เมารถอย่างแรง จะป้องกันและรักษาทางแพทย์อย่างไร
เรียนคุณหมอสันต์ที่นับถือ
ดิฉันมีอาการเมารถง่าย เมาอย่างแรง ทรมานทุกครั้งที่เดินทาง ตอนนี้จะไปทัวรถบัสจากเขมรไปถึงเวียตนาม วิธีป้องกันและรักษาที่เพื่อนๆเขาแนะนำก็ทำหมดแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล ขอทราบวิธีของทางแพทย์แบบที่ได้ผลจริงๆด้วยคะ
Wipapan
ตอบ
อาการเมาเกิดขึ้นกับการโดยสารยวดยานที่พาเราเคลื่อนที่ไปได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น รถ เรือ เครื่องบิน มักจะเกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เริ่มรู้สึกผะอืดผะอมไม่สบาย ไปจนถึงเหงื่อออกตัวเย็น เวียนหัว คลื่นไส้ แล้วก็อาเจียนออกมา อาการเมารถ เกิดจากขณะเคลื่อนไหวสมองเกิดความสับสนแบบประสาทหลอน (hallucination) เนื่องจากข้อมูลที่รายงานเข้ามาจากหูและตา ไม่สอดคล้องกับข้อมูลจากอวัยวะคุมการทรงตัวของร่างกาย (balancing organ) ที่อยู่ในหูชั้นใน ถ้าหยุดการเคลื่อนไหว อาการเมาก็จะค่อยๆหายไป คนที่เดินทางบ่อยๆมักจะปรับตัวเองให้คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและเมาน้อยลง เทคนิคอื่นๆที่จะช่วยบรรเทาการเมารถ ได้แก่
1. นั่งแถวหน้าๆ หันหน้าไปทางหน้ารถ เพราะการนั่งหน้ารถและมองไปข้างหน้า จะทำให้ทั้งตาและหูของเรารับรู้การเคลื่อนไหวของรถไปพร้อมๆกับอวัยวะควบคุมการทรงตัวที่อยู่ในหูชั้นใน จึงมีโอกาสเมาน้อยกว่า
2. จินตนาการว่าตัวเองเป็นคนขับรถเสียเอง เพราะคนขับจะไม่เมารถ เวลารถจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาก็คาดการณ์ล่วงหน้า และรู้ตัวขณะที่ร่างกายต้องหมุนเลี้ยวตามรถ สมองก็จะเกาะติดสถานะการณ์ได้ชัดเจนขึ้นไม่สับสน
3. มองไปไกลๆ จับเส้นขอบฟ้าไว้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สมองมั่นใจว่าอะไรอยู่บน อะไรอยู่ล่าง อะไรอยู่ซ้าย อยู่ขวา ขณะที่รถหรือพาหนะเคลื่อนไหววกวนไปมา ต้องหามองอะไรที่ไกลๆและนิ่งๆ และรู้ตัวว่าตัวเรากำลังเคลื่อนไหวไป ขณะที่จุดนั้นนิ่ง เพื่อให้สมองทราบสถานะและตำแหน่งของตัวเองได้ถูกต้อง
4. อย่าอ่านหนังสือหรือตั้งใจมองอะไรที่เป็นของเล็กๆและเขย่าๆหรือเคลื่อนไหวบนรถ เพราะการเคลื่อนไหวของตัวเรากับวัสดุในรถจะไม่ไปด้วยกันทำให้สมองสับสนถึงต่ำแหน่งที่แท้จริงของตัวเอง
5. ตั้งศีรษะให้ตรง ให้ศีรษะได้อยู่นิ่งๆ เวลารถเลี้ยวก็ตั้งใจรู้ตัวว่ากำลังหันไปตามการเลี้ยวของรถ อย่าให้ศีรษะไปพิงกับส่วนของของรถที่เขย่าๆไปตามแรงกระแทกและการเคลื่อนไหว ถ้าจะพิงพนักก็ให้ใช้หลังพิงโดยให้ศีรษะตั้งตรงขึ้น อย่าฟุบหน้าลง หรือเอนศีรษะไปพิงอะไรข้างๆ จะทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพถูกจับแกว่งไกวขณะที่รถเลี้ยวไปมา
6. อย่าสูบบุหรี่ หรือนั่งใกล้คนสูบบุหรี่ เพราะแค่ควันบุหรี่อย่างเดียวโดยไม่ต้องมีการเคลื่อนไหวใดๆก็เมาได้แล้ว
7. เวลาเดินทางอย่าเห็นแก่กิน อย่ารับประทานอาหารให้อิ่มจนเต็มท้อง เพราะถ้ามีของเต็มกระเพาะ ก็มีแนวโน้มจะออกมาง่าย
8. ไม่รับประทานของที่มันหรือเลี่ยน เพราะย่อยยาก ค้างอยู่ในกระเพาะนาน อาเจียนง่าย
9. ไม่รับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง อันจะกระตุ้นให้ตัวเอง หรือคนข้างๆ ให้คลื่นไส้อาเจียน
10. ไม่รับประทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เผ็ดจัด เพราะเวลาอาเจียน ยิ่งถ้าพรูผ่านจมูกออกมาด้วยแล้ว จะแสบแบบไม่รู้ลืม
11. ก่อนเดินทางควรขับถ่ายให้เรียบร้อย อย่าให้ปวดถ่ายจนต้องกลั้นอุจจาระขณะเดินทาง เพราะการกลั้นอุจจาระ จะทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ปกติจะไล่กันเป็นลูกระนาดจากบนลงล่างถูกติดเบรคเสียกระบวนไป
12. งดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะลำพังแอลกอฮอล์ไม่ต้องขึ้นรถก็เมาอยู่แล้ว
13. ก่อนออกเดินทางครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ให้รับประทานยาแก้เมา เช่นยาแอนตี้ฮิสตามีน ชื่อ ดรามามีน (Dramaine หรือ dimenhydrinate) หนึ่งเม็ด และพกยานี้ติดตัวไปด้วย ให้คาดหมายไว้เลยว่ายานี้อาจทำให้มีอาการง่วงได้ ถ้าจะเดินทางไกล ยาอีกตัวที่ช่วยได้คือแผ่นปาสเตอร์แปะแก้เมาชื่อ ทรานสเดิร์ม สค็อป (Transderm Scop หรือ scopalamine) โดยแปะไว้ที่หลังหูล่วงหน้าก่อนเดินทาง 2 – 3 ชั่วโมงขึ้นไป ยานี้จะมีฤทธิ์ป้องกันได้นาน 72 ชั่วโมง
14. ถ้าท้องไส้ปั่นป่วนมาก สำหรับบางคน การได้ดื่มน้ำอัดลมในปริมาณพอเหมาะ จะช่วยได้
15. เมื่อเริ่มวิงเวียน การสูดหายใจลึกๆ รับลมเย็นๆจากหน้าต่างรถ หรือใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าผากและหน้า ช่วยลดอาการได้
16. ถ้าเริ่มมีอาการวิงเวียน ใช้ยาดม ยาลม ยาหอม และกลิ่นพืชสมุนไพร ตามที่แต่ละคนชอบ จะช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนได้ รวมไปถึงการดมกลิ่นเปลือกส้มเขียวหวาน (บีบให้มันพ่นกลิ่นออกมา) และกลิ่นเปลือกพริกขี้หนู (เอาพริกขี้หนูหลายๆเม็ดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ)
17. จิตวิทยาก็สำคัญ วางฟอร์ม ตั้งสติ ไม่ยอมแพ้แก่การเมา จะช่วยได้มาก เพราะสมองรับอิทธิพลจากสัญญาณทั้งที่มาจากจิตสำนึกและจากประสาทอัตโนมัติ ควรคอยบอกตัวเองว่าอย่าเสียฟอร์มต่อหน้าคนอื่นนะ คู่สนทนาขณะเมารถต้องเป็นคนที่ดึงจิตเราให้สูงขึ้น เช่นเป็นคนให้กำลังใจ อย่าสนทนากับคนที่กำลังพ่ายแพ้แก่อาการเมาเหมือนกัน จะพากัน...อ๊วก..ก...ก
18. ในวิชากดจุดของจีนโบราณ เขาว่าจุดคุมอาการเมาอยู่ที่เหนือข้อพับด้านในของข้อมือขึ้นไปสักหนึ่งนิ้ว ลองกดปล่อยๆบริเวณนั้นดูก็ได้ เผื่อฟลุ้คได้ผล มีบางคนทำกำไรเป็นปุ่มตรงนั้นออกมาขายแก้เมาเรือ เรียกว่า sea band ในกรุงเทพมีขายที่ร้าน Planet Scuba อันนี้ผมไม่ทราบว่าได้ผลจริงหรือไม่ หรือแค่หลอกเต้ยเอาเงิน เพราะผมไม่มีความรู้หลักวิชาแพทย์แผนจีน ท่านใช้วิจารณะญาณเอาเองก็แล้วกัน
19. หากทำท่าจะแพ้ หมดแรงสู้ ให้นอนลงแล้วหลับตาเพื่อปิดการส่งสัญญาณภาพเข้าสมองเป็นการลดความสับสน ให้สมองได้รับสัญญาณจากอวัยวะคุมการทรงตัวที่อยู่ที่หูชั้นในเพียงอย่างเดียว อาการจะดีขึ้น ถ้าม่อยหลับไปจริงๆเลยได้ยิ่งดี เพราะขณะนอนหลับ สมองส่วนคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายจะปิดรับสัญญาณเข้าใดๆ ความสับสนที่สัญญาณขัดแย้งกันไม่มี อาการเมารถจึงหายไปเอง
นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์
ดิฉันมีอาการเมารถง่าย เมาอย่างแรง ทรมานทุกครั้งที่เดินทาง ตอนนี้จะไปทัวรถบัสจากเขมรไปถึงเวียตนาม วิธีป้องกันและรักษาที่เพื่อนๆเขาแนะนำก็ทำหมดแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล ขอทราบวิธีของทางแพทย์แบบที่ได้ผลจริงๆด้วยคะ
Wipapan
ตอบ
อาการเมาเกิดขึ้นกับการโดยสารยวดยานที่พาเราเคลื่อนที่ไปได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น รถ เรือ เครื่องบิน มักจะเกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เริ่มรู้สึกผะอืดผะอมไม่สบาย ไปจนถึงเหงื่อออกตัวเย็น เวียนหัว คลื่นไส้ แล้วก็อาเจียนออกมา อาการเมารถ เกิดจากขณะเคลื่อนไหวสมองเกิดความสับสนแบบประสาทหลอน (hallucination) เนื่องจากข้อมูลที่รายงานเข้ามาจากหูและตา ไม่สอดคล้องกับข้อมูลจากอวัยวะคุมการทรงตัวของร่างกาย (balancing organ) ที่อยู่ในหูชั้นใน ถ้าหยุดการเคลื่อนไหว อาการเมาก็จะค่อยๆหายไป คนที่เดินทางบ่อยๆมักจะปรับตัวเองให้คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและเมาน้อยลง เทคนิคอื่นๆที่จะช่วยบรรเทาการเมารถ ได้แก่
1. นั่งแถวหน้าๆ หันหน้าไปทางหน้ารถ เพราะการนั่งหน้ารถและมองไปข้างหน้า จะทำให้ทั้งตาและหูของเรารับรู้การเคลื่อนไหวของรถไปพร้อมๆกับอวัยวะควบคุมการทรงตัวที่อยู่ในหูชั้นใน จึงมีโอกาสเมาน้อยกว่า
2. จินตนาการว่าตัวเองเป็นคนขับรถเสียเอง เพราะคนขับจะไม่เมารถ เวลารถจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาก็คาดการณ์ล่วงหน้า และรู้ตัวขณะที่ร่างกายต้องหมุนเลี้ยวตามรถ สมองก็จะเกาะติดสถานะการณ์ได้ชัดเจนขึ้นไม่สับสน
3. มองไปไกลๆ จับเส้นขอบฟ้าไว้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สมองมั่นใจว่าอะไรอยู่บน อะไรอยู่ล่าง อะไรอยู่ซ้าย อยู่ขวา ขณะที่รถหรือพาหนะเคลื่อนไหววกวนไปมา ต้องหามองอะไรที่ไกลๆและนิ่งๆ และรู้ตัวว่าตัวเรากำลังเคลื่อนไหวไป ขณะที่จุดนั้นนิ่ง เพื่อให้สมองทราบสถานะและตำแหน่งของตัวเองได้ถูกต้อง
4. อย่าอ่านหนังสือหรือตั้งใจมองอะไรที่เป็นของเล็กๆและเขย่าๆหรือเคลื่อนไหวบนรถ เพราะการเคลื่อนไหวของตัวเรากับวัสดุในรถจะไม่ไปด้วยกันทำให้สมองสับสนถึงต่ำแหน่งที่แท้จริงของตัวเอง
5. ตั้งศีรษะให้ตรง ให้ศีรษะได้อยู่นิ่งๆ เวลารถเลี้ยวก็ตั้งใจรู้ตัวว่ากำลังหันไปตามการเลี้ยวของรถ อย่าให้ศีรษะไปพิงกับส่วนของของรถที่เขย่าๆไปตามแรงกระแทกและการเคลื่อนไหว ถ้าจะพิงพนักก็ให้ใช้หลังพิงโดยให้ศีรษะตั้งตรงขึ้น อย่าฟุบหน้าลง หรือเอนศีรษะไปพิงอะไรข้างๆ จะทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพถูกจับแกว่งไกวขณะที่รถเลี้ยวไปมา
6. อย่าสูบบุหรี่ หรือนั่งใกล้คนสูบบุหรี่ เพราะแค่ควันบุหรี่อย่างเดียวโดยไม่ต้องมีการเคลื่อนไหวใดๆก็เมาได้แล้ว
7. เวลาเดินทางอย่าเห็นแก่กิน อย่ารับประทานอาหารให้อิ่มจนเต็มท้อง เพราะถ้ามีของเต็มกระเพาะ ก็มีแนวโน้มจะออกมาง่าย
8. ไม่รับประทานของที่มันหรือเลี่ยน เพราะย่อยยาก ค้างอยู่ในกระเพาะนาน อาเจียนง่าย
9. ไม่รับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง อันจะกระตุ้นให้ตัวเอง หรือคนข้างๆ ให้คลื่นไส้อาเจียน
10. ไม่รับประทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เผ็ดจัด เพราะเวลาอาเจียน ยิ่งถ้าพรูผ่านจมูกออกมาด้วยแล้ว จะแสบแบบไม่รู้ลืม
11. ก่อนเดินทางควรขับถ่ายให้เรียบร้อย อย่าให้ปวดถ่ายจนต้องกลั้นอุจจาระขณะเดินทาง เพราะการกลั้นอุจจาระ จะทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ปกติจะไล่กันเป็นลูกระนาดจากบนลงล่างถูกติดเบรคเสียกระบวนไป
12. งดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะลำพังแอลกอฮอล์ไม่ต้องขึ้นรถก็เมาอยู่แล้ว
