ฉีดซีเมนต์เข้ากระดูกสันหลัง

 เรียนคุณหมอส้นต์

ฉันอายุ 74 ปี มีอาการปวดหลังมาก ไปหาหมอกระดูกได้ยากินมานานเป็นปี อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย ทั้งยาอาร์คอกเซีย โอเมปราโซล นอร์เจสิก ก็ไม่ดีขึ้น ครั้งสุดท้ายนี้หมอจะฉีดยาเข้าที่ตัวกระดูกสันหลัง แต่ว่าเข็มละเป็นหมื่น เบิกก็ไม่ได้ ฉันถามหมอสันต์ว่าฉันควรจะฉีดไหม ฉีดแล้วมันจะหายไหม แล้วการกินปลาเล็กปลาน้อยจะช่วยให้ดีขึ้้นไหม

.......................................

ตอบครับ

แหม ข้อมูลตรงๆจากแฟนบล็อกรุ่นเดอะเนี่ย ถ้าไม่ใช่หมอรุ่นเดอะใกล้เคียงกันจะไม่มีปัญญาแกะนะเนี่ย แต่ผมใช้เวอร์บทูเดาแกะสาระเอาได้เพราะ "เดอะ" ใกล้เคียงกันแล้ว 

     1. โรคที่คุณพี่เป็นผมเดาเอาว่าเป็นโรค compression fracture of spine แปลด้วยภาษาของหมอสันต์ว่าโรค "ปล้องกระดูกสันหลังยุบตัว" ความจริงคำว่า fracture ต้องแปลว่าหลังหัก แต่แปลอย่างนั้นมันชวนให้เข้าใจผิดว่าหลังมันหักแบบใครเอาไม้หน้าสามฟาดกลางหลัง เป๊าะ.. ซึ่งความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ความจริงมันเป็นแค่ปล้องกระดูกสันหลัง (vertebral body) มันยุบหรือทรุดตัวลง ข้างหน้ายุบมากกว่าข้างหลัง ทำให้หลังค่อมหรืององุ้มเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ แล้วชักและดึงเอากล้ามเนื้อและเอ็นทั้งแผ่นหลังให้เกร็งและยืดตามทำให้มีอาการปวดหลังเรื้อรัง

     2. การฉีดยาเข้ากระดูกสันหลังที่หมอบอกคุณพี่นั้นผมเดาเอาว่าคุณหมอเขาเสนอให้รับการฉีดซีเมนต์ซ่อมกระดูก (bone cement) เพื่อเข้าไปยกปล้องกระดูกสันหลังให้มันกระดกกลับขึ้นมาใหม่ ทางการแพทย์เรียกว่าการตกแต่งปล้องกระดูกสันหลัง (vetebroplasty) สารที่ใช้ฉีดเป็นสารสังเคราะห์ที่อยู่ในร่างกายได้โดยไม่มีปฏิกริยาใดๆ ไม่ใช่ซีเมนต์แบบปูนตราเสือตราช้างที่ใช้โบกปูนสร้างตึกนะครับ ประเด็นคำถามก็คือ วิธีนี้ได้ผลหรือไม่ สมัยก่อนเราเชื่อว่าได้ผลเพราะเมื่อวัดเทียบระหว่างคนที่ฉีดกับไม่ฉีดแล้ว สถิติบอกว่าคนที่ฉีดซีเมนต์ปวดน้อยลงมากกว่า แต่ต่อมาได้มีการทำวิจัยแบบเย้ยฟ้าท้าดินซึ่งตีพิมพ์ในวารสารนิวอิงแลนด์ ที่ว่าเย้ยฟ้าท้าดินคือเป็นการวิจัยผ่าตัดหลอก (sham surgery) คือเอาคนไข้โรคนี้มา 78 คน จับฉลากแบ่งเป็นสองกลุ่ม โดยบอกว่าโอเค.หมอจะฉีดซีเมนต์รักษาให้ทุกคนนะทั้งสองกลุ่มนะ แต่ในความเป็นจริงนั้นฉีดให้กลุ่มเดียว อีกกลุ่มหนึ่งก็ทำท่าปูผ้าเจาะกลางฉีดยาชาและเอาอะไรแทงๆให้เจ็บเหมือนจะฉีดซีเมนต์เหมือนกัน แต่จริงๆแล้วทำกันแค่ที่ผิวหนัง ไม่ได้ฉีดอะไรเข้าไปข้างใน คือหลอกให้คนไข้เข้าใจว่าได้ฉีดซีเมนต์ซ่อมกระดูกแล้ว แล้วตามดูคนไข้ทั้งสองกลุ่ม พบว่าอัตราการหายจากอาการปวดเท่ากันทั้งสองกลุ่ม วงการแพทย์จึงถึงบางอ้อว่า อ้อ.. ที่หายๆกันนั่นนะ เป็นเพราะโดนความรู้สึกขลังของการได้ฉีดซีเมนต์ราคาแพงๆมันกล่อมเอา ผลของการถูกหลอกแบบนี้วงการแพทย์เรียกว่า placebo effect ซึ่งหากไม่วิจัยด้วยวิธีแล้วทำผ่าตัดหลอกก็จะประเมินผลการถูกหลอกนี้ไม่ได้ 

    ดังนั้นผมตอบคำถามให้คุณพี่โดยมีพื้นฐานอยู่บนผลวิจัยชิ้นนี้ว่าคุณพี่ไม่จำเป็นต้องไปฉีดซีเมนต์ซ่อมกระดูกหรอกครับ ไม่ใช่เพราะมันแพงดอก แต่เพราะฉีดกับไม่ฉีดมันก็ได้ผลบรรเทาปวดไม่ต่างกัน 

     3. ถามว่ากินปลาเล็กปลาน้อยจะช่วยได้ไหม ผมตอบวิธีดูแลตัวเองแบบสรุปรวมเลยนะ ว่าสิ่งที่เราต้องการคือ (1) หายปวด (2) ท่าร่างดีขึ้น หลังยืดตรงได้ ไม่ค่อม (3) โอกาสลื่นตกหกล้มน้อยลง (4) โอกาสกระดูกหักน้อยลง  ทั้งสี่ประการนี้ เท่าที่หลักฐานวิจัยมี สิ่งที่ช่วยได้จริง มีดังนี้

     3.1 การออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน ซึ่งประกอบด้วย (1) การฝึกท่าร่าง (2) การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง (3) การฝึกการทรงตัว ซึ่งผมขอลงรายละเอียดเล็กน้อย ว่า

     3.1.1 การฝึกท่าร่าง หมายถึงการเปลี่ยนท่าร่างจากหลังงอเป็นกุ้งเป็นหลังตั้งตรงแบบเสาธงชาติเลย วิธีฝึกก็คือต้องหัดยืดกายตรงทุกครั้งที่นึกได้ ตั้งกายตรงดำรงสติมั่น คิดได้เมื่อไหร่ ยืดตัวตรงขึ้นเมื่อนั้น ขยันแขม่วพุง ขมิบก้น ยืดหน้าอกให้อกผายไหล่ผึ่ง ตั้งศีรษะขึ้นให้ตรงเข้าไว้ อะไรที่เคยก้มลงไปมอง (เช่นก้อนหินบนพื้นถนน) ให้เหลือกตาลงไปมองแทน อะไรที่เคยก้มทำงุดๆเช่นดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ ให้ยกขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาเสียให้หมด 

    3.1.2  การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง หมายถึงการออกกำลังกายที่มีวัตถุประสงค์ให้ได้ยืดกล้ามเนื้อรอบๆกระดูกสันหลังเช่นโยคะท่าต่างๆ และการบังคับให้กล้ามเนื้อรอบๆกระดูกสันหลังได้ออกแรง เช่นการรำกระบอง (ให้คุณพี่เปิดดูผมเคยเขียนเรื่อง "ท่ารำกระบองของป้าบุญมี" เมื่อเกือบสิบปีมาแล้ว) และการทำท่ากายบริหารบนเตียงนอนเพื่อฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง (ให้คุณพี่ดูวิดิโอคลิปผมสอนเรื่อง "การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ" ซึ่งผมตั้งใจให้ผู้สูงอายุทำตามได้)

     3.1.3 การฝึกการทรงตัวนั้นเป็นการออกกำลังกายเพื่อฝึกประสานสายตาเข้ากับหูชั้นใน กล้ามเนื้อ และข้อ วิธีการฝึกมีหลายแบบให้คุณพี่ลองทำตามวิดิโอที่ผมสอนเรื่อง "การฝึกการทรงตัว

     3.2 เรื่องอาหารการกิน แน่นอนว่าควรกินอาหารให้ได้ปริมาณเพียงพอ กินอาหารตามธรรมชาตินั้นแหละ หากได้ปริมาณเพียงพอ หมายถึงกินแล้วอิ่ม ก็จะได้แคลเซียมเพียงพอเอง เพราะแคลเซียมมีในอาหารธรรมชาติที่หลากหลายทั้งพืชผักผลไม้และเนื้อสัตว์ การจงใจกินอาหารธรรมชาติที่อุดมแคลเซียมอย่าง  เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง กะปิ และผักเช่นคะน้า แค สะเดา ก็ยิ่งดี 

     3.3 การขยันกินอาหารอุดมแคลเซียมนั้นก็ดีอยู่หรอก แต่จะดียิ่งขึ้นถ้าขยันออกแดด เพราะแสงแดดให้วิตามินดี.ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมเอาแคลเซียมจากอาหารไปใช้ประโยชน์ได้ คำแนะนำของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (NIH) แนะนำให้ออกแดดจัดช่วง 10.00-15.00 น. โดยเปิดแขนเปิดขาไม่ทาครีมกันแดด อย่างน้อยครั้งละ 5-30 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ก็ประมาณว่าจะได้วิตามินดี.เพียงพอ ดังนั้นผมแนะนำอย่างแข็งขันว่าคุณพี่ควรขยันออกแดดด้วย

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

1. Buchbinder R. Osborne RH. Ebeling PR. Mitchell P. Wriedt C. Graves S. Staples MP. Murphy B. A Randomized Trial of Vertebroplasty for Painful Osteoporotic Vertebral Fractures. N Engl J Med 2009; 361:557-568.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี