ให้เอาใส่ถุงพลาสติกซีลปากถุงให้สนิทเก็บไว้อย่างน้อยสามวัน เพราะว่าหิดนี้เป็นสัตว์ที่ต้องมีคนเป็นที่อาศัย ถ้ามันไม่ได้อยู่กับคนแค่ 24-36 ชั่วโมงมันก็จะตาย แต่ว่าถ้าอากาศเย็นมันจะอยู่ได้นานขึ้น ดังนั้นหิดจึงชอบหน้าหนาว กรณีเป็นอะไรที่ซักก็ไม่ได้ จับใส่ถุงก็ไม่ได้ เช่นพื้นพรม ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดแล้วทิ้งถุงเก็บฝุ่นไปเลย แล้วเอายาเช่นเพอร์เมทรินแบบสะเปรย์พ่นพรมให้ทั่ว ยาพ่นนี้หาซื้อได้ตามร้านขายของสำหรับสัตว์เลี้ยง ชื่อยา Chaingard รุ่น pet bedding spray ซึ่งเป็นกระป๋องอัดลมพ่นได้เลย แถวเดอะมอลก็มีขาย
     
     นอกจากจะริบเสื้อผ้ากกน.ของทุกคนมาซักแล้ว ยังต้องบังคับให้ทายาหิดทุกคน ต้องทากันทั่วตัว ทากันทั้งบ้านไม่ว่าเป็นหิดหรือไม่เป็นหิด คันหรือไม่คัน เพราะบางคนเป็นพาหะ คือเป็นผู้เลี้ยงหิดไว้โดยตัวเองไม่มีอาการอะไรให้เห็น การทายานี้ ก่อนทายาต้องตัดเล็บให้สั้น แล้วเอาแปรงสีฟันจุ่มยาแล้วยาทาเข้าไปที่ใต้ซอกเล็บด้วย ต้องทายาบนผิวหนังให้ให้เคลือบเป็นฟิลม์บางๆทั่วตัวตั้งแต่ลำคอลงไปจนจรดปลายเท้า ทายาเสร็จแล้วสวมเสื้อบางๆ พอครบ 8-24 ชั่วโมง (แล้วแต่ชนิดยา) ค่อยอาบน้ำอุ่นล้างเอายาออก กรณีเป็นเหาแถมด้วยให้ใช้ยาชนิดเป็นแชมพูสระผม สระแล้วทิ้งยาไว้สักสิบนาทีโดยไม่ต้องคลุมผม ครบสิบนาทีแล้วค่อยล้างผมเอายาออก กรณีเป็นหิดแบบรุนแรงในคนที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เช่นคนเป็นเอดส์) หรือในคนที่หิดดื้อยาทาผิวหนัง อาจจะต้องใช้ยากินชื่อ ivermectin ในขนาด 200 ไมโครกรัมต่อนน.ตัวหนึ่งกก. ควบด้วย ยานี้สำหรับใช้ในคนบ้านเราก็มีใช้แล้ว
     
       นอกจากการฆ่าตัวหิดแล้ว ยังต้องบรรเทาอาการคันด้วย  เพราะถึงหิดตายไปหมดแล้วแต่ผิวหนังของเราก็ยังจะคันคะเยอต่อไปได้อีกหลายสัปดาห์ วิธีบรรเทาก็คือกินยาแก้แพ้แอนตี้ฮีสตามีน ควบกับใช้ครีมสะเตียรอยด์ทา

     5. ถามว่ามีแมวมีหมาต้องจับทายาหรืือซักอบทำความสะอาดด้วยไหม ตอบว่าไม่ต้อง เพราะหิดคนนี้มันก็มีอัตตาหรือศักดิ์ศรีของมันเหมือนกัน คือมันจะไม่ไปสิงสู่ขยายพันธ์ในหมาแมวให้เสียเกียรติเด็ดขาด แต่ว่าหมาแมวเขาก็มีหิดของเขานะ ก็คือขี้เรื้อน (mange) นั่นแหละ พวกเดียวกันแต่คนละชนิดกับหิดของคน และขี้เรื้อนของหมาก็ไม่สามารถขยายพันธ์บนผิวหนังของคนได้

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

1. Chosidow O. Clinical practices. Scabies. N Engl J Med 2006; 354:1718.
2. Johnston G, Sladden M. Scabies: diagnosis and treatment. BMJ 2005; 331:619.
3. Bezold G, Lange M, Schiener R, Palmedo G, Sander CA, Kerscher M, et al. Hidden scabies: diagnosis by polymerase chain reaction. Br J Dermatol. 2001 Mar. 144(3):614-8.
4. Centers for Disease Control and Prevention. Parasites - Scabies. Available at http://www.cdc.gov/parasites/scabies/index.html. Accessed: July 25, 2013.
5. Currie BJ, McCarthy JS. Permethrin and ivermectin for scabies. N Engl J Med. 2010 Feb 25. 362(8):717-25.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี