เรื่องไร้สาระ (21) โปรเจ็คนางฟ้า
ตกงาน เวลาว่างมาก ก็มีเวลาทำเรื่องไร้สาระบ่อย ตอนนี้มวกเหล็กฝนมาแล้ว พันธกิจเร่งด่วนก็คือการขุดลอกคลองไส้ไก่ในป่าอาหารเพื่อเอาใบไม้กิ่งไม้ที่ทำให้ท้องคลองตื้นเขินออกเป็นการเตรียมคลองไส้ไก่ไว้กักเก็บน้ำฤดูฝนใหม่ น้ำจะได้ซึมลงดินสร้างความชุ่มชื้นให้กับพืชและสัตว์ในดินแทนที่จะไหลหายแว้บไปแถมชะเอาหน้าดินทิ้งไปอีกต่างหาก แขนที่เพิ่งหักไปทั้งสองข้างก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ บางจังหวะที่จอบกระแทกใส่หินแรงๆก็เล่นเอาแปล๊บ..บ ไปเหมือนกัน กำลังขุดลอกด้วยจอบอยู่นั้นผมก็เหลือบไปเห็นต้นพืชในดงหญ้าลักษณะใบสีเขียวเข้มปลายรีคล้ายๆฟ้าทลายโจรก็ดีใจ แต่ไม่แน่ใจจึงเด็ดใบมาชิมดู รสชาติธรรมดาไม่ขม แสดงว่าไม่ใช่แน่ เมื่อมองให้ละเอียดจึงเห็นว่าต้นของมันกลมซึ่งไม่ใช่ลักษณะของฟ้าทลายโจร เพราะฟ้าทลายโจรลำต้นต้องเป็นเหลี่ยม ไม่ใช่กลม และใบของมันก็รีแหลมมากเกินไป ลุงดอน คนสวนเห็นผมก้มๆเงยๆเด็ดใบหญ้ามาชิมจึงออกปากถามว่า
“คุณหมอหาอะไรครับ”
ผมตอบว่าหาฟ้าทลายโจร เขาบอกว่าเห็นอยู่ทางริมรั้วที่ชายป่าไม่รู้ใช่หรือเปล่า ผมตามเขาไปดู เออ..คราวนี้คงจะใช่แน่ เขียวสด ใบเรียวพอควร ลำต้นเหลี่ยม เด็ดใบมาเคี้ยวชิมพิสูจน์ คนสวนคงจะเห็นหน้าผมตอนชิมจึงเอ่ยปากอย่างเกรงใจว่า
“โคตร..ขมเลยใช่ไหมครับ”
ผมพยักหน้าแบบไว้เชิง ตามองดูกลุ่มต้นฟ้าทลายโจรที่เขียวสดสะพรั่งอยู่ตรงหน้าก็คิดไปว่าช่างเป็นสมุนไพรที่ขึ้นง่ายและหาง่ายเสียนี่กระไรแถมใช้รักษาโควิดได้อีกต่างหาก ในอนาคตถ้าโควิดต้อนเราชาวไทยจนมุมขึ้นมาจริงๆฟ้าทลายโจรนี้น่าจะช่วยคนไทยเราได้ เสียแต่ว่าความรู้ที่มีอยู่ตอนนี้มันยังไม่พอที่จะให้ชาวบ้านปลูกฟ้าทลายโจรเองกินเองเพื่อรักษาโควิดได้เอง เพราะอย่างน้อยเราก็ยังไม่รู้สองเรื่อง คือ หนึ่ง เราไม่รู้ว่าใบฟ้าทลายโจรสดๆหนึ่งใบมีแอนโดรกราฟโฟไลด์ซึ่งเป็นตัวแทนของสารออกฤทธิ์กี่มิลลิกรัม สอง เราไม่รู้ว่าขนาดหรือโด้สที่ทำเพิ่งทำวิจัยในกันคนมาหมาดๆ (180 มก.ของแอนโดรกราฟโฟไลด์ต่อวันนาน 5 วัน) นั้น มันเป็นขนาดที่สูงเกินความจำเป็นหรือเปล่า เพราะมันเป็นโด้สที่สูงมาก ถ้าเป็นผงบดวันหนึ่งต้องกินระดับสิบกว่าแคปซูลขึ้นไป พยาบาลท่านหนึ่งบอกผมว่า
“โด้สสูงขนาดนี้ก็ต้องกินกันจนอ๊วกแตกอ๊วกแตนเลยซิคะ”
งานวิจัยของฝรั่งเองเช่นงานวิจัย Kalmcold ใช้ฟ้าทลายโจรที่มีแอนโดรกราฟโฟไลด์ 66 มก.ต่อวันห้าวันก็รักษาการติดเชื้อทางเดินหายใจเช่นหวัดไข้หวัดใหญ่ได้แล้ว ส่วนงานวิจัยของสถาบันสมุนไพรสวีเดนซึ่งกำลังวิจัยใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด19 เช่นกันก็ใช้โด้สเพียง 90 – 120 มก.ของแอนโดรกราฟโฟไลด์ต่อวันเท่านั้นเพียงแต่ว่ายังทำวิจัยไม่จบผลยังไม่ออกมา
สรุปว่าตราบใดที่ไม่มีงานวิจัยที่ตอบคำถามสองประเด็นนี้ได้ ตราบนั้นชาวบ้านไทยตาดำๆก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องกินฟ้าทะลายโจรเองอย่างไรจึงจะรักษาโควิดได้ น่าเสียด๊าย เสียดาย ..จบข่าว
วันนั้นกลับขึ้นบ้านกินข้าวแล้วเล่าให้หมอสมวงศ์ฟังว่าผมเห็นต้นฟ้าทะลายโจรขึ้นเองริมรั้วสวยเชียว เธออยากเห็นบ้าง รุ่งเช้าสองตายายจึงควงกันไปชมต้นฟ้าทะลายโจร ขณะชมป่าเพลินๆอยู่นั้นผมบอกหมอสมวงศ์ว่า
“เด็ดใบไปทำวิจัยเล่นๆกันดีกว่า”
พอดีก่อนหน้านั้นผมซื้อเครื่องชั่งแบบละเอียดเป็นมิลลิกรัมมาจากลาซาด้า จึงเอาใบฟ้าทะลายโจรมาชั่งทีละใบจนครบร้อยใบ หมอสมวงศ์แย้งว่า
“รู้น้ำหนักจะไปมีประโยชน์อะไร เพราะใบมันมีหลายขนาด” ผมตอบว่า
“คำนวณดูค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD)ก็รู้นี่ ว่าขนาดของใบมันหลากหลายจริงหรือเปล่า”
เออ..ชักสนุกแล้วแฮะ ลองหาน้ำหนักแห้งมันดูหน่อยไหม ว่าใบสดกับใบแห้งมันจะหนักเบากว่ากันสักกี่เท่า ว่าแล้วผมก็เอาใบไปตากแดดแล้วลงไปขุดดินฟันหญ้า พอกลับขึ้นมาปรากฎว่าฝนลง ตากไม่สำเร็จ ไม่เป็นไร เอาเข้าเครื่องอบผลไม้แห้งก็แล้วกัน ตั้งอุณหภูมิ 60 องศา แล้วก็อบไปจนสีซีดและกรอบได้ที่ แค่บี้เบาๆมันก็กลายเป็นผงแล้ว หมอสมวงศ์ว่า
“แค่เราส่งผงนี้ไปเข้าแล็บวิเคราะห์หาแอนโดรกราฟโฟไลด์ ก็เท่ากับทำวิจัยเสร็จแล้วสิ” ผมตอบว่า
“แต่เราต้องรู้ก่อนว่าจะส่งไปวิเคราะห์ที่แล็บไหน เขาคิดค่าวิเคราะห์แพงหรือเปล่า เพราะธรรมดาการวิเคราะห์สารที่ไม่มีใครจ้างทำบ่อยอย่างนี้ตัวอย่างหนึ่งก็น่าจะเป็นหมื่น และเราก็ต้องวิเคราะห์แยกใบ ต้น ดอก และผงผสมของใบต้นดอก เพื่อให้ชาวบ้านเขาเลือกกินส่วนที่มียามากที่สุดได้ นอกจากใบแห้งแล้วยังอาจตัองวิเคราะห์ในรูปแบบชาจากการต้มใบสดและชาจากการต้มผงแห้งด้วย อีกทั้งการวิเคราะห์ด้วยเครื่อง HPLC ก็ต้องเก็บตัวอย่างผงแห้งกันอย่างน้อยตัวอย่างละ 50-100 กรัมขึ้นไป เราจะไปเอาใบจำนวนมากมายขนาดนั้นมาจากไหน”
เธอฟังแล้วเงียบ แต่ครู่หนึ่งผมเองไปฝ่ายโพล่งขึ้นมา
“เราก็ปลูกมันเองซะเลยสิ ไหนๆคิดจะทำวิจัยทั้งทีแล้ว ปลูกเองให้มันสะบึมไปเลย” เธอแย้งว่า
“อย่าลืมว่าพ่ออายุมากแล้วนะ แล้วก็เพิ่งป่วยมาหมาดๆยังไม่ทันหายดีเลย จะมาขุดดินถอนหญ้าดูแลโน่นนี่นั่นได้อย่างไร” เจอลูกเบรคเข้าผมก็จ๋อยไป
แต่ก็ยังไม่ถอยจริง ผมโทรศัพท์ไปตะล่อมลูกสาวให้มาช่วยปลูกและดูฟ้าทะลายโจรให้ เธอตอบโอเค. โปรเจ็ค “นางฟ้า” นี้จึงเกิดขึ้น
สถานที่ก็ที่ว่างของผมเองเนื้อที่หนึ่งไร่ริมคลองแห้งตรงที่ผมเคยทำโครงการปลูกป่าริมคลองนั่นแหละ ครั้งสุดท้ายที่ผมมานั่งปิกนิคที่นี่กับหมอสมวงศ์ก็หนึ่งปีเต็มแล้ว กลับมาคราวนี้ไม้ป่าริมคลองที่ปลูกไว้ถ้าเป็นต้นประดู่ป่านั้นสูงร่วมสี่เมตรน่าชื่นใจ แต่ถ้าเป็นต้นยางนากลับเส็งเคร็งอยู่ระดับหัวเข่าน่าสงสาร จึงถ่ายรูปคู่ไว้เป็นหลักฐาน
เริ่มต้นการทำไร่สมุนไพรก็ต้องเอาขี้วัวมาลงก่อนเพราะดินมันขาดอินทรีย์วัตถุ แล้วการปลูกสมุนไพรก็ต้องปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ไม่งั้นสิ่งปนเปื้อนจะเยอะ จึงซื้อขี้วัวมา 30 ตัน ปรากฎว่าวันดีเดย์เอาขี้วัวลงฝนเกิดตกจักๆ ดินแฉะ รถขนขี้วัวติดหล่ม ต้องเทขี้วัวแฉะๆลงอุดประตูรั้วไว้ โห เวร..คำเดียวเลยจริงๆ
ขนขี้วัวให้พ้นประตูด้วยความทุลักทุเล แล้วก็เกลี่ยขี้วัวไปบนผิวดิน แล้วไถดะ (ผานสาม) แล้วก็ไถแปร (ผานเจ็ด) ยกร่องให้เสร็จ ทั้งหมดนี้หมอสันต์ไม่เหนื่อยเลย เพราะไม่ได้ทำเอง จ้างเขาหมด
หมอสันต์ใช้ให้ลูกสาวกับสามีของเธอไปหาต้นกล้าและเมล็ดมา เธอต้องไปไกลถึงนครสวรรค์ ตกลงทางโทรศัพท์ว่าจะซื้อเขา 10,000 ต้น แต่ไปถึงแล้วได้ต้นกล้าพันธ์ุกระปลกกระเปลี้ยมาแค่ 1,000 ต้นเพราะมีคนมาแฮ้บไปก่อนหน้านั้น ผมบอกให้ซื้อเมล็ดพันธ์มาด้วย เพราะในอินเตอร์เน็ทขายกันเมล็ดละ 1 บาท ได้ข่าวว่าชาวไร่จริงเขาขายกันกิโลละ 2-3,000 บาท ไปถึงราคาขึ้นเป็นกิโลละ 12,000 บาท แถมของไม่มี ได้มาแค่สองขีด เพราะต้องแบ่งขายให้ลูกค้าหลายเจ้าไม่งั้นคนขายถูกตื้บ
ผมบอกลูกสาวว่าส่วนที่จะวิจัยปริมาณยาจากดอกฟ้าทะลายโจรนั้นหากรอให้ต้นกล้าที่ปลูกโตจะไม่ทันได้เก็บดอกในสองสามเดือนนี้ ให้ไปซื้อกล้าที่โตแล้วในตลาดมวกเหล็กมาสักสามสิบต้น บอกราคาเธอด้วยว่าวันก่อนผมผ่านไปเห็นปักป้ายขายต้นละ 20 บาท เธอหายหน้าไปสองวันแล้วโทรมาบอกว่าพบต้นกล้าแล้วที่กลางดง เขาขายต้นละ 50 บาท ผมบอกว่าซื้อเถอะ วันต่อมาเธอโทรมาอีกทีบอกว่าซื้อไม่ได้ เพราะเขาขายไปหมดแล้ว อื้อ..ฮือ ฟ้าทะลายโจรในยุคโควิดนี่ช่างเป็นธุรกิจที่ทำมาค้าคล่องซะเหลือเกิ้น
วันต่อมาเธอโทรมาอีกว่าเจอไร่ของคุณยายคนหนึ่งอยู่ชายเขตมวกเหล็กไปทางวังม่วง เธอไม่รู้เรื่องโลกภายนอกว่าเขากำลังบ้าฟ้าทะลายโจรกัน เธอขายกล้าต้นละ 6 บาทและคุยว่ามีเป็นพันต้น ผมบอกว่าให้ไปดูด้วยตาตัวเองก่อนแล้วเหมาซื้อใส่รถมาให้หมด เธอยกทัพพาลูกน้องไปกะขนเต็มที่ แต่พอไปถึงอบต.เขาปิดหมู่บ้านห้ามคนนอกเข้า เพราะเขากลัวโควิด..เวร อีกคำหนึ่งเถอะนะ
ไม่ได้กล้าเพิ่มก็ไม่เป็นไร ที่มีอยู่นี้ก็พอเก็บใบทำวิจัยแล้วแหละ ต่อจากนั้นก็เพาะเมล็ดเอา ในโปรเจ็คนี้ตัวผมทำหน้าที่วางระบบท่อสปริงเกิ้ล ไหนๆก็ไหนๆทำทั้งทีแล้วมันอดไฮเทคไม่ได้ จึงติดตั้งระบบควบคุมการจ่ายน้ำแบบอัตโนมัติซะเลย หมดค่าศูนย์ควบคุมและวาลว์จ่ายน้ำสิบห้าตัวไปร่วมสองหมื่นบาท หิ หิ ช่วยไม่ได้จริงจริ๊ง เพราะเป็นคนแก่แบบชอบของไฮเทคอะ ม.รู้เข้าก็ค่อนแคะว่าทำอะไรให้เหมือนชาวบ้านเขาหน่อยไม่ได้รึไง ผมตอบว่าบางส่วนผมก็เลียนแบบชาวบ้านนะ แล้วเล่าให้เธอฟังว่าอย่างเช่นการประสานท่อตามหลักวิชาจริงๆต้องทากาวน้ำเชื่อมท่อ แต่ชาวบ้านเขาไม่ทา ผมก็ลองไม่ทาบ้าง แต่พอทดสอบสปริงเกิ้ลปรากฎว่าข้อต่อหลุดกระจุยน้ำพุ่งเป็นฝอยขาวโพลนไปหมด จึงถามชาวบ้านว่าไหงเป็นงั้น ปราชญ์ชาวบ้านแนะนำว่า
“เวลาต่อท่อต้องเอาฆ้อนไม้ทุบท่อให้เข้าแบบแน่นๆก่อนนะ ไม่งั้นน้ำดันแล้วหลุดแหง”
สอบตกจนได้เห็นแมะ นึกว่ารู้แต่รู้ไม่จริง คราวนี้ทุบ ทุบ ทุบ พอเอาฆ้อนไม้ทุบท่ออย่างเขาว่าก็ไม่มีปัญหาข้อต่อหลุดอีกเลย
เตรียมแปลงเสร็จแล้วนับได้ 15 แปลง แต่ต้นกล้าที่มีอยู่พอปลูกได้แค่แปลงเดียว จำเป็นต้องหาพืชคลุมดินอื่นมาขัดตาทัพไปก่อนระหว่างหาเมล็ดพันธ์ยังไม่ได้ ผมฝากให้ช่างต่อท่อที่จะไปหาซื้อท่อที่ปากช่องว่าให้ซื้อเมล็ดถั่วเขียวมาสักครึ่งถุงปุ๋ยด้วย จะเอามาหว่านปลูกคลุมบำรุงดินไปก่อน ช่างกลับมารายงานว่า
“เมล็ดพันธ์ถั่วเขียวสำหรับปลูกไม่มีครับ ผมจึงซื้อถั่วเขียวที่เขาใช้ต้มน้ำตาลมาแทน” ผมฟังแล้วตาเหลือก
“ฮ้า มันจะแทนกันได้เหรอวะเนี่ย” ช่างตอบอย่างมั่นใจว่า
“ได้สิครับ ราคามันถูกด้วยนะ กิโลละสามสิบบาทเอง”
ด้วยความหวาดระแวง ผมลงมือหว่านถั่วเขียวเองโดยไม่ไหว้วานใครอีกแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่วันผมก็ได้เรียนรู้ว่าที่ช่างพูดนั้นถูกต้อง เพราะถั่วเขียวต้มน้ำตาลนั้นขึ้นเขียวชอุ่มดีเชียว
ชักจะมีความสวยงามเหมือนไร่จริงๆขึ้นมาแล้ว น่าจะต้องมีชื่อซะหน่อยนะ เอาชื่อ “นางฟ้า” ก็แล้วกัน คือฟ้าทลายโจรไง ต้องทำป้ายโครงการก่อน เอารูปอะไรเป็นโลโก้ดี ไร่นางฟ้าโลโก้ก็ต้องเป็นผู้หญิงสิ ผู้หญิงก็ต้องมีหน้าอกใช่ไหม ผมขอสีอะคริลิกของหมอสมวงศ์มาวาดป้าย แถ่น..แทน..แท้น ผู้หญิงมีหน้าอก เอ๊ย.. ไม่ใช่ นางฟ้า ว้าว..ว เอ็กซ์ซะ
จากนี้ไปก็เราก็จะรอให้ฟ้าทลายโจรโตจนมีปริมาณมากพอให้ตัดไปแยกหมวดหมู่อบแห้งแล้วป่นเป็นผง และทดลองทำเป็นตัวอย่างรูปแบบการบริโภคแบบต่างๆเช่นกินใบสดๆ กินผงใบป่นชงเป็นชา กินใบสดต้มน้ำร้อนเป็นชา กินผงต้นใบดอกป่นใส่แคปซูล เป็นต้น โดยส่งตัวอย่างเหล่านี้ไปวิเคราะห์ปริมาณแอนโดรกราฟโฟไลด์ว่าการกินแต่ละรูปแบบจะได้เนื้อยามากน้อยอย่างไร ด้วยความรู้ประมาณนี้ชาวบ้านทั่วไปก็จะใช้ฟ้าทะลายโจรหลังบ้านตัวเองรักษาโควิดด้วยตัวเองได้
งานวิจัยนี้จะสำเร็จสมปรารถนาหรือไม่ โปรดอดใจรอชม แต่ตอนนี้ที่ท่านชมได้แล้วแน่นอนก็คือ “ไร่นางฟ้า” โดยเฉพาะยิ่งที่แนะนำให้ชมมากเป็นพิเศษคือ..ป้ายหน้าไร่ หิ หิ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์