ถูกเจาะเลือดโดยคนเจาะไม่เปลี่ยนถุงมือ
หนูไปตรวจเลือดหาไวรัสตับอักเสบบีที่คลินิกแถวบ้าน วันนั้นมีคนนั่งรอเจาะเลือดก่อนหน้าหนูประมาณห้าถึงหกคน หนูนั่งมอง เห็นว่าคนเจาะเลือดเค้าไม่ได้เปลี่ยนถุงมือ คือตอนเจาะเค้าเอายางมารัดที่แขนแล้วเช็ดแอลกอฮอล์ เรียบร้อย แต่พอตอนจะเจาะพี่เค้าเอามือที่สวมถุงมือมาแตะที่เส้นเลือดอีกที คงจะกันเจาะพลาดน่ะคะ แล้วก็เจาะเลือดเลยไม่ได้เช็ดแอลกอฮอล์ที่พี่เค้าแตะอีกที หนูกังวลว่าถุงมือปนเปื้อนหรือเปล่า หนูวิตกจริตมากไปหรือเปล่าคะ กรณีนี้เสี่ยงเชื้อเอดส์หรือเปล่าคะ
............................
ตอบครับ
1. คุณเป็นคนละเอียดละออดีมากครับ
2. การที่พนักงานเจาะเลือดใส่ถุงมือคู่เดียวโดยไม่เปลี่ยนถุงมือเลยแล้วผลัดเปลี่ยนเจาะเลือดผู้ป่วยไปหลายคน เป็นเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง เพราะป้องกันแต่ตัวพนักงานผู้เจาะเลือดอย่างเดียว แต่ไม่ป้องกันผู้ป่วยที่ถูกเจาะเลือด
เทคนิคที่ถูกต้องทำได้สองอย่าง คือ
2.1 หากใช้เทคนิคสวมถุงมือปราศจากเชื้อ จะต้องเปลี่ยนถุงมือทุกครั้ง
2.2 หากใช้เทคนิคไม่สวมถุงมือ หมายความว่าเจาะแบบฟรีแฮนด์ จะต้องล้างมือด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง หรือชโลมมือด้วยเจลฆ่าเชื้อโรคทุกครั้งที่เปลี่ยนผู้ป่วย หลักเดียวกันนี้ใช้กับการตรวจร่างกายผู้ป่วยที่จะมีการถูกเนื้อต้องตัวด้วย
3. การที่พนักงานเจาะเลือดทาแอลกอฮอล์ตรงที่จะเจาะเลือด เมื่อแอลกอฮอล์แห้งแล้วไม่แทงเข็มหลังจากนั้นทันที แต่เอานิ้วมือมากดตรงตำแหน่งที่จะเจาะเลือดอีกครั้ง แล้วค่อยแทงเข็ม เป็นเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง เพราะนิ้วมือที่มากดตำแหน่งที่จะเจาะนั้นไม่สะอาด อาจทำให้แผลติดเชื้อได้
4. ประเด็นที่คุณกังวลว่าจะติดเชื้อเอดส์หรือเปล่า ผมตอบให้สบายใจได้ว่าไม่ติดหรอกครับ เพราะเชื้อเอดส์ไม่ทนสภาพสิ่งแวดล้อมนอกร่างกายโดยเฉพาะสภาพที่แห้งๆ (เช่นปลายนิ้วของถุงมือ) นั่นเป็นเหตุผลที่ 1. ปลายนิ้วของถุงมือของพนักงานเจาะเลือดก็ไม่ได้เปื้อนเลือดใดๆให้เห็น นั่นเป็นเหตุผลที่ 2. ดังนั้นโอกาสที่คุณจะติดเอดส์มีความเป็นไปได้ต่ำมาก อย่าวิตกกังวลไปเลย
5. สิ่งที่ผมอยากจะขอแรงคุณให้ช่วยทำคือ ให้เขียนคำร้องเรียนเข้าสู่ระบบรับคำร้องเรียนผู้รับบริการของสถานพยาบาลแห่งนั้น ให้เบอร์โทรศัพท์ของคุณไว้ บอกเขาว่าคุณอยากทราบว่าทางสถานพยาบาลจะปรับปรุงแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร แล้วเมื่อไปได้สักพักหนึ่งก็โทรศัพท์ไปติดตามผล จนกว่าเขาจะมีการแก้ไข ถ้าเขาไม่แก้ไข คุณมีทางเลือกเหลืออยู่สองทางคือ เปลี่ยนสถานพยาบาลซะ หรือตามไปร้องเรียนที่กองประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่คุณในฐานะผู้ป่วยจะร้องเรียนให้มีการแก้ไข และเป็นจริยธรรมของนายแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะต้องแก้ไปปัญหานี้ ซึ่งเป็นปัญหาความปลอดภัยของผู้ป่วยและเป็นปัญหาคุณภาพงานคลินิกของสถานพยาบาล
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
............................
ตอบครับ
1. คุณเป็นคนละเอียดละออดีมากครับ
2. การที่พนักงานเจาะเลือดใส่ถุงมือคู่เดียวโดยไม่เปลี่ยนถุงมือเลยแล้วผลัดเปลี่ยนเจาะเลือดผู้ป่วยไปหลายคน เป็นเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง เพราะป้องกันแต่ตัวพนักงานผู้เจาะเลือดอย่างเดียว แต่ไม่ป้องกันผู้ป่วยที่ถูกเจาะเลือด
เทคนิคที่ถูกต้องทำได้สองอย่าง คือ
2.1 หากใช้เทคนิคสวมถุงมือปราศจากเชื้อ จะต้องเปลี่ยนถุงมือทุกครั้ง
2.2 หากใช้เทคนิคไม่สวมถุงมือ หมายความว่าเจาะแบบฟรีแฮนด์ จะต้องล้างมือด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง หรือชโลมมือด้วยเจลฆ่าเชื้อโรคทุกครั้งที่เปลี่ยนผู้ป่วย หลักเดียวกันนี้ใช้กับการตรวจร่างกายผู้ป่วยที่จะมีการถูกเนื้อต้องตัวด้วย
3. การที่พนักงานเจาะเลือดทาแอลกอฮอล์ตรงที่จะเจาะเลือด เมื่อแอลกอฮอล์แห้งแล้วไม่แทงเข็มหลังจากนั้นทันที แต่เอานิ้วมือมากดตรงตำแหน่งที่จะเจาะเลือดอีกครั้ง แล้วค่อยแทงเข็ม เป็นเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง เพราะนิ้วมือที่มากดตำแหน่งที่จะเจาะนั้นไม่สะอาด อาจทำให้แผลติดเชื้อได้
4. ประเด็นที่คุณกังวลว่าจะติดเชื้อเอดส์หรือเปล่า ผมตอบให้สบายใจได้ว่าไม่ติดหรอกครับ เพราะเชื้อเอดส์ไม่ทนสภาพสิ่งแวดล้อมนอกร่างกายโดยเฉพาะสภาพที่แห้งๆ (เช่นปลายนิ้วของถุงมือ) นั่นเป็นเหตุผลที่ 1. ปลายนิ้วของถุงมือของพนักงานเจาะเลือดก็ไม่ได้เปื้อนเลือดใดๆให้เห็น นั่นเป็นเหตุผลที่ 2. ดังนั้นโอกาสที่คุณจะติดเอดส์มีความเป็นไปได้ต่ำมาก อย่าวิตกกังวลไปเลย
5. สิ่งที่ผมอยากจะขอแรงคุณให้ช่วยทำคือ ให้เขียนคำร้องเรียนเข้าสู่ระบบรับคำร้องเรียนผู้รับบริการของสถานพยาบาลแห่งนั้น ให้เบอร์โทรศัพท์ของคุณไว้ บอกเขาว่าคุณอยากทราบว่าทางสถานพยาบาลจะปรับปรุงแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร แล้วเมื่อไปได้สักพักหนึ่งก็โทรศัพท์ไปติดตามผล จนกว่าเขาจะมีการแก้ไข ถ้าเขาไม่แก้ไข คุณมีทางเลือกเหลืออยู่สองทางคือ เปลี่ยนสถานพยาบาลซะ หรือตามไปร้องเรียนที่กองประกอบโรคศิลป์ ทั้งนี้เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่คุณในฐานะผู้ป่วยจะร้องเรียนให้มีการแก้ไข และเป็นจริยธรรมของนายแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะต้องแก้ไปปัญหานี้ ซึ่งเป็นปัญหาความปลอดภัยของผู้ป่วยและเป็นปัญหาคุณภาพงานคลินิกของสถานพยาบาล
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์