13. ก่อนออกเดินทางครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ให้รับประทานยาแก้เมา เช่นยาแอนตี้ฮิสตามีน ชื่อ ดรามามีน (Dramaine หรือ dimenhydrinate) หนึ่งเม็ด และพกยานี้ติดตัวไปด้วย ให้คาดหมายไว้เลยว่ายานี้อาจทำให้มีอาการง่วงได้ ถ้าจะเดินทางไกล ยาอีกตัวที่ช่วยได้คือแผ่นปาสเตอร์แปะแก้เมาชื่อ ทรานสเดิร์ม สค็อป (Transderm Scop หรือ scopalamine) โดยแปะไว้ที่หลังหูล่วงหน้าก่อนเดินทาง 2 – 3 ชั่วโมงขึ้นไป ยานี้จะมีฤทธิ์ป้องกันได้นาน 72 ชั่วโมง
14. ถ้าท้องไส้ปั่นป่วนมาก สำหรับบางคน การได้ดื่มน้ำอัดลมในปริมาณพอเหมาะ จะช่วยได้
15. เมื่อเริ่มวิงเวียน การสูดหายใจลึกๆ รับลมเย็นๆจากหน้าต่างรถ หรือใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าผากและหน้า ช่วยลดอาการได้
16. ถ้าเริ่มมีอาการวิงเวียน ใช้ยาดม ยาลม ยาหอม และกลิ่นพืชสมุนไพร ตามที่แต่ละคนชอบ จะช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนได้ รวมไปถึงการดมกลิ่นเปลือกส้มเขียวหวาน (บีบให้มันพ่นกลิ่นออกมา) และกลิ่นเปลือกพริกขี้หนู (เอาพริกขี้หนูหลายๆเม็ดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ)
17. จิตวิทยาก็สำคัญ วางฟอร์ม ตั้งสติ ไม่ยอมแพ้แก่การเมา จะช่วยได้มาก เพราะสมองรับอิทธิพลจากสัญญาณทั้งที่มาจากจิตสำนึกและจากประสาทอัตโนมัติ ควรคอยบอกตัวเองว่าอย่าเสียฟอร์มต่อหน้าคนอื่นนะ คู่สนทนาขณะเมารถต้องเป็นคนที่ดึงจิตเราให้สูงขึ้น เช่นเป็นคนให้กำลังใจ อย่าสนทนากับคนที่กำลังพ่ายแพ้แก่อาการเมาเหมือนกัน จะพากัน...อ๊วก..ก...ก
18. ในวิชากดจุดของจีนโบราณ เขาว่าจุดคุมอาการเมาอยู่ที่เหนือข้อพับด้านในของข้อมือขึ้นไปสักหนึ่งนิ้ว ลองกดปล่อยๆบริเวณนั้นดูก็ได้ เผื่อฟลุ้คได้ผล มีบางคนทำกำไรเป็นปุ่มตรงนั้นออกมาขายแก้เมาเรือ เรียกว่า sea band ในกรุงเทพมีขายที่ร้าน Planet Scuba อันนี้ผมไม่ทราบว่าได้ผลจริงหรือไม่ หรือแค่หลอกเต้ยเอาเงิน เพราะผมไม่มีความรู้หลักวิชาแพทย์แผนจีน ท่านใช้วิจารณะญาณเอาเองก็แล้วกัน
19. หากทำท่าจะแพ้ หมดแรงสู้ ให้นอนลงแล้วหลับตาเพื่อปิดการส่งสัญญาณภาพเข้าสมองเป็นการลดความสับสน ให้สมองได้รับสัญญาณจากอวัยวะคุมการทรงตัวที่อยู่ที่หูชั้นในเพียงอย่างเดียว อาการจะดีขึ้น ถ้าม่อยหลับไปจริงๆเลยได้ยิ่งดี เพราะขณะนอนหลับ สมองส่วนคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายจะปิดรับสัญญาณเข้าใดๆ ความสับสนที่สัญญาณขัดแย้งกันไม่มี อาการเมารถจึงหายไปเอง
นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์
ความคิดเห็น