หมอสันต์ชวนมาฟังดนตรีในสวน และ..ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรจะผ่าตัดอวัยวะไหนกันละครับ

     ก่อนตอบคำถามวันนี้ของประกาศเชิญชวนแฟนบล็อกหมอสันต์มาฟังเพลง Music We Care สไตล์ดนตรีในสวนที่เวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์ ในวันเสาร์ที่ 12 กย. 63 เวลาตั้งแต่ 16.30 น. ถึง 18.00 น. โดยนักร้องดัง คุณอุ๊บอิ๊บ (พชรมน นภัสธนาเกียรติ) และนักดนตรีนักแต่งเพลง พงษ์พันธ์ จันทร์เนตร  (กิ๊ก) จะเล่นทั้งเพลงในอัลบั้มของอุ๊บอิ๊บ ของ Impression Studio และเพลงเก่าๆทั่วๆไปที่ผู้ฟังขอฟัง ผมโพสท์ที่เขาทดลองเสียงกันไปในเฟซบุ้คให้ท่านฟังเป็นตัวอย่าง (https://www.facebook.com/109891462446904/videos/645826986075244) ดนตรีในสวนนี้ฟังฟรี สำหรับท่านที่อยากถือโอกาสมานอนมาทานอาหารพืชเป็นหลักเพื่อฟื้นฟูสุขภาพในวันหยุดก็ติดต่อจองที่พักเอาเองนะครับ โดยติดต่อที่คุณเฟิร์น (วิไลพร) ที่หมายเลข 063 639 4003 หรือ 02 038 5115 หรือไลน์ @wellnesswecare หรืออีเมล host@wellnesswecare.com 

     เอาละ ถึงเวลาตอบจดหมายประจำวัน

     เรียน  คุณหมอสันต์

     ปัจจุบันดิฉันอายุ 64 ปี สูง 159 ซม. นน. 44 กก. น้ำตาล 78 Cholesterol 226  Triglyceride 66  HDL 82  LDL 131 อาการก่อนหน้านี้คือ  เจ็บแปล๊บเหมือนเข็มแทงที่หน้าอก  จุกแน่น ที่แผ่นหลัง  มีจุกที่ลำคอ  และปวดกรามข้างซ้าย  อาการมันเกิดทุกขณะค่ะ  เจ็บหน้าอกแต่ละครั้งไม่เกิน 5 วินาทีก็หายไป อาการแน่นหน้าอกไม่มีเลยค่ะ  มีแต่อาการจุกแน่น ที่แผ่นหลังและลำคอแทน  ดิฉันแก้วิธีจุกที่แผ่นหลังด้วยการนวด คลายกล้ามเนื้อด้วยตัวเอง  ก็ดีขึ้น  แต่สัก 1-2 ชั่วโมงก็กลับมาจุกใหม่ค่ะ

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้  ดิฉันได้เข้าตรวจโปรแกรมสุขภาพหัวใจโดยตรง  ผลเลือดออกมาทุกตัวดีหมดและได้ตรวจเลือดหาค่าเอนไซม์หัวใจ  ก็ปกติเช่นกัน  รวมทั้งเอ๊กซเรย์ปอด EKG ECHO  และวิ่งสายพาน  ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ

แต่คุณหมอก็ยืนยันที่จะทำบอลลูนหรือบายพาสให้ได้  แต่ตอนนี้  เธอให้ยามาทานดูอาการสองสัปดาห์  ยาที่ให้คือยาลดไขมันในเลือด  และยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน หลังจากทานยาห้าวัน  เจ็บเหมือนเข็มแทงไม่มีค่ะ  แต่จะมีอาการปวดแปล๊บที่หน้าอกข้างซ้ายประมาณ 15 วินาทีมาแทน  หายใจลึก ๆ ยาว ๆ ผ่อนคลายตามที่ดูยูทูปของคุณหมอสันต์แนะนำ  ก็หายทันทีค่ะ  อาการปวดกร้ามซ้ายหายไป  แต่อาการจุกเสียดที่ลำคอและแผ่นหลังยังมีอยู่เป็นช่วง ๆ นะคะ  พอทนได้  ยังไม่ขัดกับคุณภาพชีวิต

กราบเรียนถามคุณหมอว่า  อาการทั้งหมดเหล่านี้  สมควรจะต้องรีบผ่าตัดด่วนหรือไม่  แต่ใจของดิฉัน  อยากจะรักษาตัวเองด้วยยา พร้อมกับมาดูแลรักษาประคับประคองด้วยตนเอง  ตามแบบโรคหัวขาดเลือดแบบไม่ด่วน  Stable Angina  ตามที่คุณหมอได้บรรยายไว้ และสิ่งใดที่ควรทำ  ไม่ควรทำ  ดิฉันได้จดไว้หมดแล้วค่ะ

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย  และจากการให้คำปรึกษาช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ทุกข์ยากทุกคน  เป็นอานิสงค์ผลบุญให้คุณหมอและครอบครัว  ประสบแต่ความสำเร็จ  พบสิ่งที่ดี  มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ด้วยเทอญ

ขอบพระคุณมา ณ ที่นี้อย่างสูง

.........................................................................

ตอบครับ

     ถามว่าอาการทั้งหมดเหล่านี้สมควรผ่าตัดด่วนหรือไม่ ตอบว่ายังไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรเลยจะให้ผ่าตัดที่อวัยวะไหนละครับ (หิ หิ)

     มองจากทางด้านอาการวิทยา อาการไม่เหมือนโรคหัวใจขาดเลือด 

     ไม่เหมือนทั้งแบบด่วน (acute MI) เพราะอาการเป็นอยู่แค่ระยะสั้นๆแล้วหายไปเองและไม่สัมพันธ์กับการออกแรง 

     ไม่เหมือนทั้งแบบไม่ด่วน (stable angina) เพราะอาการไม่สัมพันธ์กับการออกแรง 

     อาการไปเหมือนทางโรคกรดไหลย้อนมากกว่า ทั้งอาการที่แผ่นหลังและลำคอ

     เมื่อพิจารณาประกอบกับที่ได้ตรวจวิ่งสายพานแล้วได้ผลปกติ ตรวจเอ็นไซม์หัวใจแล้วได้ผลปกติ ดูปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดก็ไม่มี จึงไม่มีหลักฐานอะไรสนับสนุนว่าคุณเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ไม่ว่าจะแบบด่วนหรือไม่ด่วน

     ดังนั้น ผมแนะนำให้คุณรักษาแบบโรคกรดไหลย้อนไปก่อนสักสามเดือนหกเดือน ผมเคยเขียนวิธีรักษาโรคกรดไหลย้อนไปหลายครั้งคุณลองหาอ่านเอาเอง

http://visitdrsant.blogspot.com/2020/04/blog-post_9.html

     ทางด้านหัวใจนั้นก็ให้ขยันออกกำลังกายเสมือนเป็นการตรวจวิ่งสายพานตัวเองทุกวัน ถือโอกาสนี้เปลี่ยนอาหารเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตเสียด้วย ตรงนี้สำคัญกว่าการพยายามจะวินิจฉัยว่าเป็นโรคอะไรเสียอีก เพราะหากใช้ชีวิตดี โรคอะไรมันก็จะหายเอง ไม่ต้องไปวินิจฉัยมันก็ได้

    ผ่านไปหกเดือนแล้วหากอาการยังไม่หาย และคุณยังติดใจเรื่องว่าจะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดหรือไม่ ก็ยังไม่ต้องสวนหัวใจ แต่ให้คุณไปตรวจ coronary CTA (เข้าอุโมงเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ไม่ใช่สวนหัวใจ) ดูก่อน เพราะการตรวจชนิดนี้บอกได้ว่าหลอดเลือดมีจุดตีบอยู่กี่ตำแหน่ง ตรงไหนบ้าง ข้อมูลที่ได้จะมากพอที่จะตัดสินใจว่าควรจะเดินหน้าสวนหัวใจหรือไม่ ถ้าในอนาคตคุณได้ตรวจ CTA จริง จะส่งผลมาให้ผมช่วยดูให้ก็ได้

     ส่วนการจะสวนหัวใจเมื่อไหร่นั้น ตอบว่าจะทำก็ต่อเมื่อมีข้อมูลแน่ชัดแล้วว่าจะต้องทำผ่าตัดบายพาสเพื่อลดโอกาสตายก่อนเวลาอันควร ซึ่งมีกรณีเดียวเท่านั้น คือเมื่อมีอาการแน่นหน้าอกมากหรือบ่อยร่วมกับตรวจ CTA แล้วพบว่ามีรอยตีบอย่างสำคัญที่โคนของหลอดเลือดข้างซ้าย (LM) ซึ่งกรณีเช่นนั้นเป็นกรณีที่มีหลักฐานการรักษาว่าได้ผลดีอยู่วิธีเดียว คือทำผ่าตัดบายพาส ส่วนกรณีอื่นนั้น จะรักษาด้วยวิธีไหน รุกล้ำหรือไม่รุกล้ำ ผลสุดท้ายก็แป๊ะเอี้ย คือ..มีอัตราตายเท่ากัน 

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี