งานวิจัยนิยมแบ่งวิธีทำ meditation ออกเป็นสามกลุ่ม

เรียนคุณหมอสันต์ที่นับถือ
     ผมมีความสนใจที่จะฝึก meditation แต่ผมไม่ชอบวิธีทางศาสนา คุณหมออย่าว่าผมนะที่ไม่ชอบยุ่งกับพวกบ้าศาสนา นอกจากไม่ชอบแล้วผมไม่เชื่อด้วย ผมชอบวิธีทางวิทยาศาสตร์มากกว่า แต่ผม google แล้วรู้สึกว่า meditation มันมีหลายแบบเหลือเกิน ผมอยากถามคุณหมอว่าทั้งหมดแล้วมันมีกันกี่แบบ มีงานวิจัยเปรียบเทียบกันไหม แล้ว sophrology meditation เป็นอย่างไรครับ และ kundalini yoga meditation เป็นอย่างไรครับ ผมควรจะใช้อะไรเป็นหลักในการเลือก หรือผมควรจะเลือกแบบไหน
ขอบคุณคุณหมอมากๆครับ

.............................................................

ตอบครับ

     ผมไม่ว่าอะไรคุณนะ ไม่มีอคติกับคนรุ่นคุณ ที่ทุกอย่างต้องไปตั้งต้นที่กูเกิ้ล และไม่ว่าอะไรคุณที่ไม่อยากยุ่งกับศาสนา ผมเห็นว่าการที่คุณปฏิเสธศาสนาหรืออะไรที่มีกลิ่นอายของความคร่ำครึไม่ควรจะเป็นการปิดโอกาสที่คุณจะได้สัมผัสกับสิ่งดีๆในชีวิต  ผมจึงตั้งใจตอบคำถามคุณให้ตรงกับความจริง

     1. ถามว่า meditation ที่เราแปลง่ายๆว่าการทำสมาธิในโลกนี้มีกี่แบบ ตอบว่า โอ้..โฮ แล้วผมจะรู้ไหมเนี่ย ผมไม่รู้หรอก ผมได้แต่แชร์ข้อมูลที่ผมพอจะมีอยู่ว่า

     (1) เมื่อมีคนพยายามนับแอ็พการฝึกสติบนโทรศัพท์มือถือที่มีให้โหลดทุกวันนี้ พบว่าไม่สามารถนับได้แน่นอนเพราะมันเกิดเพิ่มทุกวัน มีแต่ประมาณภาพรวมว่ามีราว 1500 แอ็พ แต่ละแอ็พก็ว่ากันคนละวิธีตามแต่เจ้าของแอ็พจะคิดได้

     (2) มีคนเล่าให้ฟังว่าวันที่ห้องเวลเนสสตูดิโอใหม่ชื่อ HealHaus เปิดที่บรู้คลิน (นิวยอร์ค) เขาแอบไปนับห้องฝึกสมาธิ (meditation room) ซึ่งที่นั่นหนึ่งห้องก็สอนสมาธิด้วยวิธีเฉพาะตัวหนึ่งแบบ นับไปนับมามีถึง 14 ห้อง 14 แบบ นี่ที่เดียวนะ และเผลอๆครูใหญ่คนเดียว แล้วโลกนี้มีที่สอนฝึกสมาธิกี่ที่ ครูกี่คน คุณนับเอาเองก็แล้วกันว่ามันจะมีได้กี่แบบ

     (3) นานมาแล้วผมไปประชุมที่บาหลี วันว่างจากการประชุมผมจ้างแทกซี่ขับรถพาผมตัวคนเดียวขึ้นไปเที่ยวทางตอนเหนือสุดของเกาะ ไปพบรีสอร์ทหรูแห่งหนึ่งจำชื่อไม่ได้แล้ว ที่นั่นสอนฝึกสมาธิด้วยวิธีชักกระตุก (shaking meditation) คือไม่ว่าจะนั่งยืนเดินนอนก็ชักกระตุกดึ๊กๆๆ กระแด่วๆๆ แบบคนเป็นสันนิบาตทั้งวัน นี่ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง แล้วราคาค่าเรียนก็ไม่ใช่ถูกนะ ผมถามดูคอร์สหนึ่งสิบวัน เก้าหมื่นบาท นั่นสิบกว่าปีมาแล้วนะ ป่านนี้คงเกินแสนไปแล้ว

     (4) ในงานวิจัยทางการแพทย์ พวกนักวิจัยมักแยกหมวดการฝึกสมาธิหรือ meditation นี้ออกเป็นสามหมวดใหญ่ๆ คือ

     4.1 พวก focused attention หมายถึงวิธีเอาความสนใจจดจ่ออยู่ที่อะไรสักอย่างเพียงอย่างเดียว เช่น คำบริกรรม หรือลมหายใจ เป็นต้น

     4.2 พวก open monitoring หมายถึงพวกเปิดใจยอมรับยอมแพ้อะไรก็ตามที่โผล่มา สังเกตรับรู้ตามที่มันเป็นอย่างเดียวโดยไม่เข้าไปขับไล่หรือเข้าไปอี๋อ๋อข้องเกี่ยว พวกนี้จะเรียกว่าสายสัทธาหรือเมตตาหรือพวกอยู่กับปัจจุบันก็ได้

     4.3 พวก self-transcending ก็คือพวก TM หมายถึงพวกที่ไม่สนใจความคิดซึ่งถือว่าเป็นแค่ผิวของมหาสมุทรแต่มุ่งจะจมดิ่งลงไปหาส่วนลึกของมหาสมุทรลูกเดียว โดยมักจะเอาเสียงหรือการสั่นสะเทือนในรูปแบบต่างๆเป็นตัวพาให้จมดิ่งลงไป

     งานวิจัยจำนวนหนึ่งมุ่งแยกแยะผลของการทำสมาธิแต่ละแบบต่อการเปลี่ยนแปลงในเนื้อสมองว่าต่างกันอย่างไร ยกตัวอย่างเช่นงานวิจัยที่ดีมากชิ้นหนึ่งซึ่งทำที่สถาบันมากซ์แพลงค์ เปรียบเทียบผลของการทำสมาธิทั้งสามแบบต่อเนื้อสมอง พบว่าแบบจดจ่อทำให้คลื่นสมองแบบแกมม่าเวฟมีมากขึ้นบ่งชี้ไปทางสัมพันธ์กับการเรียนดี ความจำดี  แบบเปิดใจยอมรับทำให้คลื่นสมองแบบธีต้าเวฟมีมากขึ้นซึ่งบ่งชี้ไปทางช่วยการผ่อนคลายระบายอารมณ์ ส่วนแบบ TM ทำให้คลื่นสมองแบบอัลฟ่าเวฟมีมากขึ้นซึ่งบ่งชี้ไปทางให้เกิดการตื่นตัวระแวดระวังพร้อมกับมีสมาธิในขณะเดียวกัน แต่ผลวิจัยทั้งหมดนี้ก็ยังบอกไม่ได้หรอกว่าแบบไหนดีกว่าแบบไหนอยู่ดี รู้แต่ว่าแต่ละอย่างก็เป็นเพียงแค่วิธีการหนึ่งที่จะพาไปที่เดียวกัน คือการวางความคิดเข้าสู่ความรู้ตัวทั้งนั้น

     2. ถามว่า sophrology เป็นอย่างไร ตอบว่ามันเป็นวิธีทำสมาธิแบบจับแพะชนแกะที่เอาวิธีทำสมาธิแบบอินเดียไปคลุกกับเทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อของฝรั่ง ถ้าผมจำไม่ผิดวิธีนี้คิดขึ้นมาโดยจิตแพทย์ชาวสเปญคนหนึ่งเมื่อประมาณปี 1960 นี่เอง โดยมีเทคนิคปลีกย่อยเช่นใช้จินตนภาพและการเคลื่อนไหวร่วมด้วย โหลงโจ้งแล้วก็ไม่หนีการลอกแบบการรำมวยจีนมากนัก

     3. ถามว่าการทำสมาธิแบบ Kundalini yoga เป็นอย่างไร ตอบว่าคำนี้ใช้กันเปะปะหลายความหมายมาก รวมไปถึงหมายถึงวิธีมีเซ็กซ์แบบหนึ่งด้วย แต่กระแสหลักใช้คำนี้เพื่อหมายถึงการบรรลุความหลุดพ้นของโยคีกลุ่มหนึ่ง ด้วยวิธีปลุกพลังงานที่ซุ่มลึกอยู่ภายในที่เรียกว่ากุนดาลินีให้ตื่นขึ้น ผ่านหลายเทคนิคปนกันรวมทั้งการนั่งสมาธิ การเปล่งเสียงท่องบ่นมนตรา และการร่ายรำ เป็นต้น

     4. ถามว่าวิธีทำ meditation แบบไหนดีที่สุด ตอบว่าผมไม่ทราบครับ เพราะผมไม่เคยลองทุกแบบ และถ้าผมพยายามลองทุกแบบผมคงจะตายเสียก่อนที่จะเอาผลจากการฝึกไปใช้ประโยชน์ได้ คุณเริ่มต้นสนใจเรื่องพวกนี้จากทางการวิจัยวิทยาศาสตร์ก็ดีแล้ว คือคนเราต้องเริ่มที่ตรงไหนสักแห่งที่เราถนัด แต่ผมแนะนำคุณว่าอย่าไปให้ความสนใจในวิธีการที่หลากหลายเลย เลือกสักหนึ่งวิธีที่ถูกจริตคุณแล้วลงมือทำ ทุกวิธีพาไปสู่การวางความคิดเข้าสู่ความรู้ตัวเหมือนกันหมด อย่ามัวแต่เปรียบเทียบวิธีการ ให้ลงมือทำสักหนึ่งวิธี วิธีไหนก็ได้

     และในเรื่องการจะบรรลุความหลุดพ้นจากความคิดของตัวเองนี้ อย่าไปยุ่งกับสิ่งที่คุณเรียกว่าวิทยาศาสตร์ เพราะวิทยาศาสตร์เป็นคอนเซ็พท์ แปลว่าเป็นความคิด แต่ความรู้ตัวซึ่งเป็นปลายทางที่คุณอยากจะไปถึงนั้นมันอยู่นอกความคิด วิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นความคิดมันพาคุณหลุดพ้นจากความคิดไปถึงความรู้ตัวไม่ได้หรอก

     ถ้ามีโอกาสให้หาเวลามาเช้า Spiritual Retreat คุณจะได้มีประสบการณ์กับความรู้ตัวซึ่งเป็นความจริงที่อยู่นอกความคิด ดีกว่าที่จะมานั่งคิดวิเคราะห์วิธีการนี้วิธีการนั้นแล้วไม่ได้ไปไหนสักที

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

1. Fred Travis, “Focused Attention, Open Monitoring and Automatic Self-Transcending,” Consciousness and Cognition, vol. 19, issue 4, (December 2010): 1110–1118.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี