สถานการณ์ในชีวิตเป็นคนละเรื่องกับการใช้ชีวิต

คุณหมอสันต์ที่เคารพ

ชีวิตหนูทุกวันนี้แย่มาก สิ้นเนื้อประดาตัว ถูกทรยศ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว เรื่องงาน และเรื่องเงินเรื่องทอง ดิฉันควรจะผ่านไปอย่างไร เหตุการณ์รอบตัวทำให้เกิดความคิดลบตลอดเวลา จะจัดการอย่างไรเพราะมีหลายเรื่องเช่นเรื่องเศรฐกิจและปัญหาส่วนบุคคล มันมาถึงจุดตีบตันแล้วจริงๆ

ขอบพระคุณคุณหมอมากค่ะ

…………………………………………………………………..

ตอบครับ

1.. ถามว่าชีวิตปัจจุบันเต็มไปด้วยความยุ่งยาก ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว เรื่องงาน และเรื่องเงินเรื่องทอง ควรจะผ่านเรื่องนี้ไปอย่างไร? ตอบว่า ก่อนอื่นคุณต้องแยกสองเรื่องนี้ออกจากกันเพราะมันไม่เหมือนกันคือ (1)สถานการณ์ในชีวิต และ(2)การใช้ชีวิต

สถานการณ์ในชีวิต (life situation) คือเรื่องราวความเป็นมาต่างๆ ที่คุณพรรณาออกมาเป็นเป็นภาษาไปแหม็บๆ เป็นเรื่องราว มีความต่อเนื่องในมิติของเวลา แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความคิดที่ประมวลขึ้นมาโดยสำนึกว่าเป็นบุคคลหรืออีโก้ของคุณเองนะ

ส่วนการใช้ชัวิต (living) หมายถึงการมีชีวิตอยู่ หรือการดำรงอยู่โดยที่ยังตื่นและมีความรู้ตัวและหายใจได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเฉพาะในลมหายใจนี้เท่านั้น ทีละลมหายใจ ที่ผมบอกว่าสองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน ผมหมายถึงว่าถึงแม้ว่าสถานการณ์ในชีวิตของคุณจะดูยุ่งยากอย่างไรก็ตาม แต่ตอนนี้คุณยังหายใจออกอยู่ใช่ไหม ดังนั้นคุณก็ยังใช้ชีวิตได้ ผมแนะนำให้คุณโฟกัสที่การใช้ชีวิต อย่าไปโฟกัสที่สถานการณ์ในชีวิต วิธีโฟกัสที่การใช้ชีวิตทำอย่างนี้ คุณลองทำตามตอนนี้เลยก็ได้ ให้คุณหายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ เต็มๆ เปิดรับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาให้เข้ามาสู่ชีวิตเราโดยไม่ต้องรังเกียจว่านี่อยากได้ นั่นไม่อยากได้ หายใจเข้าเต็มปอดแล้วกลั้นหายใจไว้พักหนึ่ง กลั้นแบบนุ่มนวล ยิ้มที่มุมปากนิดๆ ทำใบหน้าให้ผ่อนคลาย ผ่อนคลายร่างกาย จากนั้นก็ค่อยๆปล่อยลมหายใจออกช้าๆ ให้สิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผ่านออกไปอย่างไม่ยึดติด พร้อมกับยิ้มและผ่อนคลายร่างกายทั่วทั้งตัวอีกครั้ง แค่นี้แหละ เหตุการณ์หนึ่งรอบลมหายใจนี่เเหละคือการใช้ชีวิต ซึ่งคุณสามารถที่จะใช้ชีวิตได้อย่างผ่อนคลายและสร้างสรรค์ได้เสมอ ไม่ว่าสถานการณ์ในชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไร

2.. ถามว่า เหตุการณ์รอบตัว ทำให้เกิดความคิดลบตลอดเวลา จะจัดการอย่างไร ตอบว่า ผมอยากให้คุณใช้ตรรกะง่ายๆ ทบทวนความจริงให้ตัวเองรับรู้บ่อยๆว่าความทุกข์สุขในชีวิตของตัวเรานี้ไม่ได้เกิดจากสถานการณ์รอบตัวและไม่ได้เป็นเพราะบุคคลภายนอก แต่เกิดจากความคิดของเราเองทั้งสิ้น ว่าเราสนองตอบต่อสิ่งเร้ารอบตัวอย่างไรในรูปของการคิด ความคิดมันถูกชงขึ้นมาด้วยเนื้อหาเดิมๆอย่างซ้ำๆซากๆเหมือนแผ่นเสียงตกร่องโดยอีโก้หรือสำนึกว่าเป็นบุคคลของเราเอง เพื่อที่จะปกป้องตัวอีโก้เอง ตราบใดที่เรายังสำคัญผิดว่าอีโก้นี้คือตัวตนที่แท้จริงของเรา เราก็จะสำคัญผิดว่าความคิดนี้คือตัวเรา เราก็จะเป็นทาสความคิดหรือเสพย์ติดความคิด เมื่อใดที่เราตระหนักรู้ว่าความคิดนี้ไม่ใช่ตัวเรา เป็นเพียงสิ่งที่อีโก้ชงขึ้นมา เราก็จะสามารถทิ้งระยะห่างจากความคิดนิดหนึ่งได้ว่ามันเป็นแค่ความคิด มันไม่ใช่เรา เมื่อเราสังเกตดูมันได้ แล้วมันก็จะเป็นเพียงตลกละครสัตว์ให้เราดูด้วยความขบขันเท่านั้นเอง ดังนั้นหัวใจของการจัดการความย้ำคิดซ้ำซากคือการแอบชำเลืองหรือแอบสังเกตดูความคิด เพื่อทิ้งระยะห่างระหว่างคุณกับความคิดนิดหนึ่ง ให้คุณประจักษ์ว่าความคิดไม่ใช่คุณ จะได้เพิกเฉยต่อมันได้ จะได้ไม่ไปให้ราคามัน เมื่อมันดึงความสนใจจากคุณไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มันก็จะค่อยๆฝ่อหายไปเอง

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี