เปลี่ยนชีวิตคุณใน 9 ประเด็น
เมื่อคืนนี้ขับรถจากกรุงเทพมาถึงมวกเหล็กเอาตอนสองทุ่ม จึงได้มีโอกาสกินอาหารเช้าที่สนามหน้าบ้านบนเขาทั้งๆที่วันนี้ปกติต้องรีบเพราะเป็นวันมีแค้มป์สุขภาพดีด้วยตนเอง (GHBY) อาหารเช้าวันนี้มีฟรุ้ตโยเกิร์ต กล้วยหอม ขนมปังโฮลวีทและ "วีแกนโปรตีนบาร์" ซึ่งเป็นผลวิจัยใหม่ของเวลเนสวีแคร์ กล้วยหอมหนึ่งใบ กาแฟเจือจางครึ่งถ้วย ฟรุ้ตโยเกิร์ตเป็นฝีมือหมอสมวงศ์ ที่ว่าฝีมือก็คือหั่นผลไม้เป็นชิ้นๆใส่ถ้วย ถ้าเป็นเม็ดๆอยู่แล้วเช่นทับทิมองุ่นก็ไม่ต้องหั่น ใส่ลงไปเลย แล้วเอาโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองชนิดไม่ใส่น้ำตาลราดทับนิดหน่อย เนี่ยแหละ เรียกว่าฝีมือละ
วันก่อนผมไปสอนพนักงานขององค์กรแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาให้พนักงานที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังมาเรียนรู้วิธีดูแลตัวเอง ผมได้พูดถึงประเด็นที่เคยพูดมาก่อนแล้ว คือการ "เปลี่ยนชีวิต" แต่คราวนี้ได้ปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยให้กระชับขึ้น จึงขอสรุปมาให้ฟัง
......................................
คุณมาจบที่ตรงนี้ มาป่วยเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย วิธีใช้ชีวิตที่ผ่านมาแบบเดิมๆ กินอาหารแบบเดิมๆ นำคุณมาสู่การเป็นโรคเรื้อรัง คุณไม่มีทางที่จ่ะออกจากการเป็นโรคเรื้อรังไปได้หากคุณยังใช้ชีวิตแบบเดิมๆ กินอาหารแบบเดิมๆ คุณจะต้องต้องเปลี่ยนชีวิตของคุณไปอย่างสิ้นเชิงในเก้าประเด็นต่อไปนี้ คือ
1. คุณจะต้อง เปลี่ยนท่าร่าง จากที่ชอบทำท่าหลังงองุ้ม คุณต้องยืดตัวขึ้น หลังตรง จากที่ชอบก้มหน้าต่ำสำนึกผิดมองแต่พื้น คุณจะต้องเชิดหน้าขึ้น มองไปไกลๆ แขม่วพุงไว้ ยืดหน้าอกขึ้น ปล่อยไหล่ลงไป อกผาย ไหล่ผึ่ง แขม่วพุงทั้งชาติ หายใจเข้าแขม่ว หายใจออกแขม่ว เวลายืนก็ยืดตัวตรงอย่างนี้ กางขานิดๆ แอบย่อหัวเข่าหน่อยๆ ย่อนิดเดียว คุณอื่นไม่รู้ ย่อเพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนล่างอันได้แก่หน้าขา หลังขา และน่อง ได้ออกแรงตลอดเวลา เป็นการเล่นกล้ามในท่ายืนเฉยๆ
2. คุณจะต้อง เปลี่ยนการเคลื่อนไหว จากเดิมที่เคยเคลื่อนไหวช้า เงื่องหงอย กลัวแผ่นดินถล่ม ให้คุณเปลี่ยนการเคลื่อนไหวเป็นรวดเร็ว คล่องแคล่ว ว่องไว กระฉับกระเฉง ฟุบฟับ ชุบชับ เดินด้วยหลังที่ตั้งตรง เวลาเดินยกเข่าให้สูงเตะเท้าไปให้ไกล เวลาเลี้ยวหรือหันก็เลี้ยวฟับอย่างมั่นใจ เวลาพูดก็พูดจาให้ฉะฉาน เสียงดังฟังชัด
3. คุณจะต้อง เปลี่ยนจาก "ซึม" มาเป็น "ตื่น" หายใจเข้าลึกๆรับเอาพลังงานเข้ามา และหมั่นสะดุ้งต้วเองแบบทหารอาชีพเวลานายมาตรวจแถว สะดุ้งตัวเองขึ้น ่ตื่น ระแวดระวังระไวกับเดี๋ยวนี้ ทีละโมเมนต์ ทีละขณะ โมเมนต์หน้าอะไรจะเกิดขึ้นเรายังไม่รู้เลย นี่คือความมหัศจรรย์ของชีวิต ถ้าคุณไม่ตื่น คุณจะพลาดความมหัศจรรย์นี้
4. คุณจะต้อง เปลี่ยนจาก“คิด” มา“รู้” พลังชีวิตตัวเอง ถ้าไม่ใช่เวลาที่ต้องคิดขณะทำงาน ให้วางความคิดไปให้หมด นี่เป็นเป็นการเปลี่ยนทิศทางเดินของชีวิตจากมุ่งออกไปข้างนอกเป็นหันกลับเข้าข้างใน ข้างนอกคือความสนใจเรื่องนั้นเรื่องนี้ ข้างในคือพลังชีวิตที่ปลอดความคิด ให้คุณหายใจออกพร้อมกับรับรู้พลังชีวิตที่แผ่สร้านไปทั่วตัว เผื่อแผ่พลังนี้ออกไปจากตัวเองสู่ชีวิตอื่น หายใจเข้ารับเอาพลังเข้ามา หายใจออกแผ่พลังไปทั่วตัวผ่านทุกรูขุมขนออกไปให้ชีวิตอื่น เป็นการรู้สึก (feel) เอา ไม่ใช่คิดเอานะ คุณรับรู้พลังชีวิต หรือ "ปราณา" หรือ "ชี่" นี้ ด้วยการรับรู้ความรู้สึกแผ่วเบาบนผิวหนังทั่วตัว วูบๆวาบๆจิ๊ดๆจ๊าดๆ ซู่ๆ ซ่าๆ เหน็บๆ ชาๆ เจ็บๆ คันๆ อยู่กับพลังชีวิตนี้ทั้งวัน เพราะมันคือพลังที่ดลบันดาลให้ร่างกายของคุณนี้ตั้งอยู่และดำเนินไปได้
5. คุณจะต้อง เปลี่ยนร่างกายคุณจากหดเกร็งมาเป็นผ่อนคลาย กล้ามเนื้อทั่วตัวของคุณนี้คุณสั่งมันได้ ลองสำรวจความสนใจไปทั่วตัวซิ ตรงไหนเกร็งอยู่ก็สั่งให้มันผ่อนคลาย คุณจะรู้ว่าคุณผ่อนคลายหรือยังก็ไม่ยาก แค่ลองยิ้มที่มุมปากดูก็รู้แล้ว ไหนลองยิ้มดูซิ ถ้ายังยิ้มไม่ออกก็แปลว่ายังผ่อนคลายตัวเองไม่ได้ คุณต้องยิ้มได้ตลอดเวลา และหัวเราะบ่อย ยิ่งหัวเราะดังๆได้ยิ่งดี
6. คุณจะต้อง เปลี่ยนการกินจากกินสัตว์มากินพืช อาหารที่มีเนื้อสัตว์มากทำให้คุณเป็นโรคเรื้อร้ง ให้คุณสร้างนิสัยกินสลัดผักผลไม้นำก่อนทุกมื้อ มื้อนี้จะกินอะไรไม่สำคัญ แต่นำด้วยสลัดผักผลไม้ก่อนหนึ่งจาน คุณต้องเปลี่ยนวิธีกินวิธีดื่มเสียด้วย เวลากินคุณอย่ากินแบบสวาปาม กินช้าๆ และไม่ต้องกินจนอิ่ม อีกหกเจ็ดคำจะอิ่มก็ให้หยุด แล้วมันจะพอดี ถ้ากินจนอิ่มมันจะกลายเป็นมากเกินไป ในการดื่มให้คุณเอาน้ำเปล่าเป็นเครื่องดื่มประจำตัว เลิกดื่มเครื่องดื่มอื่นๆหมดหันมาดื่มแต่น้ำเปล่าทุกที่ทุกเวลา
7. คุณจะต้อง เปลี่ยนจากนั่งมาเป็นเดิน ผมไม่ได้เรียกร้องให้คุณออกกำลังกายมากมายพิศดารอะไร แต่ขอให้คุณลุกจากนั่งมาเดิน เดินทั้งวัน เดินไปเดินมา เดินขึ้นเดินลง บันไดเป็นที่ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ดีที่สุด เดินลงบันไดช้าๆไม่ให้มีเสียงกึกกักแล้วกล้ามเนื้อขาคุณจะแข็งแรงและหายปวดเข่า ตอนนี้คุณได้รับเครื่องนับก้าวแล้วนี่ ตกลงกันแล้วใช่ไหมว่าจะเดินให้ได้วันละ 10,000 ก้าว นั่นแหละ ตามนั้น แล้วอย่าโกงเครื่องนับนะ สัญญากันก่อน
8. คุณจะต้อง จัดหนึ่งชั่วโมงต่อวันทำพิธีกรรมส่วนตัว ชีวิตคุณใช้เวลาตั้งแต่ตื่นจนเข้านอนไปเพื่อคนอื่น เพื่อลูก เพื่อสามี เพื่อลูกค้า ต่อจากนี้ไปคุณต้องจัดเวลาเพื่อตัวเองออกมาให้ได้วันละหนึ่งชั่วโมง หรืออย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ตอนเช้าเมื่อตื่นนอนใหม่ๆก็ได้ ถ้าคุณทำแค่นี้ไม่ได้ก็จบข่าว คุณให้เวลากับสารพัดได้แต่ให้เวลาตัวเองแค่นี้ไม่ได้ก็ไม่ต้องหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ในหนึ่งหรือครึ่งชั่วโมงนี้คุณปิดหน้าจอ หยุดสื่อสาร อยู่กับตัวเอง ไม่มีอะไรทำก็อยู่เฉยๆ วางความคิดไปให้หมด ถ้าอยากทำอะไรก็ต้องเป็นไปเพื่อตัวเอง เช่นออกกำลังกาย รำมวยจีน โยคะ หรือนั่งสมาธิ ทำให้ได้ทุกวัน เรียนรู้จากเพื่อนคุณคนที่ติดบุหรี่ที่เขาให้เหตุผลว่าเขาเลิกไม่ได้เพราะมันกลายเป็นนิสัยทุกวันของเขาไปเสียแล้ว นั่นแหละ คุณเลียนแบบเขา ปลูกฝังพิธีกรรมส่วนตัวทุกวันให้เป็นนิสัยแล้วมันจะมีพลังเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้
9. คุณจะต้อง ถามตัวเองทุกเช้าว่าตื่นมาทำไม ใหม่ๆคำตอบจะเปะปะ ไม่เป็นไร ขยันถามไป ในที่สุดคำตอบจะเป็นคำเดียวซ้ำซาก นั่นแหละคือธงชีวิตของคุณ ให้คุณมุ่งไปตรงนั้น
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
วันก่อนผมไปสอนพนักงานขององค์กรแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาให้พนักงานที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังมาเรียนรู้วิธีดูแลตัวเอง ผมได้พูดถึงประเด็นที่เคยพูดมาก่อนแล้ว คือการ "เปลี่ยนชีวิต" แต่คราวนี้ได้ปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยให้กระชับขึ้น จึงขอสรุปมาให้ฟัง
......................................
คุณมาจบที่ตรงนี้ มาป่วยเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย วิธีใช้ชีวิตที่ผ่านมาแบบเดิมๆ กินอาหารแบบเดิมๆ นำคุณมาสู่การเป็นโรคเรื้อรัง คุณไม่มีทางที่จ่ะออกจากการเป็นโรคเรื้อรังไปได้หากคุณยังใช้ชีวิตแบบเดิมๆ กินอาหารแบบเดิมๆ คุณจะต้องต้องเปลี่ยนชีวิตของคุณไปอย่างสิ้นเชิงในเก้าประเด็นต่อไปนี้ คือ
1. คุณจะต้อง เปลี่ยนท่าร่าง จากที่ชอบทำท่าหลังงองุ้ม คุณต้องยืดตัวขึ้น หลังตรง จากที่ชอบก้มหน้าต่ำสำนึกผิดมองแต่พื้น คุณจะต้องเชิดหน้าขึ้น มองไปไกลๆ แขม่วพุงไว้ ยืดหน้าอกขึ้น ปล่อยไหล่ลงไป อกผาย ไหล่ผึ่ง แขม่วพุงทั้งชาติ หายใจเข้าแขม่ว หายใจออกแขม่ว เวลายืนก็ยืดตัวตรงอย่างนี้ กางขานิดๆ แอบย่อหัวเข่าหน่อยๆ ย่อนิดเดียว คุณอื่นไม่รู้ ย่อเพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนล่างอันได้แก่หน้าขา หลังขา และน่อง ได้ออกแรงตลอดเวลา เป็นการเล่นกล้ามในท่ายืนเฉยๆ
2. คุณจะต้อง เปลี่ยนการเคลื่อนไหว จากเดิมที่เคยเคลื่อนไหวช้า เงื่องหงอย กลัวแผ่นดินถล่ม ให้คุณเปลี่ยนการเคลื่อนไหวเป็นรวดเร็ว คล่องแคล่ว ว่องไว กระฉับกระเฉง ฟุบฟับ ชุบชับ เดินด้วยหลังที่ตั้งตรง เวลาเดินยกเข่าให้สูงเตะเท้าไปให้ไกล เวลาเลี้ยวหรือหันก็เลี้ยวฟับอย่างมั่นใจ เวลาพูดก็พูดจาให้ฉะฉาน เสียงดังฟังชัด
3. คุณจะต้อง เปลี่ยนจาก "ซึม" มาเป็น "ตื่น" หายใจเข้าลึกๆรับเอาพลังงานเข้ามา และหมั่นสะดุ้งต้วเองแบบทหารอาชีพเวลานายมาตรวจแถว สะดุ้งตัวเองขึ้น ่ตื่น ระแวดระวังระไวกับเดี๋ยวนี้ ทีละโมเมนต์ ทีละขณะ โมเมนต์หน้าอะไรจะเกิดขึ้นเรายังไม่รู้เลย นี่คือความมหัศจรรย์ของชีวิต ถ้าคุณไม่ตื่น คุณจะพลาดความมหัศจรรย์นี้
4. คุณจะต้อง เปลี่ยนจาก“คิด” มา“รู้” พลังชีวิตตัวเอง ถ้าไม่ใช่เวลาที่ต้องคิดขณะทำงาน ให้วางความคิดไปให้หมด นี่เป็นเป็นการเปลี่ยนทิศทางเดินของชีวิตจากมุ่งออกไปข้างนอกเป็นหันกลับเข้าข้างใน ข้างนอกคือความสนใจเรื่องนั้นเรื่องนี้ ข้างในคือพลังชีวิตที่ปลอดความคิด ให้คุณหายใจออกพร้อมกับรับรู้พลังชีวิตที่แผ่สร้านไปทั่วตัว เผื่อแผ่พลังนี้ออกไปจากตัวเองสู่ชีวิตอื่น หายใจเข้ารับเอาพลังเข้ามา หายใจออกแผ่พลังไปทั่วตัวผ่านทุกรูขุมขนออกไปให้ชีวิตอื่น เป็นการรู้สึก (feel) เอา ไม่ใช่คิดเอานะ คุณรับรู้พลังชีวิต หรือ "ปราณา" หรือ "ชี่" นี้ ด้วยการรับรู้ความรู้สึกแผ่วเบาบนผิวหนังทั่วตัว วูบๆวาบๆจิ๊ดๆจ๊าดๆ ซู่ๆ ซ่าๆ เหน็บๆ ชาๆ เจ็บๆ คันๆ อยู่กับพลังชีวิตนี้ทั้งวัน เพราะมันคือพลังที่ดลบันดาลให้ร่างกายของคุณนี้ตั้งอยู่และดำเนินไปได้
5. คุณจะต้อง เปลี่ยนร่างกายคุณจากหดเกร็งมาเป็นผ่อนคลาย กล้ามเนื้อทั่วตัวของคุณนี้คุณสั่งมันได้ ลองสำรวจความสนใจไปทั่วตัวซิ ตรงไหนเกร็งอยู่ก็สั่งให้มันผ่อนคลาย คุณจะรู้ว่าคุณผ่อนคลายหรือยังก็ไม่ยาก แค่ลองยิ้มที่มุมปากดูก็รู้แล้ว ไหนลองยิ้มดูซิ ถ้ายังยิ้มไม่ออกก็แปลว่ายังผ่อนคลายตัวเองไม่ได้ คุณต้องยิ้มได้ตลอดเวลา และหัวเราะบ่อย ยิ่งหัวเราะดังๆได้ยิ่งดี
6. คุณจะต้อง เปลี่ยนการกินจากกินสัตว์มากินพืช อาหารที่มีเนื้อสัตว์มากทำให้คุณเป็นโรคเรื้อร้ง ให้คุณสร้างนิสัยกินสลัดผักผลไม้นำก่อนทุกมื้อ มื้อนี้จะกินอะไรไม่สำคัญ แต่นำด้วยสลัดผักผลไม้ก่อนหนึ่งจาน คุณต้องเปลี่ยนวิธีกินวิธีดื่มเสียด้วย เวลากินคุณอย่ากินแบบสวาปาม กินช้าๆ และไม่ต้องกินจนอิ่ม อีกหกเจ็ดคำจะอิ่มก็ให้หยุด แล้วมันจะพอดี ถ้ากินจนอิ่มมันจะกลายเป็นมากเกินไป ในการดื่มให้คุณเอาน้ำเปล่าเป็นเครื่องดื่มประจำตัว เลิกดื่มเครื่องดื่มอื่นๆหมดหันมาดื่มแต่น้ำเปล่าทุกที่ทุกเวลา
7. คุณจะต้อง เปลี่ยนจากนั่งมาเป็นเดิน ผมไม่ได้เรียกร้องให้คุณออกกำลังกายมากมายพิศดารอะไร แต่ขอให้คุณลุกจากนั่งมาเดิน เดินทั้งวัน เดินไปเดินมา เดินขึ้นเดินลง บันไดเป็นที่ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ดีที่สุด เดินลงบันไดช้าๆไม่ให้มีเสียงกึกกักแล้วกล้ามเนื้อขาคุณจะแข็งแรงและหายปวดเข่า ตอนนี้คุณได้รับเครื่องนับก้าวแล้วนี่ ตกลงกันแล้วใช่ไหมว่าจะเดินให้ได้วันละ 10,000 ก้าว นั่นแหละ ตามนั้น แล้วอย่าโกงเครื่องนับนะ สัญญากันก่อน
8. คุณจะต้อง จัดหนึ่งชั่วโมงต่อวันทำพิธีกรรมส่วนตัว ชีวิตคุณใช้เวลาตั้งแต่ตื่นจนเข้านอนไปเพื่อคนอื่น เพื่อลูก เพื่อสามี เพื่อลูกค้า ต่อจากนี้ไปคุณต้องจัดเวลาเพื่อตัวเองออกมาให้ได้วันละหนึ่งชั่วโมง หรืออย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ตอนเช้าเมื่อตื่นนอนใหม่ๆก็ได้ ถ้าคุณทำแค่นี้ไม่ได้ก็จบข่าว คุณให้เวลากับสารพัดได้แต่ให้เวลาตัวเองแค่นี้ไม่ได้ก็ไม่ต้องหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ในหนึ่งหรือครึ่งชั่วโมงนี้คุณปิดหน้าจอ หยุดสื่อสาร อยู่กับตัวเอง ไม่มีอะไรทำก็อยู่เฉยๆ วางความคิดไปให้หมด ถ้าอยากทำอะไรก็ต้องเป็นไปเพื่อตัวเอง เช่นออกกำลังกาย รำมวยจีน โยคะ หรือนั่งสมาธิ ทำให้ได้ทุกวัน เรียนรู้จากเพื่อนคุณคนที่ติดบุหรี่ที่เขาให้เหตุผลว่าเขาเลิกไม่ได้เพราะมันกลายเป็นนิสัยทุกวันของเขาไปเสียแล้ว นั่นแหละ คุณเลียนแบบเขา ปลูกฝังพิธีกรรมส่วนตัวทุกวันให้เป็นนิสัยแล้วมันจะมีพลังเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้
9. คุณจะต้อง ถามตัวเองทุกเช้าว่าตื่นมาทำไม ใหม่ๆคำตอบจะเปะปะ ไม่เป็นไร ขยันถามไป ในที่สุดคำตอบจะเป็นคำเดียวซ้ำซาก นั่นแหละคือธงชีวิตของคุณ ให้คุณมุ่งไปตรงนั้น
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์