(script) หลักฐานวิทยาศาสตร์ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด-19 มีมากพอแล้ว
(script, last update Aug10, 2021)
สวัสดีครับ ผมสันต์ ใจยอดศิลป์ นะครับ
ผมเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ครอบครัวหรือ family medicine หน้าที่หนึ่งก็ของการเป็นแพทย์สาขานี้ก็คือการให้ความรู้และตอบคำถามแก่คนทั่วไปเรื่องการดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดี ซึ่งผมทำผ่านอีเมล เฟซบุ้ค และบล็อก ปรากฎว่าคำถามที่เข้ามาในระยะหลังนี้มีแต่คำถามเรื่องโควิดในประเด็นต่างๆรวมทั้งการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดด้วย ยิ่งความหวังที่จะพึ่งพาวัคซีนได้นั้นต้องถอยห่างออกไปอีกอย่างน้อยสองปี ในระหว่างนี้ความจำเป็นที่จะต้องพึ่งสิ่งอื่นๆที่ไม่ใช่วัคซีนก็มีมากขึ้น หนึ่งในสิ่งที่อาจจะพึ่งได้เหล่านั้นก็คือฟ้าทะลายโจร (Andrographis paniculata) นี่แหละ
ในอดีตผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดหัวใจอยู่นานประมาณ 20 ปี ตัวผมเองมีความสนใจในการเลือกใช้หลักฐานวิทยาศาสตร์มากำหนดแนวทางรักษาผู้ป่วยมากเป็นพิเศษ เพราะช่วงหนึ่งในชีวิตประมาณช่วงปีค.ศ. 2000 ผมได้ไปทำงานเป็นอนุกรรมการคัดเลือกหลักฐานวิทยาศาสตร์มาออกคำแนะนำการช่วยชีวิตให้กับสมาคมหัวใจอเมริกัน หรือ American heart association ทำให้ผมมีประสบการณ์ในการจัดชั้นของหลักฐานและการเลือกใช้หลักฐาน นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมมาพูดกับท่านในวันนี้ ประเด็นของวันนี้คือหลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรมารักษาโรคโควิด19 ตอนนี้มันมีหลักฐานมากพอแล้วหรือยัง
วันนี้ผมอยู่ที่เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ที่มวกเหล็ก ตรงที่ผมนั่งอยู่นี้เป็นสวนสมุนไพรของเวลเนสวีแคร์ ข้างๆผมนี่ก็คือต้นฟ้าทะลายโจร นั่นคือกระชายขาว ต้นเขียวสูงๆนี่คือขมิ้นชัน
ก่อนอื่นเรามาพูดถึงระดับชั้นความเชื่อถือได้ของงานวิจัยทางการแพทย์สักหน่อยนะครับ เพราะสิ่งที่เราเรียกว่าการวิจัยนั้นมันมีหลายระดับชั้นความน่าเชื่อถือ ความจริงวงการแพทย์แบ่งหลักฐานวิจัยออกเป็น 7 ระดับ แต่วันนี้ผมจะแบ่งระดับชั้นให้เห็นง่ายที่สุดเป็นสามระดับก็แล้วกัน
ระดับต่ำ ก็คือผลวิจัยในสัตว์หรือในห้องทดลอง ซึ่งเรายังเอาผลมาใช้ในคนไม่ได้
ระดับกลาง ก็คือผลวิจัยในคนโดยไม่มีการสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่ม ถ้ามีการเปรียบเทียบกันก็เรียกว่างานวิจัยแบบตามดูกลุ่มคน (cohort) ถ้าไม่มีการเปรียบเทียบก็เรียกว่าเป็นรายงานผู้ป่วย (case series) ซึ่งงานวิจัยระดับนี้เอาผลมาใช้ในคนได้ แต่อาจจะยังมีปัจจัยกวนที่ไม่เป็นไปตามผลวิจัยได้อยู่
ระดับสูง ก็คือผลวิจัยในคนที่ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ หรือ randomized controlled trial เรียกย่อติดปากในวงการแพทย์ว่างานวิจัยระดับ RCT เป็นงานวิจัยทางการแพทย์ระดับสูงสุดที่ใช้เป็นพื้นฐานในการเปลี่ยนวิธีรักษาโรคต่างๆในวิชาแพทย์แผนปัจจุบัน
กลับมาพูดถึงเรื่องที่เราจะคุยกันวันนี้ ในการวิจัยเกี่ยวกับฟ้าทะลายโจร ทั่วโลกนิยมใช้สารออกฤทธิ์ตัวหนึ่งชื่อแอนโดรกราฟโฟไลด์ (andrographolide) เป็นตัวแทนฟ้าทะลายโจรเพื่อความง่ายในการนับหน่วยน้ำหนักและกำหนดขนาดยา ดังนั้นเมื่อผมพูดถึงมิลลิกรัมของยา ผมจะหมายถึงมิลลิกรัมของแอนโดรกราฟโฟไลด์
ก่อนหน้าที่จะเกิดโควิด19 ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่ใช้ป้องกันโรคหวัดและใช้รักษาการติดเชื้อทางเดินลมหายใจส่วนบนอยู่ทั่วโลกมานานแล้วโดยมีงานวิจัยระดับ RCT ในเรื่องนี้อยู่ 33 รายการ งานวิจัยในสัตว์ทดลองและในห้องทดลองมีแยะมาก ประมาณ 600 กว่าเปเปอร์ สามารถแยกสารออกมาได้ถึง 344 ตัว ศึกษาครอบคลุมทั้งประเด็นการฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย มาลาเรีย ต้านมะเร็ง ป้องกันตับ ป้องกันระบบประสาท รักษาเบาหวาน เป็นต้น ในจำนวนงานวิจัยเหล่านี้ ที่เป็นผลงานของนักวิจัยไทยก็มีไม่น้อย
เมื่อแรกเริ่มมีโควิดระบาด ที่ใต้หวันได้มีการทำวิจัยในห้องทดลองซึ่งพิสูจน์ได้ว่าฟ้าทะลายโจรสามารถยังยั้งเชื้อไวรัสซาร์สโควี2 ซึ่งเป็นต้นเหตุของโควิดในจานเพาะเลี้ยงได้ โดยผ่านกลไกการระงับเอ็นไซม์โปรตีเอสของตัวไวรัส โดยได้ตีพิมพ์ผลวิจัยไว้ในวารสาร Biochem Biophys Res Commun. เมื่อปีกลาย ต่อมาในปีนี้ ม.มหิดลได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยในห้องทดลองซึ่งยืนยันว่าฟ้าทะลายโจรในรูปสารสกัดหยาบที่มีแอนโดรกราฟโฟไลด์อยู่ด้วยสามารถทำลายไวรัสนอกเซลและยับยังการขยายตัวของไวรัสในเซลได้ดีพอที่จะเดินหน้าทำเป็นยาต้านไวรัสได้ งานวิจัยหลังนี้ได้ตีพิมพ์ไว้ในวารสาร Natural Products นอกจากนี้ยังมีอีกงานวิจัยหนึ่งของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ได้ทำวิจัยในห้องทดลองที่ได้ผลในลักษณะเดียวกัน แต่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ กล่าวโดยสรุป ในระดับงานวิจัยในห้องทดลอง มีหลักฐานแน่ชัดแล้วว่าฟ้าทะลายโจรทำลายไวรัสที่ก่อโรคโควิด19 ได้ทั้งไวรัสในเซลและนอกเซล ยังขาดอยู่ก็แต่งานวิจัยในคนว่ามันได้ผลจริงไหม ซึ่งจนถึงบัดนี้ยังไม่มีใครตีพิมพ์ผลวิจัยการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด19 ในคนไว้เป็นหลักฐานให้อ้างอิงเลย มีก็แต่งานวิจัยที่กำลังตั้งต้นทำโดยสถาบันสมุนไพรสวีเดนซึ่งลงทะเบียนไว้กับ ClinicalTrial.gov หนี่งรายการ และมีงานวิจัยของไทยที่ทำเสร็จแล้วแต่รอการตีพิมพ์อยู่ 3 รายการ ทำให้แพทย์ยังไม่มีหลักฐานที่จะขยับใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาคนไข้โควิด19อย่างจริงจังได้เสียที
โดยธรรมชาติของการตีพิมพ์ผลงานวิจัย วารสารที่มีมาตรฐานดีจะต้องใช้เวลา 1-2 ปีในการตรวจนิพนธ์ต้นฉบับ รับฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ (peer review) อีกอย่างน้อยสองคนซึ่งแน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญก็ต้องการเวลาในการค้นคว้าก่อนให้ความเห็น หากผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นขัดแย้งกันก็ต้องหาผู้เชี่ยวชาญคนที่สามก็ต้องยืดเวลาออกไปอีก เพราะตัวผมเองก็เคยเจอปัญหาแบบนี้มาแล้วเวลาส่งผลวิจัยของตัวเองไปตีพิมพ์ แต่ในกรณีเรื่องฉุกเฉินอย่างการรักษาโรคโควิด19นี้ เมื่อวิจัยออกมาแล้วกว่าจะได้ตีพิมพ์ ผลวิจัยนั้นก็เสียโอกาสที่จะนำออกใช้ให้ทันการณ์ไป คือกว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ไปเสียแล้ว
แต่เป็นที่น่ายินดีที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกซึ่งเป็นเจ้าของงานวิจัยการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด19 ในคนที่รอการตีพิมพ์อยู่ทั้งหมด 3 รายการ (ซึ่งเป็นผลงานร่วมของหลายสถาบัน) ได้ยอมเปิดเผยผลวิจัยที่กำลังรอตีพิมพ์แก่แพทย์และนักวิชาชีพด้านสุขภาพผ่านทางการประชุมวิชาการแบบ online เมื่อวันที่ 17 มิย. 64 ที่ห้องประชุมของกรม ซึ่งผมขอนำข้อมูลผลวิจัยสามชิ้นนี้มาเล่าให้ท่านฟังวันนี้
งานวิจัยชิ้นที่ 1. เป็นงานวิจัยทำที่รพ.สมุทรปราการในคนป่วยเป็นโควิด ในรูปแบบที่เรียกว่า case series คือเอาผู้ป่วยโควิด19 มา 6 คน ให้กินยา 180 มก. ติดต่อกัน 5 วัน แล้วตรวจดูจำนวน(ก๊อปปี้)ของไวรัสซาร์ส์โควี2ซึ่งเป็นต้นเหตุโรคโควิดเป็นระยะๆ พบว่าสองรายที่ก่อนกินยามีไว้รัสต่ำอยู่แล้วพอครบห้าวันไวรัสหายเกลี้ยง อีกสามรายที่ก่อนกินยามีไวรัสสูงมาก พอครบห้าวันไวรัสลดจำนวนลงไปมากหลายร้อยถึงหลายพันเท่าแม้จะไม่หมดเกลี้ยง ทั้งหมดไม่มีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น
ตารางแสดงจำนวนไวรัสหลังให้ฟ้าทะลายโจร
อาสาสมัคร | ก่อนให้ยา | วันที่3 | วันที่5 |
1 | 90 | 760 | 0 |
2 | 725 | 2,072 | 0 |
3 | 9,857,464,593 | 344,507,736 | 31,754,737 |
4 | 296,466 | 308 | 13,935 |
5 | 15,731 | 1,924 | 31 |
6 | 0 | 0 | 0 |
งานวิจัยชิ้นที่ 2. เป็นการวิจัยในรูปแบบย้อนหลังกลับไปดูกลุ่มคน (retrospective cohort study) ทำในโรงพยาบาล 9 แห่ง ที่รับคนไข้คลัสเตอร์ใหญ่ตลาดกุ้งมหาชัยโดยย้อนไปดูคนไข้โควิด19 ที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรที่มีเนื้อยาแอนโดรกราฟโฟไลด์ 180 มก.ต่อวันนาน 5 วัน จำนวน 296 คน แล้วเอาผลไปเทียบกับผู้ป่วยโควิด19 อีก 243 คนจากแหล่งเดียวกันที่ไม่ได้รับฟ้าทะลายโจร พบว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับฟ้าทะลายโจรเป็นปอดอักเสบหรือปอดบวม 71 คน (24%) ขณะที่คนที่ได้รับฟ้าทะลายโจรเป็นปอดอักเสบ 1 คน (0.4%) เมื่อตามไปดูหนึ่งคนที่เป็นปอดอักเสบนี้พบว่าเริ่มกินฟ้าทะลายโจรเอาเมื่อวันที่ 11 หลักจากพิสูจน์ได้ว่าติดเชื้อแล้ว ซึ่งเป็นการเริ่มกินช้าเกินไป อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยนี้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมาก (p=<0.001) ระหว่างการใช้กับไม่ใช้ฟ้าทะลายโจร โดยที่ผลข้างเคียงที่สำคัญก็ไม่ปรากฎให้เห็น
กลุ่มผู้ป่วย | ได้ฟ้าทะลายโจร | ไม่ได้ฟ้าทะลายโจร | P value |
จำนวนผู้ป่วย | 296 คน | 243 คน | |
เป็นปอดอักเสบ | 1 คน (0.4%) | 71 คน (24%) | <0.001 |
งานวิจัยชิ้นที่ 3. ทำกับคนไข้ในด่านกักกันโรคหรือสะเตทควารันทีน เป็นงานวิจัยระดับสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ (RCT) ซึ่งถือว่าเป็นระดับหลักฐานชั้นสูงสุดของการวิจัยทางการแพทย์ รายละเอียดของงานวิจัยมีอยู่ว่าผู้วิจัยได้ใช้ผู้ป่วย 57 คน สุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่ง 29 คน ให้กินฟ้าทะลายโจรซึ่งมีเนื้อยาแอนโดรกราฟโฟไลด์ 180 มก.ต่อวันกินนาน 5 วัน อีกกลุ่มหนึ่ง 28 คน ให้กินยาหลอก โดยใช้การเกิดปอดอักเสบ (pneumonia) และการเพิ่มของสารบ่งชี้การอักเสบ CRP เป็นตัวชี้วัด พบว่ากลุ่มที่กินยาหลอกเกิดปอดอักเสบ 3 คน (10.7%) ขณะที่กลุ่มที่กินฟ้าทะลายโจรไม่เกิดปอดอักเสบเลย (0 คน) และเมื่อดูตัวชี้วัดการอักเสบ CRP ตอนสิ้นสุดการใช้ยาว่ากลุ่มไหนมีคนที่ยังเหลือ CRP มากเกิน 10 mg/L ก็พบว่ากลุ่มได้ฟ้าทะลายโจรไม่มีเลย แต่กลุ่มได้ยาหลอกมี CRP เกินสิบอยู่ 5 คน (17.9%) ข้อมูลทั้งหมดนี้บ่งชี้ไปทางว่าฟ้าทลายโจรป้องกันการเกิดปอดอักเสบในผู้ติดเชื้อโควิดได้ แต่เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างเล็กเกินไป ไปภายหน้าผมหวังว่าจะมีงานวิจัยที่ใช้กลุ่มตัวอย่างใหญ่กว่านี้เพื่อให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนขึ้น
กลุ่มผู้ป่วย | ได้ฟ้าทะลายโจร | ได้ยาหลอก | P value |
จำนวนผู้ป่วย | 29 คน | 28 คน | |
เป็นปอดอักเสบ | 0 คน (0%) | 3 คน (10.7%) | <0.039 |
CRP >10 | 0 คน (0%) | 5 คน (17.9%) | <0.023 |
งานวิจัยทั้งสามชิ้นนี้เป็นหลักฐานการวิจัยการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด19ในคนที่สรุปผลได้สอดคล้องต้องกันว่าใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด19แล้วดีกว่าไม่ใช้ สมัยที่ผมทำงานเป็นอนุกรรมการคัดเลือกหลักฐานวิจัยมาทำคำแนะนำการช่วยชีวิตของสมาคมหัวใจอเมริกัน (AHA) หลักเกณฑ์ที่เราใช้คัดหลักฐานมาออกคำแนะนำคือหากมีหลักฐานวิจัยในมนุษย์สองชิ้นขึ้นไปที่ให้ผลสอดคล้องต้องกันโดยไม่มีหลักฐานอื่นใดให้ผลขัดแย้ง และหนึ่งในสองชิ้นนั้นเป็นหลักฐานระดับ RCT ก็ถือว่าหลักฐานมากพอที่จะนำมาทำเป็นคำแนะนำให้ปฏิบัติได้ ดังนั้นเรื่องการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิด19นี้ ข้อมูลแค่ที่มีอยู่นี้ผมมีความเห็นว่า “มากพอแล้ว” ที่จะตัดสินใจใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคโควิด19 ได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอการตีพิมพ์ผลวิจัยให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเพราะความเร่งด่วนของสถานะการณ์ไม่เอื้อให้รอได้
นอกจากหลักฐานวิจัยทั้งสามชิ้นในคนที่ผมเล่าไปแล้ว ยังมีข้อมูลเชิงระบาดวิทยาเมื่อเกิดการระบาดของโควิดครั้งใหญ่ในเรือนจำเมื่อต้นปีนี้ ข้อมูลนี้แถลงโดยปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์ฯ ของกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 12 ก.ค.64 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมกรมราชทัณฑ์ว่า มีผู้ต้องขังติดเชื้อสะสมรวม 37,656 คน หายป่วยสะสม 35,472 ราย (94.2%) ตายสะสม 47 ราย (0.1%) ซึ่งเมื่อเปรียบกับข้อมูลระดับประเทศซึ่งมีอัตราตายสะสม 0.8% แล้วก็พบว่าในเรือนจำมีอัตราตายต่ำกว่าถึง 8 เท่า
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ป่วยทั้งประเทศ | ผู้ป่วยในเรือนจำ |
จำนวนผู้ป่วย | 345,027 คน | 37,656 คน |
ตาย | 2,791 คน (0.8%) | 47 คน (0.1%) |
สรุปว่าหล้กฐานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ทั้งในระดับ cohort และ RCT ในคน และข้อมูลเชิงระบาดวิทยาตามที่ผมแสดงให้เห็นแล้วนี้เป็นหลักฐานที่มากพอแล้วที่จะใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยโควิด19 ได้ทันที แน่นอนว่าการวิจัยเพิ่มเติมยังจะต้องทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตอบคำถามอีกหลายประเด็นที่เรายังไม่ทราบ แต่การใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดควรทำไปก่อนทันทีโดยไม่ต้องรอผลวิจัยเพิ่มเติม
การใช้ฟ้าทะลายโจรควบคุมโรคโควิด19
เนื่องจากฟ้าทะลายโจรหาง่าย ราคาถูก และจากงานวิจัยทั้งสามรายการข้างต้นพบว่ามีความปลอดภัยสูง ยิ่งใช้เร็วยิ่งได้ผลกำจัดโรคได้เด็ดขาด ในสถานะการณ์ของประเทศจากนี้ไปอีกสองปีข้างหน้าซึ่งการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม (vaccine coverage) ยังจะไม่ถึงเป้า ในระหว่างนี้ผมแนะนำว่าควรใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นเครื่องมือหลักในการควบคุมโรคควบคู่ไปมาตรการค้นหาสอบสวนกักกันโรค โดยให้คนทุกคนที่เข้าข่ายสามกลุ่มต่อไปนี้กินฟ้าทะลายโจรในขนาดรักษาโควิด คือ180 มก. (เทียบเท่าแคปซูลผงของอภัยภูเบศร์ 15 แคปซูล) ต่อวันทันที กินนาน 5 วัน ทั้งสามกลุ่มได้แก่
(1) ผู้ที่ไปสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิดมาไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอาการก็ตาม
(2) ผู้ที่มีอาการเป็นหวัดที่มีไข้แบบทั่วๆไปแม้จะไม่มีประวัติว่าได้สัมผัสผู้ติดเชื้อโควิดมาก็ตาม
(3) ผู้ที่ได้รับการตรวจพิสูจน์แล้วว่าติดเชื้อโรคโควิด19 ไม่ว่าจะมีอาการหรือไม่ก็ตาม
ถ้าคนไทยทั้งสามกลุ่มนี้รีบกินฟ้าทะลายโจร 180 มก.ทุกวันนาน 5 วันทันทีทุกคน โรคโควิด19 ก็น่าจะหมดไปจากเมืองไทยอย่างรวดเร็ว
การใช้ฟ้าทะลายโจรป้องกันโควิด19
ในระดับประเทศ การระดมให้คนทั่วไปที่ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อและไม่มีอาการอะไรเลยกินฟ้าทะลายโจรในขนาด 180 มก. ต่อวันนาน 5 วันเพื่อกำจัดโรคนั้นผมมีความเห็นว่าไม่จำเป็น เพราะฟ้าทะลายโจรเป็นยาฆ่าไวรัส การกินยาฆ่าไวรัสเมื่อยังไม่มีไวรัสอยู่ในตัวย่อมได้ประโยชน์น้อย อีกทั้งการระบาดของโรคนี้ในประเทศไทยยังเพิ่งอยู่ในระยะเป็นหย่อมๆ (clusters of cases) ไม่ใช่ระยะการระบาดในชุมชน (community spreading) เราเพิ่งมีผู้ป่วยเป็นโรคแล้วเพียงไม่ถึง 1% ของประชากรไทยทั้งหมด การให้คนอีก 99% ซึ่งไม่มีไวรัสอยู่ในตัวกินฟ้าทะลายโจรแบบปูพรมพร้อมกันคราวเดียวเพื่อทำลายเชื้อให้หมดประเทศจะต้องใช้ยาจำนวนมหาศาล ทำได้ยาก ไม่คุ้มลงทุน
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่อยากกินฟ้าทะลายโจรในเชิงป้องกันโรคเป็นการส่วนตัวโดยไม่เกี่ยวกับคนอื่น คือชอบกินยา หรือกินรักษาโรคประสาทก็แล้วแต่ ผมแนะนำให้กินเลียนแบบงานวิจัยที่ทำโดยสถาบันสมุนไพรสวีเดน (Swedish Herbal Institute) ซึ่งเขาเอาฟ้าทะลายโจรให้คนกินป้องกันการเป็นหวัด ในขนาด 11.2 มก. (เทียบเท่าแคปซูลผงบดอภัยภูเบศร์ 1 แคปซูล) ต่อวันกินติดต่อกันห้าวันสลับกับหยุดกินสองวัน กินอย่างนี้เรื่อยไปจนครบสามเดือน พบว่าป้องกันการเป็นหวัดได้หนึ่งเท่าตัว คือกลุ่มที่กินยาหลอกเป็นหวัด 62% กลุ่มที่กินฟ้าทะลายโจรเป็นหวัด 30% โดยไม่มีอาการไม่พึงประสงค์จากยาระดับรุนแรงเกิดขึ้นเลย วิธีกินแบบนี้ปลอดภัย แต่จะป้องกันโควิดได้หรือไม่ไม่รู้นะครับ อันนั้นตัวใครตัวมัน
โอเค.ครับ เราคุยกันมานานพอควรแล้ว ผมต้องขอลาท่านไปก่อน เอาไว้พบกันอีกในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
- Shi TZ, Huang YL, Chen CC, Pi WC, Hsu YL, Lo LC, Chen WY, Fu SL, Lin CH. Andrographolide and its fluorescent derivative inhibit the main proteases of 2019-nCoV and SARS-CoV through covalent linkage. Biochem Biophys Res Commun. 2020;533(3):67–473.
- Khanit Sa-ngiamsuntorn, Ampa Suksatu et al. Anti-SARS-CoV-2 Activity of Andrographis paniculata Extract and Its Major Component Andrographolide in Human Lung Epithelial Cells and Cytotoxicity Evaluation in Major Organ Cell Representatives. Nat. Prod. 2021, 84, 4, 1261–1270. https://doi.org/10.1021/acs.jnatprod.0c01324
- กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. การเสวนาวิชาการฟ้าทะลายโจรสมุนไพรไทยใน COVID-19 เมื่อ 17 มิย.64. https://www.youtube.com/watch?v=2phuTUSCld8&t=7681s
- กรุงเทพธุรกิจ 14 กค. 64. กรมราชทัณฑ์เผยผู้ต้องขังหายป่วยโควิด-19 แล้ว 94.2%. https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/948538
- Caceres DD, Hancke JL, Burgos RA, Wikman GK. Prevention of common colds with Andrographis paniculata dried extract. A pilot double blind trial. Phytomedicine. 1997;4(2):101-4.
- Efficacy and safety of Andrographis paniculata extract in patients with mild COVID-19: A randomized controlled trial. Kulthanit Wanaratna, Pornvimol Leethong, Nitapha Inchai, Wararath Chueawiang, Pantitra Sriraksa, Anutida Tabmee, Sayomporn Sirinavinmed. Rxiv 2021.07.08.21259912; doi: https://doi.org/10.1101/2021.07.08.21259912
- Benjaponpithak A, Visithanon K. et al. Short Communication on Use of Andrographis Herb (FA THALAI CHON) for the Treatment of COVID-19 Patients. Journal of Thai Traditional and Alternative Medicine 2021:19(f Andrographis Herb (FA THALAI CHON) for the Treatment of COVID-19 P1);229-233