พยาบาลไม่รู้จักโรค IBS จะผิดมากไหม โถ..หมอก็ไม่รู้จักเหมือนกัน

เรียน อจ สันต์ ที่เคารพ
ดิฉันอายุ 58 ปีเป็นพยาบาลวิชาชีพมา35ปี ขอเรียนอาจารย์อย่างไม่อายว่าไม่เคยรู้จักโรคนี้มาก่อนค่ะ   เมื่อ1ปี10แดือนก่อนได้กินอาหารอิ่มมากวันต่อมามีอาการแน่นท้องมีลมบริเวฌใต้ลิ้นปี่ หายใจไม่สะดวกไปรับการรักษาได้ยาลดกรด ยาขับลม ยาแก้ท้องอืด  อินยาไป 10 วันอาการไม่ทุเลายังมีอาการแน่นท้อง หลังกินอาหารมีลมแต่เรอไม่ออก   จึงไปรับการรักษากับแพทย์GI  ได้ยาคล้ายๆกับครั้งแรกมากิน กินยาไปสองสัปดาห์อาการไม่ทุเลาน้ำหนักลดจาก 50 กิโลเหลือ 45 กิโล  แพทย์จึงพิจารณาทำEGD Colonoscope  ทำแล้วผลปกติค่ะ  แพทย์จึงให้ยาTranxine  De anxit.  กินยาสองตัวนี้อาการดีวันดีคืนค่ะ   กินยานี้ประมาณสามเดือนน้ำหนักขึ้นไป 50 กิโลเท่าเดิมค่ะอาการแน่นท้องหลังกินอาหารหายไปแต่ลมยังมีเยอะอยู่แต่สามารถเรอออกได้   แพทย์จึงถอนยาออกเหลือเฉพาะTranxine กินวันเว้นวัน  ตอนนั้นแพทย์บอกว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารแปปรวน  หลังถอนยาได้สี่วันได้กินก๋วยเตียวใส่พริกนำ้าส้มแล้วมีอาการถ่ายเหลว3ครั้งต่อวันเป็นอยู่2วัน อาการแน่นท้อง  ลมเพิ่มขึันหลังกินอาหารก็กลับมาใหม่ไปพบแพทย์ให้Antibiotic ยาลดการเกร็งของระบบทางเดินอาหาร Tranxine. Deenxit    แพทย์บอกว่าเป็นลำไส้แปรแปรวน IBS  กินยาไปหนึ่งเดือนอาการไม่ดีขึ้นเลยแถมยังมีอาการไม่ถ่ายอุจจาระห้าวัน   
กินอาหารได้น้อยลงนำ้หนักเริ่มลด จึงตัดสินใจไปพบแพทย์GI ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศใครใครก็รู้จักท่าน รักษากับแพทย์ท่านนี้มาได้ปีกว่า  ระหว่างการรักษาปรับยาหลายครั้งอาการทรงกับทรุดทรุด  ไม่ดีขึ้น  อาการจะทรุดลงเมื่อกินอาหารผิดไปเช่นกินข้าวผัดที่ข้าวสวยมากๆหลังกินรู้สึกแน่นท้องจุกเสียดจะแน่นมากบริเวณใต้ลิ้นปี่  วันถัดถัดมาก็จะกินอาหารได้น้อยลงแล้วต้องเปลี่ยนเป็นอาหารอ่อนเป็นอย่างนี้เป็นแ
รมเดือนอาการถึงจะดีตึ้นแต่ถึงแม้ว่าจะดีขึ้นก็ไมสามารถกินอาหารได้มากทำให้น้ำกนักไม่ขึ้น
5เดือนก่อนกินหมูเนื้อแดงสับเคี้ยวละเอียดหลังกินมีอาการแน่นท้อง ลมซึ่งมีอยู่เสมอเพิ่มขึ้น ต้องกินอาหารปั่นซึ่งก็กินได้น้อย  1เดือนผ่านไปอาการไม่ดีขึ้นนำ้หนักลดไป3กก ผิวหมองคลำ้เล็บเท้าเป็นคลื่นไม่เรียบผมร่วง  ได้ไปพบแพทย์GI  ขอปรึกษาเรื่องจะพัฒนาภาวะโภชนาการได้อย่างไร ไม่ได้คำตอบค่ะ ในใจคิดว่าคงงต้องตายเพราะภาวะขาดสารอาหารนทำให้รู้สึกอ่อนเพลียมาก   จึงไปพบแพทย์โภชนาการ  แพทย์ได้แนะนำให้ลองกินนมยี่ห้อหนึ่งและอาหารเสริม กินได้2เดือนนำ้หนักขึ้น2กก   7 สัปดาห์ก่อนกินฟักทองที่นึ่งค้างไว้ในตู้เย็นทำให้ท้องอืดมีลมเยอะลมจะวิ่งบริเวฌท้องน้อยถ่ายอุจจาระยังปกติจึงกินส้มไป1ลูก(ซึ่งเป็น”ืนส้มที่กินอยู่ทุกวัน)    รุ่งเช้าถ่ายเหลว ถ่าย1ครั้งต่อวันประมาณ1สัปดาห์อาการไม่ดีขึ้นไปพบแพทย์GI. ให้Antibioticมากินต่อมาอีก8วันอุจาระจึงเป็นก้อน  อาการแน่นท้องหลังอาหารยังคงอยู่นมที่เคยกินได้กลับกินไม่ได้ปวดท้องแม้ว่าจะกินเพียง1ช้อน(ช่วงท้องเสียได้หยุดกินนม)
2สัปดาห์ก่อนได้ไปเจาะเลือดดูภูมิแพ้อาหารแฝงแพทย์แนะนำให้งดอาหารที่แพ้มาก(สีแดง)3~6เดือน ที่ก่ำกึ่ง(สีเหลือง)1เดือน  เหื่อให้ลำไส้ได้ฟื้นตัวไม่แพ้กินได้เลย   และกินโปรไบโอติก
10วันก่อนกินปลาต้มไม่ทราบว่าใส่เต้าเจี้ยว กินนำ้าแกง3ช้อน1ชม หลังจากนั้นถ่ายเหลว1ครั้งวันถัดมามีอาการปวดท้องบริเวณท้องเหมือนปวดตอนท้องเสีย ปปวดประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะหายไปแต่ไม่ถ่าย เป็นเช่นนี้อยู่ห้าวันอาการปวดท้องหายไปแต่อาการแน่นท้องหลังกินอาหารยังคงอยู่ลักษณะของอุจจาระถึงแม้จะไม่เหลวแต่ก็แฉะแฉะไม่ค่อยเป็นก้อนยังไม่ปกติจนถึงทุกวันนี้
ได้อ่านที่อาจารย์ตอบคำถามของผู้ป่วยอายุ65ปีที่มืลมมากรู้สึกคล้ายของตัวเอง
เรียนปรึกษาอาจารย์  ในข้อ 4.4 กินพืชอย่างเดียว อีก6 เดือนช้าไปมั้ยค่ะ  การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงเชื่อถือได้มั้ยคะ
ขอบพระคุณค่ะ

………………………………………………………………….

ตอบครับ

1.. ถามว่าเป็นพยาบาลไม่รู้จักโรค IBS ผิดมากไหม ตอบว่าไม่ผิดดอกครับ เพราะแพทย์ทุกคนในโลกนี้ก็ไม่มีใครรู้จักโรคนี้มากพอที่จะรักษามันได้ ชื่อ IBS นี้ย่อมาจากคำเต็มว่า irritable bowel syndrome คำว่า “syndrome” ที่ต่อท้ายนั้นแปลเป็นภาษาไทยว่า “ไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้วิธีรักษา” ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คุณจะเจอว่าหมอคนนั้นว่าอย่างนั้นหมอคนนี้ว่าอย่างนี้ เพราะไม่มีใครรู้จริงสักคน หมอสันต์ก็ไม่รู้ ทางเดียวที่คุณจะรับมือกับโรคนี้ก็คือทดลองกับตัวเอง ใครว่าอะไรดีเอามาลองหมด ไม่ดีก็ทิ้งไป ดีก็เก็บเอาไว้ใช้ อย่าหวังพึ่งแพทย์จ่ายยาเม็ดให้แบบกินแล้วหายเลย เพราะยานั้นไม่มี

2.. ถามว่าถ้าจะลองกินแต่พืชอย่างเดียวอีกหกเดือนข้างหน้าจะสายเกินไปไหม ตอบว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรเร็วเกินไปหรือสายเกินไปหรอกครับ เพราะทุกอย่างเกิดที่เดี๋ยวนี้ทั้งนั้น ชีวิตนี้จึงมีแต่พอดีๆ ให้คุณเลือกเอาแบบที่ชอบๆ เลือกเอาแบบที่สบายใจ

3.. ถามว่าจะไปตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงจะมีประโยชน์ไหม ตอบว่าสินค้าทางด้านสุขภาพทุกวันนี้พากันตั้งชื่อให้ดูเป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อเพิ่มกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุดในเวลาเร็วที่สุด เพราะนานไปเมื่อคนรู้ไส้ว่าสินค้านั้นบ่มิกไก๊แล้วก็จะเลิกซื้อ ค่อยไปหาสินค้าตัวใหม่มาตั้งชื่อใหม่ ผมตอบคำถามของคุณว่าผมไม่ทราบหรอกครับ และไม่มีแพทย์คนไหนทราบด้วย เพราะไม่เคยมีงานวิจัยระดับเชื่อถือได้เรื่องผลของการใช้ภูมิแพ้อาหารแฝงในการรักษาโรค IBS ตีพิมพ์ไว้แม้แต่งานเดียว ผมบอกคุณได้สองอย่างเท่านั้น (1) จะลองอะไรก็ลองได้ทั้งนั้น แต่ให้ถือเอาตัวชี้วัดสุดท้ายสองตัวคือน้ำหนักเพิ่มขึ้นและคุณภาพชีวิตดีขึ้น หากไปตรวจและทำตามคำแนะนำแล้วพบว่านี่ก็กินไม่ได้นั่นก็กินไม่ได้และน้ำหนักยิ่งลดลง วิธีนั้นก็ใช้ไม่ได้ครับ (2) โรค IBS นี้หากมีหมอคนไหนค้นพบสาเหตุและวิธีรักษาที่ได้ผลจริง หมอคนนั้นต้องได้รางวัลโนเบลไปแล้วแน่นอนครับ

4.. ข้อนี้คุณไม่ได้ถามแต่ผมแถมให้ หลายปีมาแล้วมีแฟนบล็อกตัวเป็นๆเขียนมาหาและเล่าเรื่องโรคของเธอซึ่งเป็นโรคเดียวกับคุณ ผมเอามาลงซ้ำให้คุณได้อ่าน เผื่อจะมีประโยชน์

……………………………………………..

“…ชื่อจิ๊บค่ะ

อายุ 61 ปี น้ำหนัก 39.5 กก. ส่วนสูง 151 ซม. วัดดัชนีมวลกายได้ 17.3 ต่ำกว่ามาตรฐานต่ำสุดคือ 18.5 โขอยู่ แต่แม้จะผอมก็ยังมีไขมันในเลือดสูง คือ LDL 163 มาเข้าแค้มป์พลิกผันโรคด้วยตนเอง (REBY-17) หมอตรวจแล้วสรุปเรียงปัญหาได้หกอย่างคือ

  1. ดัชนีมวลกายต่ำ
  2. กระดูกพรุน
  3. ลำไส้แปรปรวน
  4. ภูมิแพ้
  5. นอนไม่หลับ (primary insomnia)
  6. ไขมันเลือดสูง

พอกลับจากแค้มป์ก็เริ่มปรับเปลี่ยนตัวเองตามที่เรียนมา การจะปรับเปลี่ยนตัวเองจำเป็นต้องตั้งคำถาม เราต้องมีเป้าหมายว่า ทำไปทำไม กินแพลนท์เบสทำไม ออกกำลังกายทำไม ต้องตอบได้ รู้คำตอบแล้วลงมือทำ อันที่จริง ก็ทำมาบ้างแล้ว คือกินผัก ผลไม้มากๆ เนื้อสัตว์น้อยที่สุด ออกกำลังด้วยการเดินให้ได้ย่างน้อย 10,000 ก้าว ต่อเมื่อไปเข้าแคมป์ พลิกผันโรคด้วยตนเอง RD17 จึงได้รู้ว่า การกินของตนเองไม่ถูกหลัก ทั้งปริมาณ และคุณภาพ การออกกำลังกายก็ เช่นกัน เดิน เกือบทุกวัน วันละประมาณ 40-45 นาที แต่ไม่ได้ฝึกกล้ามเนื้อต่างๆ อย่างที่ สว.ควรฝึก

หลังจาก รับวิทยายุทธจากหมอสันต์ที่แคมป์(8-12ตค.63) ก็เริ่มปรับเปลี่ยนอย่างเอาจริง

การกิน

1) กินถั่วต่างๆในมื้ออาหารให้ได้สารพัดถั่ว ให้ครบทุกมื้อ หาซื้อมาเรียงใส่ขวดไว้ จะกินถั่วชนิดใดบ้างก็นำออกมาแช่น้ำ 24 ชม. แล้วต้ม ใส่ภาชนะเก็บเข้าตู้เย็น ส่วนอาหารว่าง ก็ไม่พ้นถั่วเปลือกแข็ง ไปหามาอบ เก็บใส่ขวด ตักกินแทนขนม (หากถั่วแข็งๆจะส่งผลต่อฟัน ควรบดให้ละเอียด) อาจมีอย่างอื่นบ้าง แต่หลักๆคือถั่วเปลือกแข็ง เรียงไว้บนโต๊ะกินข้าวนะแหละ ตั้งแต่ตั้งใจกินถั่วต่างๆ ให้ได้ทุกมื้อภูมิแพ้ที่เป็นอยู่หายไป ไม่ปรากฎอาการแอ้มๆที่คอ น้ำมูกแทบไม่มารบกวน อาการลำไส้แปรปรวน(ปวดท้อง)ก็หายไปเลย (3 เดือนแล้ว)

2)ผักสด/ผลไม้ พยายามให้ได้ 3-5 serve/วัน กินผักสดด้วยการทำสลัดเสียเป็นส่วนใหญ่ (ได้ใช้จินตนาการในการจัดผัก หั่นแครอทเพื่อเพิ่มสีสรรให้น่ากิน อีกด้วย มีของเล่นทุกวัน ว่างั้นเหอะ) วันใดน้ำสลัดงาขาวหมดเกลี้ยง ก็แก้ปัญหาโดยนำอัลมอนด์ หรืองาดำทดมาแทน ได้คิดค้น อะไรใหม่ๆไม่จำเจ

  1. ข้าวกล้อง และหรือเส้นก๋วยเตี๋ยวกล้อง กินเป็นประจำอยู่แล้ว.กินต่อไป จะดีมากหากหุงแล้วแพคใส่ภาชนะเก็บในฟรีซ จะกินเมื่อใด นำออกมาอุ่นได้ทันที

4.กินของทอดให้น้อยที่สุด เจียวไข่ก็ใช้กะทะเทฟรอน หรือผัดผักใส่กระเทียมบุบ จะมีน้ำมันออกมาจากกระเทียม พอไม่ให้ติดกะทะ หรือหากจะทอดใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน แต่ไม่ควรใช้บ่อยนัก เพราะหม้อทอดไร้น้ำมันใช้ความร้อนสูงมาก

การออกกำลัง

1)เนื่องจากมีปัญหากระดูกพรุน หมอสันต์แนะนำให้ออกแดดอย่างน้อย 30 นาที/วัน 5วัน/wk จึงตั้งใจออกไปเดินให้ได้ตามหมอสั่ง และจัดเวลาเดินออกกำลังช่วงเย็นหรือค่ำ เพื่อให้จำนวนก้าวเกิน 10500ก้าว/วัน

2) หมอสันต์แนะนำให้สว. ฝึกสร้างกล้ามเนื้อ จึงพยายามทำ สลับวันระหว่าง กล้ามเนื้อแขน ไหล่ อก หลัง กับกล้ามเนื้อขา น่อง สะโพก

3) และฝึกการออกกำลังการเสริมการทรงตัว โดยมีคัมภีร์เล่มใหญ่ที่หมอแจกให้เป็นแนวทางในการฝึก

การเข้านอน

พยายามให้ตรงเวลา แม้นจะทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่การตื่นกลางดึกไปเข้าห้องน้ำ แทบไม่ปรากฏ(เมื่อเทียบกับแต่เดิมที่ไม่เคยออกแดด) ออกแดดแล้วทำให้หลับสบาย หลับง่ายขึ้นเป็นเรื่องจริงที่ประสบด้วยตนเอง

ผลลัพธ์

ผ่านมาได้หลายเดือน น้ำหนักคืบขึ้นมาพ้นหลักสี่แล้ว คือ 40.94 กก. ไขมันเลว LDL ลดลงจาก 163 เหลือ 143 อาการนอนไม่หลับดีขึ้นเพราะได้ออกแดด อาการสำไส้แปรปรวนหายสนิท อาการภูมิแพ้​หายสนิท

สำคัญที่…

ทั้งนี้ ทั้งนั้น วินัยสำคัญมาก ใครจะแซว จะล้อ จะทักว่ามากเกินไป (เดิน) หรือไม่กลัวดำ ไม่ต้องสนใจ เป้าหมายเราสำคัญที่สุด ให้สัจจะแม้กับตนเองก็ละทิ้งไม่ได้ ที่สำคัญมากอีกประการหนึ่ง คือมีฉันทะ มีความพอใจในการทำ การปรุง การไปหาซื้อ เตรียมต่าง ทำให้สนุก การออกกำลังก็เช่นกัน อย่างที่ผู้รู้สอน นั่นแหละ คืออยู่กับปัจจุบัน รู้ตัวว่าทำอะไร สุขภาพดีหาซื้อไม่ได้จริงๆค่ะ ต้องลงมือทำเอง แต่จะให้ดี สุขภาพจะดีต้องมีผู้ไกด์ ที่เป็นผู้รู้จริง และเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง ขอขอบพระคุณ คุณหมอสันต์ คุณหมอสมวงศ์ ใจยอดศิลป์ ที่จัดแคมป์คุณภาพชั้นเลิศ นี้ค่ะ

จิ๊บ…”

…………………………………………………

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี